สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(15 พฤษภาคม 2567)-----IND โชว์ผลงานงวดไตรมาส 1/2567 มีรายได้รวมแตะ 176.27 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 7.86 ล้านบาท รับอานิสงส์จากการทยอยรับรู้รายได้จากงานโครงการใหม่และงานที่มีอยู่ในมือ ฟากซีอีโอ “ดร.พรลภัส ณ ลำพูน” ระบุครึ่งปีหลังอุตสาหกรรมก่อสร้างภาครัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวจากแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นสัญญาณดีต่อธุรกิจ พร้อมโชว์ Backlog กว่า 1,454 ล้านบาท เดินหน้าร่วมประมูลงานใหม่อีกเพียบ มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15%

ดร.พรลภัส ณ ลำพูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 176.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.80 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 169.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 7.86 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้รายได้เติบโตเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากบริษัทฯ ทยอยรับรู้รายได้จากงานโครงการออกแบบและพร้อมก่อสร้างใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาหลายโครงการก่อนหน้านี้ อีกทั้งทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ประมาณ 1,454 ล้านบาท (ณ สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567) และปัจจุบันบริษัทฯ ยังคงเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคตให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะฟื้นตัวจากการที่รัฐบาลขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยผลักดันให้มีงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ออกมา รวมทั้งโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ ที่ยังมีแนวโน้มขยายตัว ทำให้เห็นสัญญาณบวกที่ส่งผลดีต่อธุรกิจ ซึ่งปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 15% เทียบกับปีที่ผ่านมา

“บริษัทฯ เชื่อว่าด้วยประสบการณ์งานด้านวิศวกรรมที่ปรึกษา และออกแบบพร้อมก่อสร้างในการลงทุนโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่มีมายาวนานกว่า 40 ปี เป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อถือจากหน่วยงานต่างๆ จากภาครัฐและเอกชน ทำให้สามารถคว้างานโครงการต่างๆ ได้ต่อเนื่อง ทำให้มีมูลค่างานในมือเพิ่มมากขึ้นและส่งผลให้ผลการดำเนินงานเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน ปัจจุบันบริษัทฯ ยังคงเข้าร่วมประมูลโครงการพร้อมทั้งเตรียมศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจพลังงานสะอาด เพื่อเพิ่มช่องทางตลาดใหม่เพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ รวมถึงรายได้ กำไรให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ดร.พรลภัส กล่าว