มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
SETเดินหน้าในทางลง: แรงกดดันจากศก.ไทยที่ถูกหัน่ คาดปี67 กอปรกับแรงขายลดสถานะเสี่ยงก่อนทราบผล FOMCหากแต่พอมีแรงพยุงในเชิง Sentiment จากงบในฝั่งสหรฐั ฯทั้งนี้มอง SET Index จะได้รับแรงกดดันจากการที่สศค.ได้ปรับลดประมาณการศก.ไทยปี 67 โดยอยู่ที่ 2.4%ลดลงจาก 2.8% ปัจจัยสำคัญ คือ การส่งออกสินค้าหดตัวมากกว่าคาด การผลิตภาคอุตฯยังหดตัว ภาคเกษตรได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง เป็นต้น ภาพข้างต้นยังสอดรับการส่งออกใน 1Q67 ที่หดตัว 0.2%y-y โดยถูกฉุดลงจากการหดตัว 10.9%y-yในเดือนมี.ค.67ซึ่งสาเหตุสำคัญมากจากการหดตัวของสินค้าอุตฯ (-12.3%y-y)อาทิ รถยนต์ฯ (-12.4%y-y)และเครื่องคอมพิวเตอร์ฯ (-11.8% y-y)เป็นต้น กอปรกับปีนี้สภาพอากาศร้อนจัดทำให้ผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียนชะลอออกสู่ตลาดไปเป็นเดือนเม.ย.67 ต่างจากในเดือนมี.ค.66 ที่ปริมาณทุเรียนออกสู่ตลาดมาก ขณะที่ราคาน้ำมัน WTI ที่ปรับตัวลง 1.45% ปิดที่$82.63 ต่อบาร์เรลจากความคลายความวิตกกังวลความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หลังมีรายงานว่าคณะผู้นำกลุ่มฮามาสได้เดินทางไปยังอียิปต์เพื่อเข้าร่วมเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซาคาดเป็นแรงกดดันต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน อีกทั้ง คาด SET Index อาจเผชิญแรงขายปิดความเสี่ยงก่อนที่จะทราบผลการประชุม FOMC ในวันที่ 2 พ.ค.67 (ตามเวลาไทย)โดยตลาดคาดเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่5.25-5.5%หากแต่ต้องติดตามถ้อยแถลงหลังการประชุม ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี มองทางลงจำกัด โดยได้แรงพยุงในเชิง Sentiment จากการเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในฝั่งสหรัฐฯ หลัง LSEGเผยว่าขณะนี้มีบริษัท 233 แห่งในดัชนี S&P500ที่ได้รายงานผลประกอบการแล้ว โดย 78.1% ของบริษัทเหล่านี้รายงานผลประกอบการที่สูงเกินคาดเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 67% และสำหรับคืนนี้ติดตามการเผยงบของ Amazon, Eli Lilly, Coca Cola, AMD และ McDonald เป็นต้น

กลยุทธ์การลงทุน : 1) เก็งงบ 1Q67: ADVANC, BEM, SAPPE, WHA 2) Dividend: AP, LH, ORI, SC 3) ส่งออก: AAI, CPF,ITC, NER, STA, XO 4) งบประมาณปี 67: CK, STEC และ 5) Spending+ท่องเที่ยว: AAV, AWC, BA, CPAXT, ERW, M, MINT

แนวรับ-ต้าน
1,350 – 1,365

ปัจจัยบวก
• อธิบดีกรมบัญชีกลาง ย้ำหน่วยงานรัฐควรเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ปี67 เป็นบวกต่อภาพศก.ภายในหลังมีการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าในช่วงก่อนหน้า
• โฆษกกระทรวงการคลัง เผยหลังเห็นข้อมูลศก.ใหม่ คาดว่าในการประชุม กนง.ในช่วงที่เหลือของปีจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอย่างน้อย 0.25%
• พรรคเพื่อไทย เตรียมแถลงผลงาน 10 เดือน ในวันที่ 3 พ.ค. นี้ พร้อมแสดงวิสัยมัศน์ของนายกฯและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำจุดยืนภายใน 4ปีจะเห็นการเดินหน้าโครงการสำคัญหลากหลาย
• สศค. เผยดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจใน 6 เดือนข้างหน้ามีแนวโน้มดีขึ้น จากปัจจัยสนับสนุนในภาคการท่องเที่ยว แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ต่อปริมาณผลผลิตการเกษตร ความผันผวนของสภาวะศก. และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์

ปัจจัยลบ
• รัฐมนตรีคลังของซาอุดีอาระเบียเตือนว่า ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดสำหรับศก.โลก ซึ่งอาจเป็นการซ้าเติมศก.โลกที่กำลังเผชิญกับการเติบโตที่ช้าลงและผลกระทบจากภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง
• PBOC แนะนำให้ธนาคารท้องถิ่นในภูมิภาค 2 มลฑล ลดความเสี่ยงพอร์ตในการลงทุนในพันธบัตรระยะยาว หลังจากที่ในวันจันทร์ผลตอบแทนในพันธบัตรจีนอายุ 30 ปี ไต่ระดับเหนือ 2.59% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน
• นายบอร์เก เบรนเด ปธ. WEF กล่าวว่า อัตราส่วนหนี้สินทั่วโลก(Global Debt Ratios) สูงสุดนับตั้งแต่ยุคนโปเลียน และกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีความเสี่ยงเผชิญต่อสภาวะ Stagflation ขณะที่คาดศก.โลกนี้ 3.2% ต่ากว่าระดับ 4% มาหลายทศวรรษ
• SCB EIC ประเมินศก.ไทยจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป มองเมื่อผลชั่วคราวของมาตรการกระตุ้นศก.หมดลง ปัจจัยเชิงโครงสร้างจะยังคงเป็นแรงกดดันสำคัญต่อศก.ไทย

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธรีดา ชาญยิ่งยงค์- นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
กิตติ บัวบึง – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #038313
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ภัทรดนัย จตุรพร – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์