Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

422

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
อัปเดต Sentiment การลงทุนในภูมิภาคจาก Fund Flow
Key Takeaways:
กระแสเงินลงทุนในภูมิภาคสัปดาห์ที่ผ่านมา มียอดขายสุทธิรวม 2,839 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 192 ล้านเหรียญในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยทุกประเทศมียอดขายสุทธิ
เซคเตอร์เด่นของภูมิภาคสัปดาห์ที่แล้ว จากการจับสัญญาณด้วย Volume Index ได้แก่ Transportation และ Chemical
เซคเตอร์ไทยที่ควรจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ Commerce, Transportation และ Petrochemicals
รายละเอียด: การติดตามกระแสการลงทุน (fund flows) ใน 5 ประเทศในสัปดาห์ที่ผ่านมา มียอดขายสุทธิ 2,839 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากยอดขายสุทธิ 192 ล้านเหรียญในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยมี net outflow ทุกประเทศ ได้แก่ ไทย 285 ล้านเหรียญ, อินโดนีเซีย 169 ล้านเหรียญ, ฟิลิปปินส์ 50 ล้านเหรียญ, เกาหลีใต้ 921 ล้านเหรียญ และไต้หวัน 1,414 ล้านเหรียญ
สำหรับเซคเตอร์เด่นของภูมิภาคจากการจับสัญญาณด้วย Volume Index มีดังนี้ (1) Transportation (ไทย, เกาหลีใต้, ไต้หวัน) และ (2) Chemical (ไทย, เกาหลีใต้)


แนวโน้ม:
เซคเตอร์ไทยที่น่าจับตาในระยะสั้น (เฉพาะที่ cover ในรายงาน Flow Tracker) ได้แก่
กลุ่มที่ 1: Volume Index มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากระดับสูงกว่า mid-point ได้แก่ Commerce และ Transportation
กลุ่มที่ 2: Volume Index มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากระดับใกล้ mid-point ได้แก่ Petrochemicals
ส่วนกลุ่มที่ให้ระมัดระวังกับความผันผวนในระยะสั้นยังคงเป็นกลุ่ม ICT เนื่องจาก Volume Index มีแนวโน้มปรับตัวลงจากโซน stretched level โดยแม้ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะลดลงจาก 90/100 จุด เป็น 86/100 จุด แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง

 

 

 

 

สรุปภาพตลาดวานนี้
ดัชนี้แกว่งตัวบริเวณเดิม โดยหุ้นหลักอย่าง DELTA CPALL AOT GULF ยังเป็นตัวดันตลาด และมี TOP ที่รีบาวน์ขึ้นมาแรงช่วยอีกแรง ขณะที่แรงขายฝั่งกดดันมาจาก CCET PTT TLI BLA CPF LH SAWAD ITC สำหรับหุ้นบวกแรงพร้อมปริมาณการซื้อขายวานนี้ เช่น A5 LTS ROCTEC MAGURO เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้
NPC Meeting, US เลือกตั้ง, ประชุมเฟด แถมต้องรองบอีก
วันสองวันนี้ คงมีแต่เรื่องให้จับตา และนักลงทุนอาจ รอดูความชัดเจน ทั้งการประชุม สภา NPC จีน, ผลเลือกตั้งสหรัฐ และ วันมะรืน ประชุมเฟด แถมยังมีประเด็นในประเทศ ทั้งเรื่องการเมือง, เลือกประธานแบงก์ชาติคนใหม่, MSCI จะประกาศรายชื่อหุ้นไทยเข้าออกรอบใหม่...

ทำให้เราคาดว่า นักลงทุนบางส่วน และ ต่างชาติ อาจเก็บแรงไว้รอดูผลลัพท์ทั้งหมด แล้วค่อยกลับเข้าตลาด ส่วนประเด็นที่เราเห็นว่าอาจจะมีผลลบ กับ Fund flows เช่น ตลาดหุ้นโซลกำลังพิจารณายกเลิกการเก็บภาษีลงทุน กลายเป็นเราต้องมีจุดเสริมการลงทุนใหม่เพื่อดึงดูดเงินลงทุน
แต่เราเชื่อว่า นักลงทุนในประเทศเอาอยู่แม้วอลุ่มจะบางลงไปบ้างเมื่อต่างชาติแผ่ว ขณะที่หุ้นโรงกลั่น ปิโตรฯ โรงแรม ท่องเที่ยวที่ปรับฐานก่อนหน้านี้ เริ่มมีแรงช้อนซื้อกลับ เสริมด้วยแรงซื้อหุ้น Local play ตัวอื่นๆ
เราคงคาดการณ์กรอบดัชนีสัปดาห์นี้ 1450 จุด (+/-) เช่นเดิม แต่คาดว่าจะยกฐานสูงขึ้น ส่วนแนวต้าน คาด 1476 จุด

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้

วิเคราะห์ทางเทคนิค
ดัชนีย่อนิดๆ แต่!ยังคงสู้บนเส้นค่าเฉลี่ย EMA 25 วัน 1,450 จุด ขณะที่ RSI recovery ชนเส้น signal line หากทะลุขึ้นได้จะแสดงพลังภาวะความแข็งแกร่งด้านราคา มุมมองตลาดเดือนพ.ย. มีแนวโน้มสร้างฐานใหม่ (ยก low ยก high) ภายหลังปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 18% .....จับตาถายหลังกองวายุภักษ์เข้าตลาดเมื่อเดือนตุลาคมช่วยดัน SET ปรับตัวขึ้นจากบริเวณ 1,450 จุด อาจเป็นโซนรับที่แข็งแกร่งหรือกรณี bear case เลวร้ายสุด อาจปรับฐานลงมาเส้นล่าง EMA 75 วันที่ 1430 จุด (ย่อไม่ลึก)
Note: ไฮไลท์สัปดาห์นี้ US Election จะทราบผลอย่างเป็นทางการเช้าวันที่ 6 พ.ย. ส่วนแผนเทรด…รีวิวหุ้นแนะนำประจำเดือนพ.ย. & Theme play: US election กลุ่มนิคม….เด่น!

 

 

 

What to watch
รายงานงบการเงินหุ้นสำคัญสัปดาห์นี้ เช่น 5 พ.ย. ITC DOHOME IRPC, 6 พ.ย. GPSC TU PTTGC, 7 พ.ย. BH CPAXT BJC OR BCP, 8 พ.ย. JMT WHA WHAUP INTUCH GUNKUL CBG COM7 (ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมใน Figure 1-3 รายงานกลยุทธ์ประจำสัปดาห์)
รมว.คลัง เตรียมพบปะหารือ ผู้ว่าแบงก์ชาติ รอบใหม่เพื่อ ถกครอบเงินเฟ้อปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะเห็นเงินเฟ้อไทยที่ออกมาในทางต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย ที่ 1-3%
หุ้นโซลปิดบวกเกือบ 2% รับข่าวยกเลิกภาษีการลงทุนเมื่อวานนี้ โดยตลาดได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าพรรคฝ่ายค้านของเกาหลีใต้เห็นพ้องให้มีการยกเลิกแผนการเก็บภาษีที่ได้จากการลงทุนด้านการเงิน (กลายเป็นข่าวที่ดึงดูดเงินออกจากตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติมจากเดิม)
MSCI รอบใหม่ประกาศ 6 พ.ย. และมีผล 26 พ.ย. 67 มีลุ้นเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย จับตา IVL-MTC
คาดหุ้นเข้า ออก จากการคำนวณ SET50-100 รอบใหม่ ได้แก่ SET50 เข้า COM7 BANPU SAWAD (ออก BCP EA TIDLOR) ส่วน SET100 เข้า CCET COCOCO JTS (ต้องผ่านเกณฑ์ทั้งหมดใน ต.ค.-พ.ย.) KAMART (ออก MBK TIPH RBF SKY)
ขุนคลัง ย้ำมาตรการกระตุ้นศก. โฟกัสระยะสั้นเป็นหลัก หวังเสริมสายป่าน ส่วนมาตรการแก้หนี้ครัวเรือน ที่ได้มีการหารือกับสมาคมธนาคารไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น จะต้องมีการหารือเพื่อหาข้อสรุปสุดท้ายอีกครั้ง โดยยอมรับว่าสถาบันการเงิน มีข้อเสนอให้มีการลดเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) จากปัจจุบันที่ 0.46% ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องมาคุยกันอีกที
(ลดดอก FIDF เพื่อแลกกับมาตรการลดหนี้ และ เสริมการลดดอกเบี้ยนโยบายแบงก์ชาติ ซึ่งก็ต้องดูว่า แบงก์ชาติ จะเอาด้วยหรือไม่เพราะผู้ว่าเคยให้สัมภาษณ์ เชิงปฏิเสธมาแล้ว)
ก.คลังออกแนวคิด แก้ปัญหาหนี้ ครัวเรือน 1 ล้านล้าน หลังถกกับสมาคมแบงก์ไทยยกเว้นดอกเบี้ย 3 ปี, ผ่อนแต่เงินต้น และให้ผ่อนแค่ครึ่งเดียว ลดต้นไวขึ้น, ขยายเวลาผ่อนให้นานขึ้น โดยจะเน้นไปที่กลุ่ม หนี้ค้างชำระ 1-3 เดือน และกลุ่มหนี้เสีย ไม่เกิน 1 ปี

หุ้นแนะนำวันนี้
ERW แนะหุ้น TOP Pick ของกลุ่มโรงแรม (แนะถือต่อ) (S 4 R 4.4 SL 3.9)

 

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Wealth Insight
ส่องหุ้นได้ประโยชน์ โค้งสุดท้ายเลือกตั้งสหรัฐ
หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้งสหรัฐฯ แบ่งได้ 2 กรณี หลัก ได้แก่ 1) พรรครีพับลิกันเป็นผู้ชนะครองเสียงข้างมากได้ทั้งสองสภา (Republican sweep) และ 2) พรรคเดโมแครตทั้งแบบชนะทั้งสองสภา (Democratic sweep) และไม่มีพรรคไหนครองเสียงข้างมาก (Split congress) ที่ประเมินว่าน่าจะไม่ต่างกันอย่างมีนัย จะต่างกันที่ความยาก-ง่ายในการผลักดันนโยบาย
กรณีที่ 1 หากพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้ง นโยบายภาษีการค้าแบบแข็งกร้าวประกอบกับการควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวด อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อ สภาพแวดล้อมนี้จะเร่งการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน นอกจากนี้ จุดยืนที่สนับสนุนอิสราเอลและความขัดแย้งกับปาเลสไตน์ รวมถึงการสนับสนุนพลังงานฟอสซิล อาจผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นโยบายสนับสนุน AI อย่างเสรีคาดว่าจะหนุนการเติบโตของอุตสาหกรรม Data center, Cloud และการใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วโลก
หุ้นบวกได้แก่ 1) หุ้น Quality และ Defensive ที่เหมาะกับช่วงปลายของวัฏจักรเศรษฐกิจโลก เช่น ค้าปลีกของใช้จำเป็น อาหารและเครื่องดื่ม สื่อสาร และโรงพยาบาล 2) กลุ่มส่งออกทดแทน โดยเฉพาะถุงมือยางและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ 3) กลุ่มได้ประโยชน์จากสงครามการค้า ทั้งค้าปลีก วัสดุก่อสร้าง และนิคมฯ ที่ตั้งอยู่ในเวียดนาม 4) กลุ่มพลังงานต้นน้ำ หากสงครามรุนแรงขึ้น ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น และ 5) กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Data center, Cloud และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เช่น สื่อสาร และโรงไฟฟ้า
กรณีที่ 2 หากพรรคเดโมแครตได้รับชัยชนะ (รวมทั้งกรณี Split Congress ด้วย) แนวนโยบายส่วนใหญ่อาจไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจชะลอตัวหรือถดถอยยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ต้องจับตามองในช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจโลก
หุ้นบวกได้แก่ 1) หุ้น Quality และ Defensive (เช่นเดียวกับกรณีแรก เพราะวัฏจักรเศรษฐกิจเดียวกัน) 2) กลุ่มได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต (กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้าในนิคม) และ 3) กลุ่มธุรกิจพลังงานทางเลือก

Property Sector
ผู้ประกอบการอัดโปรโมชั่น ท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอ
เราคาดการณ์กำไรหลักกลุ่มอสังหาฯ ที่ให้คำแนะนำ 3Q24 ที่ 6.2 พันล้านบาท ลดลง 5% YoY แต่เพิ่มขึ้น 5% QoQ โดยการลดลง YoY มาจากอัตรากำไรขั้นต้น (GM) ที่ปรับตัวลดลง จากโปรโมชั่นลดราคา ส่วนที่ดีขึ้น QoQ มาจากฤดูกาล นอกจากนี้ พบว่ารายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ GM ปรับตัวลดลงทั้ง YoY และ QoQ เป็นที่ชัดเจนว่า ใช้กลยุทธ์การส่งเสริมการขายที่เพิ่มขึ้น
ในส่วนรายตัว เรามองว่า SPALI จะเป็นผู้เติบโตโดดเด่นของกลุ่มอสังหาฯ ในรอบนี้ โดยเราคาดกำไรหลักที่ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% YoY และ 10% QoQ ตามมาด้วย SC ที่คาดกำไรหลัก 506 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% YoY และ 40% QoQ ขณะที่ AP เราคาดไว้ที่ 1.4 พันล้านบาท ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ ส่วน LH และ SIRI คาดจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ
แนวโน้ม 4Q24 เรามองว่าจะเห็นการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น QoQ ทำให้ presales และโอนจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ แต่ก็ต้องแลกมากกับการแข่งขันทางด้านราคาต่อ กดดัน GM
Fundamental View: เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุน “น้อยกว่าตลาด” และให้ SPALI เป็น top pick ทั้งนี้ เราได้เลื่อนไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 ทั้งหมดแล้ว (รายละเอียดในรายงานวันนี้)

 

Commodities
ค่าการกลั่นยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง
สัปดาห์ที่ผ่านมาค่าการกลั่น (GRM) ปรับตัวขึ้นสูงสุด WoW ตามมาด้วยอัตราค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ ในขณะที่อัตราค่าระวางเรือเทกองและราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง
คาดว่าใน 4Q24 ราคาน้ำมันดิบจะลดลงตามอุปสงค์ที่ซบเซา ยกเว้นกรณีความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจหนุนให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ GRM หากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับสูง
น้ำมันดิบ: ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยลดลง $2.12 WoW มาอยู่ที่ $72.11/bbl จากความกังวลเรื่องอุปทานที่ลดลงและสต็อกน้ำมันในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น
GRM: ค่าการกลั่นสิงคโปร์เพิ่มขึ้น $1.39 WoW มาอยู่ที่ $5.91/bbl จากอุปสงค์ตามฤดูกาลและสต็อกที่ลดลงในสหรัฐฯ โดยค่าการกลั่นของ Jet Fuel และดีเซล เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าการกลั่นน้ำมันเบนซินมีแรงกดดันจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวและการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากจีน
เคมีภัณฑ์: ส่วนต่างราคา Ethylene และ HDPE ขยายตัวเล็กน้อย ในขณะที่ของ Propylene ถูกกดดัน
ถ่านหิน: ดัชนี Newcastle ลดลงอีก $0.73 WoW มาอยู่ที่ $145.83/tonne เนื่องจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ซบเซา
ค่าระวางเรือ: Baltic Dry Index ลดลง 5% WoW มาอยู่ที่ 1,389 ตามการลดลงของดัชนีย่อยทุกประเภท โดย Capesize ลดลง 7% WoW ขณะที่ค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ (World Container Index) เพิ่มขึ้น 4% WoW
Fundamental view: เราชอบ IVL มากที่สุด จากแนวโน้มกำไร 3Q24 และ 4Q24 ดีต่อเนื่อง

 

HANA
ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส
ถูกกดดันใน 3Q24
เราประเมินกำไรหลักใน 3Q24 ที่ 420 ล้านบาท ลดลง 38% YoY และ 14% QoQ โดยจากการประเมินตามทิศทางมุมมองของลูกค้า คาดกลุ่มธุรกิจยานยนต์และธุรกิจในจีนยังถูกกดดัน ในด้านของกลุ่มที่ไม่ใช่ยานยนต์เริ่มมีการฟื้นตัวบ้าง แต่ยังระมัดระวัง โดยเราคาดรายได้ใน 3Q24 ของ HANA จะฟื้นตัวเล็กน้อยในรูป US$ แต่ถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า HANA มีโอการบันทึกการกลับรายการเงินลงทุนใน 3Q24 สำหรับภาพ 4Q24 คาดกำไรหลักจะฟื้นตัวใน YoY และ QoQ จากฐานที่ต่ำ
Fundamental view: เรายังคงคำแนะนำ wait-and-see

 


SAWAD
ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น
อยู่ในเส้นทางฟื้นตัว
เราคาดกำไรสุทธิ 3Q24 เท่ากับ 1.3 พันล้านบาท ลดลง 4% YoY (NIM อ่อนตัวลง) แต่เพิ่มขึ้น 5% QoQ (แนวโน้มขาดทุนจากการขายรถยึดลดลง) โดยเราคาดกำไรสุทธิ 4Q24 จะเติบโต 9% YoY และ 4% QoQ หนุนจากทิศทางขาดทุนจากการขายรถยึดจะลดลงต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เราไปศึกษาข้อมูลในอดีตพบว่า NPLs/loan ratio ของธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนของ TISCO กับ NPLs/loans ratio ของ SAWAD มี correlation กัน 65% ซึ่งแปลว่าทิศทาง NPLs/loan ratio เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน โดยเราไปค้นพบมาว่า NPLs/loans ratio ของธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนของ TISCO ณ สิ้น 3Q24 อยู่ที่ 4.95% ทรงตัวจากไตรมาสก่อน ทำให้เราประเมินว่าแนวโน้ม NPLs/loans ratio ของ SAWAD น่าจะเริ่มทรงตัวได้ในช่วงปลายปีนี้ เพราะ SAWAD ก็ได้เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอไซต์
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลงเล็กน้อย 2% จากการปรับลดสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อลง โดยภายหลังปรับประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2024 จะเติบโต 5% YoY และปี 2025 จะเติบโต 12% YoY
Fundamental view: เรายังแนะนำซื้อ

สรุปประเด็นจาก Quick take

BANK
สมาคมแบงก์เตรียมออกมาตรการ แก้หนี้ครัวเรือน
สมาคมแบงก์ ร่วมแก้หนี้ครัวเรือน สินเชื่อบ้าน รถยนต์และ SME
View From Fundamental: เรามีมุมมองเป็นกลาง เพราะเราประเมินว่าปัจจุบันธนาคารมีการปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกค้าที่พอมีศักยภาพในการชำระหนี้อยู่แล้ว และการออกมาตรการใหม่โดยหากมีการปรับโครงสร้างหนี้เร็วขึ้น และลูกค้าที่อยู่ใน Stage 2 ที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้สามารถจ่ายค่างวดได้ต่อเนื่อง ก็จะทำให้ลูกหนี้บางส่วนไม่ตกชั้นไปเป็น NPL (Stage 3) และทำให้การตั้งสำรองของธนาคารผ่อนคลายลงได้บ้าง

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อ่อนกำลัง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย อ่อนกำลังลง บนความกังวล การเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ ......

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NAM กับปีงูเล็ก

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : NAM กับปีงูเล็ก

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้