Market Wrap-Up
- SET วันที่ 5 พ.ย.67 ปิด +72 จุด อยู่ที่ 1,481.67 จุด มูลค่าการซื้อขาย 39,287 ลบ.ต่างชาติซื้อ 1,443 ลบ. สถาบันซื้อ 1,579 ลบ. รายย่อยขาย 1,997 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1,025 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 549 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,TRUE,BDMS,TU,WHA และยอดขายในหุ้น KTB,PTTEP,SCC,CPN,HMPRO มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,733 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HK01,SCC,BSRC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 30,231 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 86,445 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 246 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.02%, S&P500 +1.23%, Nasdaq +1.43% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +1.83%, อุตสาหกรรม +1.67% ส่วน ISM รายงานดัชนีภาคบริการสหรัฐ ต.ค. อยู่ที่ 56.0 & ก.ย. 54.9 สูงสุดนับตั้งแต่ ส.ค.65 ขณะที่ยอดขาดดุลการค้าสหรัฐ ก.ย. เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 8.44 หมื่น ล.ดอลลาร์ & คาด 8.41 หมื่น ล.ดอลลาร์ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.06% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรม +1%, บริการสุขภาพ -2% หลังแอสต้า เซนิก้า -8% จากข่าวผู้บริหารในจีนเกี่ยวข้องกับคดึฉ้อโกงประกันภัย และกลุ่มรถยนต์ -1.18%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และอุตสาหกรรม โดยนักลงทุนอยู่ระหว่างรอผลการเลือกตั้ง ปธ.ระหว่างทรัมป์ & แฮร์ริส ซึ่งผลโพลค่อนข้างสูสี ซึ่งผู้ชนะจะต้องได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งไม่น้อยกว่า 270 เสี่ยง จากทั้งหมด 538 เสี่ยง ในกรณีได้เสี่ยงเท่ากันที่ 269 เสียง อำนาจในการเลือก ปธ. จะกลับไปอยู่ที่สภาผู้แทนฯ เป็นผู้โหวตเลือก โดยการนับคะแนนช่วงเช้านี้ทรัมป์ได้คะแนน 95 / แฮร์ริส 35 เสียง ขณะที่ผลการประชุมเฟดในวันพรุ่งนี้คาดจะลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 4.50 – 4.75% และคาดลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ใน ธ.ค.
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง หลัง PMI ภาคการบริการอังกฤษ ต.ค. อยู่ที่ 52.0 & ก.ย. 52.4 ชะลอตัวมากสุดในรอบ 11 เดือน โดยนักลงทุนรอผลการเลือกตั้ง ปธ.สหรัฐ และวันพรุ่งนี้ติดตามการประชุม ธ.กลางอังกฤษ BOE ซึ่งคาดจะลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 4.75% อย่างไรก็ตาม ม.เก็บภาษีเพิ่ม 40,000 หมื่น ล.ปอนด์ เพื่อใช้ไฟแนนท์หนี้สาธารณะเดิม และใช้ปรับปรุงบริการสาธารณะ อาจส่งผลให้เงินเฟ้ออังกฤษมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +2.32% หลัง Caixin PMI ภาคบริการจีน ต.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 52.0 & คาด 50.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน กอปรรอผลการประชุม NPC จีนในวันที่ 4 – 8 พ.ย. ซึ่งคาดจะออกพันธบัตรพิเศษมูลค่า 10 ลล.หยวน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ส่วนดัชนีนิเกอิ +1.11% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี และรอผลการเลือกตั้งสหรัฐ ซึ่งหากทรัมป์ชนะ มีโอกาสที่ค่าเงินเยนจะอ่อนค่าไปที่ 160 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
- ดัชนี SET วานนี้ +1.28% ปริมาณการซื้อขาย 3.92 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 1,579 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,443 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1,025 ลบ. และรายย่อยขาย 1,997 ลบ. ได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติ หลัง Dollar Index & US Bond Yield อ่อนค่าลง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า แฮร์ริสมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะเป็นบวกต่อ Fund Flow ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยเม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในกลุ่มอิเล็ก ฯ โดย DELTA +6.45% จากคดการณ์กำไร Q4/67 ยังได้แรงหนุนจากกลุ่มธุรกิจ Data Center & Cloud Services ส่วนกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีก็มีแรงซื้อกลับ จากคาดการณ์จีนจะออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ขณะที่การประกาศ MSCI Rebalance ในวันพรุ่งนี้คาดมีโอกาสเพิ่มน้ำหนักหุ้นรายตัวของไทย เป็นผลจากดัชนี SET +8.3% สูงกว่า MSCI Asia Pacific X. Japan +2.5% หลังการ Rebalance รอบ ส.ค.ที่ผ่านมา ประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ ก.พาณิชย์จะรายงาน CPI ไทย ต.ค. คาด 0.95% & ก.ย. 0.61% YoY และรายงานงบ บจ. Q3/67 โดยกลุ่ม รพ., อาหาร & เครื่องดื่ม, อสังหาฯ, สาธารณูปโภค คาดกำไร Q3/67 จะขยายตัวได้ดี
Daily Strategy
- ประเมินดัชนี SET มีโอกาส Sideway Up โดยวางแนวรับ 1,465 – 1,470 แนวต้าน 1,490 – 1,500 คาด Fund Flow มีทิศทางชัดเจนขึ้นหลังทราบผลการเลือกตั้งสหรัฐ และคาดจะได้ปัจจัยหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีนรอบใหม่ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT,CRC ได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นซื้อในช่วงปลายปี / AOT,AAV,BA,ERW ได้ปัจจัยหนุนในช่วง High Season / นิคม ฯ AMATA,WHA,ROJNA ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตเข้าไทย
- SIRI* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 2.14 บาท) แนวโน้มกำไร 2Q67 ชะลอตัว QoQ, YoY มาจาการโอนโครงการแนวราบลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง ขณะที่ SG&A สูงขึ้นจากการส่งเสริมการตลาด ทั้งนี้หากมองข้ามไปยัง 4Q67 คาดกำไรจะกลับมาเติบโตได้ทั้ง QoQ, YoY จากการโอนที่เร่งตัวขึ้นช่วงท้ายปีและมีการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนใน The Standard เข้ามา ขณะที่ยอด presale จะเติบโตจากแผนการเปิดโครงการใหม่จำนวน 18 โครงการ มูลค่ารวม 8 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมี backlog รอโอน 1.4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ตลาดคาดการณ์กำไรปี 67-68 ที่ 5.1 พันล้านบาท -16%YoY และ 5.1 พันล้านบาท flat YoY ด้าน Valuation forward PER’68 ที่ 6.3 เท่า คาดการณ์ Dividend Yield สูงราว 8.5%
- WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท) สำหรับภาพการดำเนินงานกลุ่มนิคมฯในปี67-68 เราคาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV)/ การตั้ง Data Center รวมไปถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย โดยในส่วนของ WHA เองวางเป้ารายได้รวม (รวมส่วนแบ่งกำไร) ราว 1.5 หมื่นลบ./ EBITDA margin>50% และ เป้าขายที่ดินปีนี้ 2,500 ไร่(เพิ่มขึ้นจากเป้าเดิมที่ 2,275 ไร่) +18%YoY เน้นไปที่ที่ดินในไทย 2,300 ไร่ ส่วนที่เหลือ 200 ไร่เป็นที่ดินในเวียดนาม ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิของ WHA ปี67 และ 68 จะอยู่ที่ 4,645 ลบ.(+5%YoY) และ 5,943 ลบ.(+28%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ธ.ค. +$0.52 อยู่ที่ $71.99 / บาร์เรล, Brent ม.ค. +$0.45 อยู่ที่ $75.53/บาร์เรล หลังพายุโซนร้อนราฟาเอลจะเข้าอ่าวเม็กซิโก ซึ่งคาดจะกระทบการผลิตน้ำมันราว 4 ล.บาร์เรล กอปรสัญญาน้ำมันได้แรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$3.50 อยู่ที่ $2,749.70 /ออนซ์ ทรงตัวรอผลการเลือกตั้ง ปธ.สหรัฐวันพรุ่งนี้ และผลการประชุมเฟดวันที่ 7 พ.ย.
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +58.11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +42.96 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +14.16 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +0.99 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.77 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.355 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +31 จุด อยู่ที่ 1,405
(+) BitCoinเช้านี้ +4.25% อยู่ที่ 70,883 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
04 พ.ย. สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
06 พ.ย. ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.)
สัปดาห์ที2 กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
สภาผู้ส่งออก แถลงสถานการณ์การส่งออก
หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ต่างประเทศ
05 พ.ย. US การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ต.ค.)
06 พ.ย. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
06 พ.ย. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
07 พ.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ต.ค.)
US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio November 2024: CPALL, WHA, SAV, SYNEX*, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th