Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

834

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
อัพเดตสถานการณ์น้ำมัน
ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงนับจากพีคในช่วงต้นเดือน เม.ย. มาแล้ว -9% สอดคล้องกับที่เราคาด โดยมีปัจจัยกดดันมาจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นราว 39 ล้านบาร์เรลเมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.
สำหรับแนวโน้มในระยะสั้น เราคาดว่าราคาน้ำมัน WTI จะยังเผชิญกับแรงกดดันและมีโอกาสลงไปทดสอบโซน 72-75 เหรียญจากเหตุผลดังต่อไปนี้
1 สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะยังมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของไตรมาส 2 ฉุดโดยการเติบโตของดีมานด์ที่ชะลอตัวลงเหลือ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จาก 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในไตรมาส 1
2 ซัพพลายที่เพิ่มขึ้นจากประเทศ non-OPEC+ จะสร้างแรงกดดันต่อเนื่องไปถึงปีหน้า โดย IEA คาดว่า กำลังการผลิตจากกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2024 และอีก 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศแถบทวีปอเมริกา เช่น สหรัฐ บราซิล กายอานา และแคนาดา
3 แม้ว่า forward curve ของฟิวเจอร์สน้ำมันจะยังเป็น backwardation แต่เป็นเพราะ OPEC+ ช่วยลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามมติดังกล่าวกำลังจะหมดอายุลงแล้วในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ จึงทำให้เทรดเดอร์กังวลว่าหากไม่มีการต่ออายุมตินี้ออกไป ก็จะทำให้สต็อกน้ำมันดิบยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้เกิดภาพ bearish sentiment ขึ้นมาในระยะนี้ สังเกตได้จาก Managed Money Long Position ในตลาดฟิวเจอร์ส ที่ลดลงจาก 277.98K สู่ 213.66K (-23%) ในขณะที่ Managed Money Short กลับเพิ่มขึ้นจาก 39.8K เป็น 96.01K (+141%) ในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา
4 เรามองว่าสมมติฐานของตลาด เรื่องอัตราการเติบโตของดีมานด์น้ำมันในอนาคต มีโอกาสเกิด downward revision จากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีหลังและปีหน้า ซึ่งจะทำให้ภาวะดีมานด์-ซัพพลายโน้มเอียงไปในทาง loosen มากกว่า tighten ดังนั้นโอกาสที่ราคาน้ำมัน WTI จะพุ่งสูงกว่าจุดพีค 87 เหรียญที่ทำไว้ในเดือน เม.ย. ในช่วงที่เหลือของปี จึงมีความเป็นไปได้น้อย
5 เราคาดว่าน้ำมันจะกลับมาเผชิญกับแรงกดดันอีกครั้งใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ ก่อนการประชุม OPEC+ จากสต็อกน้ำมันดิบที่ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยราคา WTI มีโอกาสลงไปทดสอบโซน 72-75 เหรียญ อย่างไรก็ตามเรายังไม่คิดว่าราคาน้ำมันจะหลุดโซนแนวรับดังกล่าว เนื่องจากมีความน่าจะเป็นสูงขึ้นที่ OPEC+ จะขยายเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจออกไป ในการประชุมวันที่ 1 มิ.ย. นี้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็จะทำให้ราคาน้ำมัน WTI สวิงกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในกรอบ 78-87 เหรียญได้ในไตรมาส 3
สรุปเรามองว่า ราคาน้ำมัน WTI น่าจะพีคไปแล้วในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาที่ 87 เหรียญ ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้ ราคามีแนวโน้มเคลื่อนไหวเป็น range bound ในกรอบ 78-87 เหรียญ เพียงแต่ในระยะสั้นระหว่างรอผลการประชุม OPEC+ ราคาน้ำมันอาจยังเผชิญกับแรงกดดันจากสต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น


สรุปภาพตลาดวานนี้
SET กลับมาย่อลงอีกครั้ง โดยหุ้นกำไรต่ำคาด BJC LH ลงแรง พร้อมกับกลุ่มโดน Downgrade อย่าง NEX BJC และที่เกิดแรงขาย Sell-on-fact BEM AWC BDMS DITTO ส่วนที่บวกสวน อิเล็กทรอนิกส์ DELTA CCET KCE และกลุ่มบวกแรง NEO STGT JTS MDX APO NAT เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้
เงินเฟ้อสหรัฐไม่ช่วยอะไรหุ้นไทยวันนี้
หุ้นกลางเล็ก ยังคงพบแรงขายแบบผิดปกติต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ และเมื่อวานพบราคาหุ้นดิ่งแรง ทั้งที่รายงานงบ 1Q24 ออกมาดีขึ้น-ดีเกินคาด เช่น DITTO AWC MINT BEM แถมแนวโน้มงบไตรมาสถัดๆไปก็ไม่ได้แย่...ส่วนที่งบแย่กว่าคาด โดนขายแรง (อย่างหนัก)ตามระเบียบ เช่น NEX BJC EA และงบที่ดี-ราคาหุ้นไม่ค่อยลง ส่วนมากเป็นพวกหุ้นบูลชิพใหญ่...
และปัจจัยต่างประเทศยังคงไม่ช่วยอะไรหุ้นไทย ตามที่เราประเมินไว้ในกลยุทธ์ประจำสัปดาห์ (เมื่อ SET ไม่อ่าน LINE กลุ่มฯ) เช่นเมื่อวาน ดาวโจนส์บวกหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ทรงตัวในแดนบวก แต่ตลาดหุ้นไทยตกแถมราคาหุ้นบางตัวตกหนัก วันนี้ก็คาดเช่นกันว่า ดาวโจนส์บวกรับเงินฟ้อลด แต่คาดหุ้นไทยวันนี้ ไม่ได้อานิสงส์...
ดังนั้นกลยุทธ์หลักเรายังคงเน้นไปที่การ ปรับพอร์ตลงทุนให้สอดคล้องกับ ทิศทางงบการเงิน ที่ดีขึ้นและมีแนวโน้มดีขึ้นอีก หรือ Turn around ผ่านจุดต่ำสุด แต่ที่ยังต้องเน้นคือ ยังต้องเล่นหุ้นบูลชิพใหญ่เท่านั้น

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์ แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว เริ่มโฟกัสไปข้างหน้าหลังเห็นงบทั้งหมดในสัปดาห์นี้ เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้ เช่น ฤดูกาลท่องเที่ยวของฝั่งตะวันตก (โอลิมปิกฝรั่งเศส, บอลยูโร เยอรมัน) MINT AOT อาหารส่งออก TU CPF เป็นต้น

วิเคราะห์ทางเทคนิค
หัวข้อวันนี้ 2 เรื่อง 1) ทำไม SET ขึ้นได้แค่ high 1,400 จุด (+3.5%) เนื่องจากโมเมนตัม MACD บ่งชี้สัญญาณ divergence class B สถิติบ่งชี้การฟื้นตัวจะอยู่ในระดับตัวเลข Fibonacci 31.8%-50% (ไม่ไกลมาก) 2) ภาพดัชนีย่อ...วันสุดท้ายหลังจบการประกาศงบ Q1/24 ล่าสุดลงทดสอบเส้น EMA 5&25 วัน 1,370 จุด MACD แตะเส้น 0 แต่ยังไม่ผ่าน...จุดกลับตัวขึ้นแบบต่อเนื่องอาจต้องรอไปอีกสักพัก...ปัจจัยที่น่าติดตามการประกาศตัวเลข GDP 1Q/24 โดยสภาพัฒน์วันที่ 20 พ.ค.นี้ แนวโน้ม SET มีขึ้นสลับย่อ....ยังไม่น่ากังวลครับ

What to watch
หุ้นเข้า-ออก MSCI Thailand (มีผล 31 พ.ค.) ไม่มีหุ้นเข้า / หุ้นออก BTS LH MTC // สำหรับ MSCI Global Small Cap. หุ้นเข้า BTS JTS LH MTC / หุ้นออก BLAND DITTO FORTH KSL MAJOR PSL RS SGP SPCG WHAUP
ประเด็นการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เดือน ต.ค. ยังไม่นิ่ง หลังมีองค์กรเอกชนเกือบ 200 องค์กร ค้านนโยบายรัฐบาลดังกล่าว ทั้งนี้ วันที่ 19 มื.ย. คาดว่าจะมีการประชุมและหาทางออกอีกที
"แบล็กร็อก" เตือนเงินเยนอ่อนอาจทำต่างชาติเลี่ยงลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% ในปีนี้ ซึ่งทำผลงานได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ ทั่วโลก แต่สำหรับนักลงทุนที่ใช้สกุลเงินดอลลาร์ ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเพียง 3% (สะท้อน มุมมองการปรับพอร์ตของกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในตลาดพัฒนาอย่างญี่ปุ่น)
การประชุม FETCO วันที่ 21 พ.ค. เพื่อคลอดเกณฑ์ใหม่สำหรับ TESG, SSF รวมถึงการเสนอมาตรการสนับสนุนการออม เช่น นำ LTF กลับมาใช้ใหม่ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่เร็ว
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น CPI สหรัฐ เงินเฟ้อสหรัฐฯ Core CPI เดือน เมย. 0.3% m-m เริ่มลดลงแล้ว หลังยืนบวก 0.4% m-m แข็งแกร่ง 3 ไตรมาสติดต่อกัน
'เทรดวอร์' สะเทือนการค้าโลก 'สหรัฐ-อียู' รุมสกัดอีวีจีน – หวั่นลามเป็นสงครามค่าเงิน เป็นห่วงไทยอยู่ซัพพลายเชนจีน "อิเล็กฯ-ชิ้นส่วนยานยนต์"
สงครามการค้าจีน-สหรัฐ ระอุอีกรอบ ตั้งกำแพงภาษีรถอีวีจีน 100% อียูเดินตามรอยสหรัฐ สกัดรถจีนราคาถูก คาดได้ข้อสรุป มิ.ย.นี้ ส.อ.ท.มองวิกฤติเป็นโอกาสรับย้ายฐานการลงทุน สรท.ห่วงกระทบส่งออกไทยระยะสั้น ไทยเป็นห่วงโซ่อุปทานของจีน

หุ้นแนนำวันนี้
AOT สะสมอ่อนตัว หุ้นบูลชิพใหญ่ที่รายงานกำไรดีกว่าคาด (S 66, R 68, SL 65)


รายงานพื้นฐานวันนี้

Thai Market Strategy
สรุปกำไร 1Q24 ... ดีกว่าคาด
ภาพรวมกำไรสุทธิ 1Q24 ออกมา เติบโต 4% YoY และ 67% QoQ หลักๆ จากการท่องเที่ยว กับต้นทุนพลังงาน-ค่าไฟฟ้าที่ลดลงหนุนภาพอัตรากำไรดีขึ้น แบ่งเป็น
กลุ่มที่เติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ ได้แก่
1) กลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มขนส่ง
2) กลุ่มอาหาร จากกลุ่มอาหารสัตว์, กลุ่มเครื่องดื่ม, กลุ่มเนื้อสัตว์ (ต้นทุนวัตถุดิบลดลง)
3) กลุ่มแพคเกจจิ้ง (ยอดขายโตดี, ราคาขึ้น, ต้นทุนพลังงานลดลง)
กลุ่มที่ยังไม่ดี โดยกำไรลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากอุปสงค์ยังอ่อนแอ 1) กลุ่มอสังหาฯ 2) กลุ่มยานยนต์
ทั้งนี้ กำไรที่ออกมาดีกว่าเราและตลาดคาด 14% และ 7% ตามลำดับ ภาพรวมนี้ถือว่าเป็น Surprise ด้านบวก และเป็นความหวังที่ค่อนข้างดีสำหรับตลาด
ทั้งนี้ สัดส่วนหุ้นกำไรดีกว่าคาดไตรมาสนี้อยู่ที่ 44% (ปรับขึ้นจาก 4Q23 ที่ 37%) และถือว่าดีขึ้นเป็น วงกว้างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

MEGA
(Visit Note)
เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์
การเติบโตของกำไรยังเจอความท้าทาย
MEGA รายงานกำไรหลักใน 1Q24 ที่ 494 ล้านบาท ลดลง 9% YoY และ 34% QoQ กำไรที่ประกาศต่ำกว่าตลาดคาด 5% โดยยอดขาย ทรงตัว YoY แต่ลดลง 10% QoQ (ผลของฤดูกาล) การเติบโตที่ต่ำเกิดจากแบรนด์ของบริษัทเอง (Mega We Care) ในไนจีเรีย และ Maxxcare (เนื่องจากยอดขายในเมียนมาร์) ส่วนใน 2Q24 เรายังเห็นปัจจัยลบจากค่าเงินค่าเงินและดีมานด์ในตลาดใหญ่ๆ ทั้งนี้ ในปี 2024 ทางผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 5-10% ซึ่งใกล้เคียงกับการเติบโตในช่วงก่อนโควิด

Bloomberg consensus คาดการณ์กำไร MEGA ปี 2024 เติบโต 7% ปัจจุบัน MEGA เทรดบน PE2024 ที่ 14.1 เท่า (อดีตเทรดบน PER ที่ 20-21 เท่า)
Our view: ทั้งนี้ เรามองการเติบโตของ MEGA ในระยะสั้นมีความท้าทาย และผลประกอบการ 1Q24 ต่ำกว่าตลาดคาด

รายงานผลประกอบการวันนี้
วันนี้มีรายงานผลประกอบการทั้งหมด 5 บริษัท แบ่งเป็น
(+) Beat หรือ กำไรดีกว่าเราคาด จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ STEC CK
(0) In-line หรือ กำไรเป็นไปตามที่เราคาด จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ SAWAD OSP
(-) Missed หรือ กำไรต่ำกว่าเราคาด จำนวน 1 บริษัท ได้แก่ JMT
(รอบนี้ เหลือ BCH ประกาศเช้านี้อีก 1 บริษัท ติดตามใน Flash note)

Beat (+):
(+) STEC รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 12 ล้านบาท ลดลง 93% YoY และ 84% QoQ หักรายการพิเศษจากการขายสินทรัพย์สุทธิหลังภาษี 15 ล้านบาท จะเป็นขาดทุนหลัก 3 ล้านบาท ดีกว่าที่เรา (และตลาด) คาดว่าจะขาดทุนหลัก 34 ล้านบาท เกิดจาก GM สูงกว่าคาด จากมีเงินเคลมประกันรับของโครงการอุโมงค์ระบายน้ำหนองบอนที่เกิดความเสียหายและปรับปรุงต้นทุนไปก่อนเมื่อ 2Q23 เข้ามา แนวโน้ม 2Q24 คาดกำไรเพิ่มขึ้น YoY (จาก GM ฟื้นตัวจากฐานต่ำ) และ QoQ จากรายได้เงินปันผล GULF เรายังคงประมาณการกำไรตามเดิม แต่มองมี Downside risk 15-30% จากกรณีขาดทุนรถไฟฟ้าน่าจะมากกว่าและนานกว่าคาดเดิม (รอปรับหลัง Analyst Meeting) หากราคาหุ้นย่อตัวเป็นโอกาสสะสม
(+) CK รายงานกำไรสุทธิ/หลัก 1Q24 ที่ 121 ล้านบาท คิดเป็นกำไรหลักลดลง 32% YoY และ 23% QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาดว่าจะขาดทุนหลัก เนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายต่ำกว่าที่คาดมาก กำไรลดลง YoY และ QoQ มาจากแรงกดดันของส่วนแบ่งกำไร (โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ขาดทุน) เบื้องต้นคาดกำไรหลักใน 2Q24 จะยังลดลง YoY จากฐานรายได้อื่นที่สูง แต่จะฟื้นตัว QoQ เรายังคงคำแนะนำซื้อ

In-line (0):
(0) SAWAD รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 1.3 พันล้านบาท เป็นไปตามที่เราคาด (แต่ต่ำกว่าตลาดคาด 8%) เพิ่มขึ้น 5% YoY (สินเชื่อเติบโต) และทรงตัว QoQ ด้านคุณภาพสินทรัพย์ฟื้นตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เราคาดกำไรสุทธิ 2Q24 จะเพิ่มขึ้น 15% YoY และ 4% QoQ จากสินเชื่อเติบโต และคาดผลขาดทุนจากการขายรถจักรยานยนต์ยึดจะทยอยลดลง QoQ ใน 2Q24 และลดลงต่อเนื่องใน 2H24 เรายังแนะนำซื้อ
(0) OSP รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 828 ล้านบาท ลดลง 7% YoY แต่เพิ่มขึ้น 13% QoQ เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด โดยไตรมาสนี้รายได้เติบโต YoY, QoQ และเห็นตลาดเมียนมาร์-ลาว กลับมาเติบโต รวมทั้ง GM ดีขึ้น แนวโน้ม 2Q24 คาดกำไรหลักเพิ่มขึ้น YoY จากรายได้ GM และทรงตัว QoQ คงคำแนะนำซื้อ

Missed (-):
(-) JMT รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 418 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราคาด 11% และตลาดคาด 8% กำไรลดลง 8% YoY และ 23% QoQ จากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสูงกว่าคาด และส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC ก็ออกมาต่ำกว่าคาดด้วยเช่นกัน เราคาดกำไร 2Q24 จะลดลง 17% YoY (ค่าใช้จ่ายดำเนินงานและดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น) แต่เพิ่มขึ้น 9% QoQ (รายได้เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล) เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2024 ลง 8% จากธุรกิจบริหารหนี้ฟื้นตัวช้ากว่าคาด ยังแนะนำขาย


สรุปประเด็นจาก Quick take

IRPC
ไออาร์พีซี
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
ผู้บริหารมีมุมมองเชิงระมัดระวังต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมในปีนี้ แต่มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของบริษัท
View From Fundamental: จากแนวโน้มผลประกอบการของ IRPC ที่ยังไม่น่าตื่นเต้นในระยะสั้น เราจึงยังไม่เห็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันมูลค่าหุ้น IRPC ซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2024 ที่ 0.5 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.3 เท่าอยู่ 1.9SD) ซึ่งน่าจะช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงของราคาหุ้น เราจึงยังคงคำแนะนำ "ถือ"

PLANB
แพลน บี มีเดีย
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
เราเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ช่วงเช้าวันนี้มุมมองออกมาเป็นกลาง
View From Fundamental: เราคาดธุรกิจของ PLANB น่าจะเห็นการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่องจากทั้งการเพิ่ม Media capacity และการปรับราคาบางส่วนยังคงคำแนะนำ ซื้อ

CRC
เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น
ผู้บริหารมองการจัดการค่าใช้จ่ายจะเข้ามาช่วยการเติบโตในปีนี้
เราเข้าร่วม analyst meeting หลัง CRC ประกาศงบปี 1Q24 เมื่อต้นสัปดาห์ โดยผู้บริหารยังตั้งเป้าหมายการเติบโตของกำไร แม้ว่าดีมานด์ยังมีความ fluctuate อยู่ในปีนี้
View From Fundamental: เรามองเป้าหมายของผู้บริหาร CRC เทียบกับการคาดการณ์ของเราที่มองการเติบโตของรายได้ปี 2024 ที่ 6-7% และการเติบโตของ EBITDA ที่ 10% ยังค่อนข้าง aggressive อย่างไรก็ดีเรายัง maintain ตัวเลขของเราไว้ (ถือว่าน่าจะไม่มี downside risk จากการประมาณการของเรา) ด้วยฐานประกอบกับแนวโน้มของธุรกิจในเวียดนามเรายังมองการเติบโตของ CRC จะตื่นเต้นมากขึ้นในช่วง 2H24 CRC เทรดที่ 22.8 เท่า บน 2024 EPS มองราคาหุ้นลงมามาก (ราคาหุ้น CRC ลงมา 20% YTD เที่ยบกับตลาดที่ลง 3%) ตลาดน่าจะ price in ข่าวร้ายไปพอสมควร ยังแนะนำ ซื้อ CRC ที่ราคาเป้าหมาย 41 บาท

BAM
บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์

ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
BAM ยังคงเป้าหมายการจัดเก็บเงินสดปี 2024 ที่ 2.0 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 32% YoY แต่เราเห็นความเสี่ยงที่การจัดเก็บเงินสดจะต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัท
View From Fundamental: เรามีมุมองเป็นกลาง แม้ทิศทางการจัดเก็บเงินสด 2Q24 จะทยอยฟื้นตัว QoQ แต่เราประเมินว่าธุรกิจบริหารหนี้ที่มีหลักประกันจะฟื้นตัวค่อนข้างช้า เพราะธนาคารยังเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ลูกค้าของ BAM บางส่วนยังคงได้รับผลกระทบในปีนี้ จึงยังแนะนำขาย

KCE
เคซีอี อีเลคโทรนิคส์
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
เราเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ช่วงบ่ายวันนี้มุมมองออกมาเป็นบวก
View From Fundamental: เราประเมินหากอิงตามเป้าหมายของบริษัทคาดกำไรหลัก 2Q24 แตะ 520-540 ล้านบาท เทียบกับ 320 ล้านบาทใน 2Q23 และ 421 ล้านบาทใน 1Q24 และภาพทั้งปีมีโอกาสกำไรแตะ 2.4 พันล้านบาทสูงกว่าที่ตลาดทำ 4.1 พันล้านบาท เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้