สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 6 พฤศจิกายน 2567)---บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 6 พ.ย. 2567 เปิดเผยว่า คาด SET มีกรอบบนที่ถูกจำกัด โดยมีแนวต้านบริเวณ 1490-1500 จุด เนื่องจากมองตลาดยังดูขาดปัจจัยหนุนใหม่ ท่ามกลางการติดตามผลการเลือกตั้งปธน. สหรัฐฯ ซึ่งทำให้ตลาดมีความผันผวนกระตุ้นแรงขายลดความเสี่ยง หลังดัชนีปรับขึ้นโดดเด่นเมื่อวาน ด้วยหุ้นเพียงไม่กี่ตัว ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1473 จุด หากต่ำกว่าเริ่มเป็นลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1460 จุด
ประเด็นสำคัญ
• สมาคมธนาคารไทยเตรียมมาตรการช่วยเหลือเพื่อลดภาระการเงินเพิ่มเติมให้แก่ลูกหนี้รายย่อย โดยพักชำระดอกเบี้ย ให้จ่ายแต่เงินต้น หากผ่อนชำระตามเกณฑ์จะยกดอกเบี้ยทั้งหมดที่ค้างชำระ พร้อมย้ำคนเข้าเกณฑ์ต้องกู้ก่อน 1 ม.ค. 67 และเริ่มผิดนัดชำระหนี้
• สรท. ชี้ไม่ว่าทรัมป์หรือแฮร์ริสชนะ ไทยจะต้องปรับตัวรับสงครามการค้า ช่วง 7 ปีที่เกิดสงครามการค้า ไทยได้อานิสงส์ย้ายฐานผลิต-ส่งออกไปสหรัฐฯ มั่นใจปีนี้ส่งออกโตกว่า 2% ทะลุ 10 ล้านลบ. สูงสุดใน 30 ปี
• รมช. คลังเล็งเก็บภาษีตัวใหม่ 2 ตัว ภาษีโซเดียมและภาษีไขมันเพื่อลดการบริโภคที่เป็นโทษต่อสุขภาพ โดยมอบนโยบายให้กรมสรรพสามิตเร่งศึกษารายละเอียดว่าจะเริ่มเก็บภาษีโซเดียมกับผลิตภัณฑ์ใดก่อน ส่วนภาษีไขมันกำลังศึกษาแนวทางเก็บไขมันดีหรือไขมันไม่ดี
• บริษัทพลังงานหลายแห่งในอ่าวเม็กซิโกเริ่มอพยพคนงานก่อนพายุโซนร้อนราฟาเอลพัดถล่ม โดยคาดจะทวีกำลังจนกลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนในสัปดาห์นี้ และอาจทำให้การผลิตน้ำมันในพื้นที่ลดลงราว 4 ล้านบาร์เรล
• ISM เผยดัชนีภาคบริการ ต.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2565 และสูงกว่าตลาดคาด บ่งชี้เศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง
• วานนี้นายกฯ หารือกับ CEO บริษัท GDS Holdings ถึงแนวทางการลงทุนของบริษัท GDSI ซึ่งมีแผนการก่อสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ โดยโครงการแรกได้รับการอนุมัติจาก BOI แล้ว และเชื่อว่าไทยจะสามารถเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Data Center ของภูมิภาค
• จับตาผลการเลือกตั้งปธน. สหรัฐฯ และความคืบหน้า Exit Poll หลังเช้านี้เวลา 6.00 น. (เวลาไทย) ได้ปิดหีบเลือกตั้งนับคะแนนเสียงแล้ว โดยคาดจะรู้ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการในคืนวันนี้เวลา 20.00 น.
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้น SET มีโอกาสฟื้นตัวจากระดับ 1450 จุด เนื่องจากมองตัวเลขเงินเฟ้อจีนจะออกมาต่ำกว่าคาดทำให้จีนอาจจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ และคาดเฟดมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้น รวมไปถึงการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐ คาดจะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้อาจจะมีความผันผวนที่สูงหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ปธน. ส่วนปัจจัยในประเทศน่าจะถูกขับเคลื่อนด้วยผลประกอบการ 3Q67 ของ บจ. ไทยเป็นสำคัญ แต่อย่างไรก็ดี ความผันผวนของค่าเงินและ Fund Flow ที่ยังไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ยังเป็นแรงกดดันต่อ Upside ของ SET ที่ 1500 จุด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
แนวรับ-ต้าน
1473/1460 – 1490/1500
ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวจากระดับ 1450 จุด แต่ยังมีแรงกดดันที่ 1500 จุด จากความผันผวนของค่าเงิน Fund Flow ที่ยังไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play สำหรับเก็งกำไรระยะสั้น คาดกำไร 3Q67 ออกมาเติบโตดี YoY และเป็นหุ้นที่เราแนะนำ Outperform เลือก CPAXT TU BCH MTC CBG WHA BDMS CPALL TIDLOR BEM AOT
2. หุ้น Global Play คาดระยะสั้นยังได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าและคาดกำไร 3Q67 เติบโต YoY และ 2H67 คาดกำไรยังแข็งแกร่ง HoH และ YoY เลือก TU AOT
3. หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนลดหย่อนภาษี (SSF, RMF และ THAIESG) แนะนำหุ้น SET100 ที่มี Div. Yield ขั้นต่ำ 3.5%, ESG Rating และ CG สูง, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO BCP ทั้งนี้แนะนำรอซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงในช่วงที่ผ่านมา
4. สำหรับนักลงทุนที่ยังกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางและต้องการหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP
Daily top picks
HMPRO: 4Q67 คาดกำไรจะเติบโต YoY และ QoQ หลังยอดขายสาขาเดิมมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวหลังน้ำท่วมคลี่คลายและกำลังซื้อที่ดีขึ้นจากมาตรการแจกเงินหมื่น อีกทั้งยังมีการขยายสาขาต่อเนื่องและมาร์จิ้นที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ยังเป็น Proxy ของกลุ่มค้าปลีกที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังจะออกมา
AOT: 4QFY67 คาดกำไรปกติ 4.1 พันลบ. เพิ่มขึ้น 14%YoY (จากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น) แต่ลดลง 10% QoQ (จากรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่ลดลง) และโมเมนตัมกำไรจะแข็งแกร่งขึ้น YoY และ QoQ ใน 1QFY68 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และยังมีปัจจัยบวกหนุนจากช่วง Golden Week ของจีน