Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KCS Daily Strategy

168


"Domestic Play"

 

KCS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1370/1377 จุด รับ 1355/1350 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯฟื้นต่อ จากแรงหนุน Tesla เดินหน้าแผนการดำเนินธุรกิจรถยนต์อัตโนมัติในจีน ขณะที่ปัจจัยหลัก นักลงทุนยังรอมุมมองปธ. เฟด รอบการประชุม Fed 30 เม.ย.-1 พ.ค. นี้ (ไทยทราบผลเช้า 2 พ.ค.) แต่มีสัญญาณบวกอ่อนๆ คือ US Bond Yield 10 ปี อ่อนลง -3 bps โดยเราให้น้ำหนัก 60% ที่ Yield ระดับ 4.7-4.8% จะเป็นจุดพีครอบนี้ไปแล้ว จาก 1) Fed จะไม่ Hawkish มากกว่าตลาดประเมิน หลัง ปธ เฟดเกือบทุกรายมีมุมมอง Hawkish หมดแล้ว ทำให้ปัจจุบันตลาดคาด Fed จะลดดอกเบี้ยเพียง 1-2 ครั้ง 2) รายงานชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอลงและต่ำคาด และ 3) ราคาน้ำมันเริ่มผันผวนน้อยลง(เศรษฐกิจสหรัฐอ่อนลง+อิสราเอลเจรจาหยุดยิงฮามาส) ส่วนภายในงบประมาณที่มีแผนเร่งเบิกจ่าย น่าจะหนุนเศรษฐกิจระยะถัดไป และตลาดมักตอบรับเชิงบวกหลังงบฯ มีผล อิง 8 ปีหลัง ตลาดปรับขึ้นเฉลี่ย +5.3% ใน 5 เดือน คาดหุ้นคาดว่ากำไร 1Q24F จะดี (หุ้นอิงภาคบริการ บริโภค), หุ้นอิงจีน (ลุ้น PMI เช้านี้), หุ้นได้ประโยชน์ราคาพลังงานลง หุ้นอิงงบประมาณรัฐฯ เด่น วันนี้แนะ CPALL, STEC, OSP เด่น

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1370/1377 จุด รับ 1355/1350 จุด

What happened around the world ?

•(*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นต่อ Dow Jones +0.38%, S&P500 +0.32% Nasdaq +0.35% โดย Sector ในดัชนี S&P500 ปรับขึ้นทุก Sector โดยกลุ่มที่ Outperform คือ Consumer discretionary, Utilities, Real estate, Materials ฯลฯ ส่วนกลุ่มที่ Underperform อาทิ ICT, Financials โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น อาทิ Tesla+15.1%, AMD +1.8%, Qcom+2.1%, Apple+2.5% ฯลฯ

• (*) US Earning : บริษัทจดทะเบียนสหรัฐรายงานงบ 1Q24 ออกมารวม 239 บริษัทจาก 500 บริษัท (+11 บริษัท) กำไรออกที่ออกมาดีกว่าคาด Surprise 9.1% และโต 3.75%y-y (หุ้นที่งบดีกว่าคาด คือ Domino's Pizza, Paramount, Yum China holdingฯลฯ

• (*/+) US GDP : Fed สาขาAtlanta เผยแบบจำลอง GDP Now สหรัฐงวด 2Q24F + 3.9%q-q เร่งขึ้นจาก 1Q24 ที่ +1.6%q-q ประเมินเพิ่มมุมมองความร้อนแรงของเศรษฐกิจสหรัฐถัดไป สะท้อนโอกาสการเกิด Hard recession ลดลง

• (*)Yen Dollar : ค่าเงินเยนแข็งค่าอย่างเร็ว ล่าสุดเช้านี้ เทรด 155.5 เยนต่อเหรียญฯ VS. ช่วงเช้าเมื่อวาน 160 เยนต่อเหรียญฯ จากคาดการณ์รัฐบาลญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนที่อ่อนค่าต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ( ล่าสุด รมช.คลังญี่ปุ่นปฏิเสธแสดงความเห็น) KCS ประเมินผลกระทบจากเงินเยนที่แข็งค่าคาดจะส่งผลต่อ ินบาทดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าในทางเดียวกัน ปัจจุบัน 37.0 บาท มองแนวรับ 36.9 และหากหลุด 36.6 บาทแนวโน้มจะกลับมาแข็งค่าในระยะกลาง มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อภาพ Fund Flow ต่างชาติไหลเข้า และหุ้นกลุ่ม Big cap และหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า อาทิ GULF, GPSC , BGRIM

• (*/+) China Property : 1.)ผู้ประกอบการอสังหาจีนรายใหญ่หลายเจ้าเปิดเผยว่าบรรลุข้อตกลงกับผู้ถือตราสารหนี้นอกประเทศของบริษัทได้แล้ว 2) รัฐบาลระดับท้องถิ่นยังเดินหน้าผ่อนคลายภาคอสังหาตามแนวนโยบายของรัฐบาลกลาง ล่าสุด มณฑลเฉิงตูประกาศยกเลิกการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ซื้อบ้านใหม่เพื่อช่วยกระตุ้นภาคอสังหา โดยรวม KCS ประเมินหนุนภาค Property ของจีนที่กดดันเศรษฐกิจจีนและตลาดหุ้นช่วงก่อนหน้า มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นทำธุรกิจในจีน เน้น SCGP, IVL

• (*/+) Vietnam Econ : 1.) Industrial Production เวียดนาม เดือน เม.ย. ขยายตัว 2 เดือนติด+6.3%y-y มากกว่าคาด 2.)Retail Sales +9%y-y ต่ำกว่าเล็กน้อยคาด +10% โดยรวมเป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดหุ้นเวียดนามแม้ระยะสั้นเป็นขาลง หลังจากหลุด 1220 จุด อย่างไรก็ตามยังคงแนะนำ Slightly Overweight ตลาดหุ้นเวียดนาม ยังมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจเวียดนามดังกล่าวและมีโอกาสฟื้นตัวตามเศรษฐกิจจีน มองแนวต้าน 1225+/1247

•(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐติดตาม 30 เม.ย. ติดตามความเชื่อมั่นผู้บริโภค เม.ย. คาด 104.1 จุด vs prev. 104.7 จุด, 1 พ.ค. PMI ภาคผลิต (ISM) เม.ย. ตลาดคาด 50.1 จุด vs prev. 50.3 จุด 2 พ.ค. การประชุม FOMC คาดคงดอกเบี้ย 5.25 – 5.5% 3 พ.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน เม.ย. คาด 2.5 แสนตำแหน่ง vs prev. 3.03 แสนตำแหน่ง และอัตราว่างงาน ตลาดคาด 3.8% ทรงตัว ฝั่งจีน 30 เม.ย. PMI ภาคผลิตจีนงวด เม.ย. คาด 50.8 จุด เท่าเดือนก่อน PMI บริการ ตลาดคาด 52.2 จุด vs prev. 53 จุด และ Caixin PMI ภาคผลิต เม.ย. คาด 51.1 จุด เท่าเดือนก่อนเช่นกัน

• (*) US Bond & Dollar : US Bond เป็นภาพแกว่งตัวลงต่อ ระยะสั้นอายุ 10 ปี -3 bps และปิดที่ 4.61% เช่นเดียวกับ 2 ปีแกว่งตัว แต่ติดแนวต้าน 5% อยู่ที่ 4.97% มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มการเงิน เน้น MTC กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF, GPSC กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เน้นตั้งรับ HANA ขณะที่ Dollar Index แกว่งตัวอ่อนค่า 105.5+/- จุด

•(*/-) Oil : น้ำมันดิบ Brent -1.23%d-d ปิดที่ US$ 88.4/barrel น้ำมันดิบ West Texas -1.45%d-d ปิดที่ US$ 82.63/barrel แรงกดดัน

 

What happened in Thailand ?.

• (*) SET: ตลาดหุ้นวานนี้เคลื่อนไหวกรอบแคบ ก่อนปิดปรับตัวขึ้น +0.15% ปิดที่ 1361.9 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH) มองเก็งกำไรระยะสั้นกำไร 1Q24F ดี โดย ADVANC KCS คาด +12.7%y-y, +8.7%q-q กลุ่มขนส่ง (AOT) มองฟื้นตัวก่อนเข้าสู่ช่วง Golden Week นักท่องเที่ยวเอเชียตะวันออก กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วนฯ (DELTA) จากภาพลบกำไร DELTA งวด 1Q24 ต่ำกว่าคาด + ยอดส่งออก มี.ค. 24 ในกลุ่มสินค้าชิ้นส่วนที่ยังไม่ฟื้นตัว กลุ่ม ร.พ. (BDMS, BCH, BH)

• (*) Flow : เงินทุนต่างประเทศเป็นภาพไหลออก ซื้อหุ้น +15 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -36 ล้านเหรียญฯ TFEX เปิดสถานะ Net Long 734 สัญญา ค่าเงินบาททรงตัวสู่ 37.0 +/- บาท

• (*/+) Digital Wallet: อานิสงส์นโยบาย Digital Wallet มีโอกาสสูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้เดิม หลังกรณี รมช. คลัง เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับนโยบายต่อเนื่อง โดยสัปดาห์นี้บื้องต้นจะมีการหารือและกำหนดรายละเอียดและหลักเกณฑ์ของสินค้าที่ไม่ร่วมรายการ (Negative List) โดยเฉพาะกลุ่มสินค้านำเข้า (Import Content) โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน เครื่องใช้ไฟฟ้า ปุ๋ย เราสร้างจิตวิทยาลบหุ้นค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้านำเข้าสัดส่วนสูงจะได้ประโยชน์น้อยลงกว่าตลาดคาดหวังไว้เดิม อาทิ COM7 รองมาคือกลุ่ม Home Improvement (สินค้านำเข้า 15-20% ของรายได้) ส่วนกลุ่ม Consumer Staple มองได้ประโยชน์ใกล้เดิม (สินค้านำเข้า 5-10% ของรายได้)

• (*/+) TH Annual Budget: วานนี้นายกฯ ได้เรียกทีมเศรษฐกิจจากกระทรวงการคลังเข้ามาสอบถามการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ให้สอดคล้องแนวทางเร่งรัดต่างๆไว้ อาทิ 1) การเร่งส่งผ่านงบสู่ภฺมิภาคภายใน 5 วัน 2) รายการที่งบรายจ่ายปีเดียวต้องเบิกใช้ก่อน ก.ย. 24 3) การก่อหนี้ผู้กพันข้ามปีงบประมาณต้องแล้วเสร็จก่อน พ.ค. 24 4) ถ้าก่อหนี้ไม่ทันปีงบประมาณ ต้องเร่งแจ้งส่วนกลาง 5) ให้อัพเดทการเบิกจ่ายงบ/ก่อหนี้ทุกวันที่ 5 ของเดือนถัดไป โดยรวมมองช่วยให้การเบิกจ่ายงบมีประสิทธิภาพและช่วยเร่งการฟื้นตัวเศรษฐกิจ มองบวกต่อ SET ที่โดยเฉลี่ยมักให้ผลตอบแทนทางบวกใน 8ปีหลัง SET ให้ผลตอบแทนบวกสูงสุด 5.3% ในช่วง 5 เดือนหลังประกาศใช้งบ มองบวกต่อกลุ่มที่ได้ประโยชน์งบรัฐฯ เน้น STEC, BE8, DOHOME และกลุ่มฐานรากอิงกำลังซื้อภายใน อาทิ CPALL, CPAXT, BJC

• (*) TH Tourism: ยอดผู้ใช้บริการสนามบิน AOT เดินทาง ตปท. (รายงานชี้นำนักท่องเที่ยวต่างชาติ) 1-27 เม.ย. ยังสูง 88.2% ของช่วง Pre-COVID เรามองยังเป็นระดับที่ดี แม้ภาพรายสัปดาห์ล่าสุด (21-27 เม.ย.) อ่อนลงเหลือ 86.2% ของ Pre-COVID vs 3 สัปดาห์แรก เม.ย. ซึ่งอยู่ที่ 89.4%, 88.2%, 87.6% ตามลำดับ แต่เชื่อว่าสัปดาห์ถัดไปยังมีภาพบวกจากการเข้าสู่ Golden Week วันแรงงานชาวจีน ญี่ปุ่น ขณะที่หากมองภาพเดือน โดยรวมยังอยู่ในรอบ 87.5-90% ของช่วง Pre-COVID ที่เรามองหนุนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2024F สูง 35-36 ล้านคน หนุนกำไรหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว +ภาคบริการเป็นภาพบวกตลอดทั้งปี ยังเน้นสะสม AOT, MINT, CPALL, CPAXT, ICHI, OSP

• (*/-) TH Export: TH Export: ยอดส่งออกไทย มี.ค. 24 ปรับตัวลดลง -10.9%y-y ต่ำกว่าตลาดคาด ขณะที่พลิกจากที่ขยายตัวได้ในเดือนก่อน กลับมาติดลบครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ขณะที่ยอดนำเข้าเร่งขึ้น +5.6%y-y vs prev. +3.2%y-y ทำให้ไทยเผชิญขาดดุล มี.ค. 24 ราว -1.1 พันล้านเหรียญฯ (แย่กว่าคาด) อย่างไรก็ตาม หากพิจาณารายสินค้า ยังมีกลุ่มสินค้าเกษตรที่ขยายตัวได้ดี อาทิ อาหารสัตว์เลี้ยง มี.ค. 24 +29.6%y-y (3M24 +20.2%y-y) บวกต่อหุ้นที่จำหน่ายสินค้าดังกล่าว อาทิ ITC AAI รวมถึง TU บ.แม่ ของ ITC นอกจากนี้ กลุ่มที่ยังดีต่อเนื่อง คือ ข้าว +30.6%y-y (3M24 +43.2%y-y) ยางพารา +36.9%y-y (3M24 +24.9%y-y) มองเป็นโมเมนตัมเชิงบวกต่อรายได้กลุ่มฐานราก ดีต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าจำเป็น อาทิ CPALL CPAXT BJC

• (*/-) TH GDP: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ปรับการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2024 โดยคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.4% จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 2.8% (ช่วงคาดการณ์ 1.9-2.9%) โดย 4 ปัจจัยหลักที่ทำให้ปรับลง คือ แรงกดดันภาคอุตสาหกรรม, ภาคการเกษตร กระทบจากภัยแล้ง และการเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังล่าช้า

• (*) SET 1Q24 Earnings : รายงานผลประกอบการงบ 1Q24 วานนี้ จำนวนบริษัทที่รายงานกำไรแล้วอยู่ที่ 24 แห่ง หุ้นที่มีคาดการณ์กำไรกำไรดีกว่าคาด 2.3% -9.4%y-y ในกลุ่มหุ้นที่รายงานกำไรล่าสุด สรุปได้ดังนี้ กลุ่มที่สูงกว่าตลาดคาด คือ – กลุ่มที่ใกล้เคียงตลาดคาด คือ GLOBAL (-18%y-y, +29%q-q) ขณะที่กลุ่มที่ต่ำกว่าตลาดคาด – กลุ่มไม่มีคาด คือ SCCC (+53%y-y, +39%q-q)

ส่วนวันนี้ติดตามรายงานกำไร 1Q24 ของ ADVANC (ตลาดคาด +3.2%y-y, -0.4%q-q) HMPRO (ตลาดคาด +6.8%y-y, +2.5%q-q) โดยล่าสุด HMPRO รายงานช่วงเช้าออกมาตามคาด

 

Daily Strategy : CPALL, STEC, OSP เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways/Up" มองภาพใหญ่ตลาดจะรอผลประชุม Fed (ไทยทราบเช้าวันที่ 2 พ.ค.) โดยจุดดี คือ Bond Yield ปัจจุบันมีโอกาสสูงพอสมควรที่เป็นโซนพีค ส่วนภายในแรงขับเคลื่อนยังมี แม้เป็นเฉพาะกลุ่มเฉพาะภาคส่วน คือ ภาคบริการยังดี กำลังซื้อในประเทศเป็นบวกจากงบประมาณเดินหน้า แต่ส่งออกยังอ่อนตัวโดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรม ทำให้มองหุ้นนำ 1) หุ้นอิงภาคบริการ+การบริโภคในประเทศที่มีแรงขับเคลื่อนงบประมาณเดินหน้าได้เพิ่มเติม อาทิ AOT, MINT, CPALL, CPAXT, OSP, ICHI, STEC, BE8, DOHOME 2) หุ้นอิงจีน (ลุ้น PMI เช้านี้) และเริ่มได้ประโยชน์ราคาพลังงานผันผวนน้อยลง และ3)กลุ่มที่คาดกำไร 1Q24F จะดี (AOT, CPALL, CPAXT, ICHI, OSP, GPSC, BGRIM, OR, GFC)

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด (IVL, PTTGC, SJWD, MENA, WICE, PTT)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว (CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI, ILM, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่ม Dividend Plays (AP, MC, SC, SIRI)
กลุ่มได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฤดูร้อน (ICHI, OSP, CPALL, CPAXT, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มที่คาดกำไร 1Q24F จะดี (AOT, CPALL, CPAXT, ICHI, OSP, BGRIM, OR, GFC)

• APR24 Best Picks: AOT, CPAXT, ICHI, IVL, OSP, HANA, MINT

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : War Tension

Fact : สถานการณ์ความตึงเครียดตะวันออกกลางผันผวนสูงในช่วงเดือน เม.ย.2024 KCS ประเมินสถานการณ์สงครามเป็น 3 Scenario

1.) Worst Case(ให้น้ำหนัก 10%): สงครามรุนแรงและขยายวงกว้างกลายเป็นสงครามในภูมิภาค (ประเทศพันธมิตรของทั้ง 2 ฝั่งเข้าร่วมรบ) ประเมินราคาน้ำมันดิบทะลุ 100 เหรียญฯ มอง SET Index มีโอกาสปรับฐาน โซนแนวรับสำคัญ 1210 จุด(ใกล้ Low ปี 2557 และ อิง PER 2024F 13เท่า ลดลงจากปัจจุบันไปอีก -1.5X) กลยุทธ์แนะหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขึ้น PTTEP, PTT, TOP, SPRC เน้น PTTEP, TOP

◾️2.)Base Case (ให้น้ำหนัก 60%) : สงครามยืดเยื้อแต่ไม่รุนแรง, ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบจะค่อยๆแกว่งตัวลง วางแนวต้านของน้ำมันที่ 92 เหรียญฯ มองแนวรับ 85/80 เหรียญ SET ประเมินจะแกว่งตัวออกข้าง แนวรับโซน 1340-1300+- น่าจะประคองอยู่ (อิง PER 14.3-14X ซึ่งเป็นกรอบ ERP เกือบแตะ +1SD หรือ 3.7-4% สะท้อน Value Zone ที่น่าลงทุนกลางยาวมากๆ ถูกสุดตั้งแต่ Covid 2019) ส่วนแนวต้านสั้น 1365/1380จุด จนกว่าสถานการณ์จะคลาย Upside จะกว้างขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นอิงบริโภคและบริการ เน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP

3.)Best Case(ให้น้ำหนัก 30%) : สงครามจบไว ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลง ต่ำ 83.6 เหรียญฯ SET Index มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเหนือแนวต้าน 1400 จุด ได้ไว ใน 1 สัปดาห์ กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นที่ลงแรงและพื้นฐานดี ได้ประโยชน์น้ำมันลงเน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP AAV,HANA, MTC

 

• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงเกณฑ์สภาพคล่องเพื่อคัดเลือกหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 (เปิดรับฟังช่วงระหว่าง 11-26 เม.ย.) เพื่อให้ดัชนีสะท้อนการเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์และมีผลตอบแทนตามวัตถุประสงค์ของการจัดทำดัชนี และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำการเปลี่ยนจากการกำหนดค่าเริ่มต้นของสภาพคล่อง จากเดิม (Trading Value 50%, Turnover Ratio 2%) และปรับลดระดับลงมาเพื่อให้ได้หุ้นครบจำนวน 105 หุ้น เป็น การใช้เกณฑ์ขั้นต่ำ (Trading Value ไม่น้อยกว่า 25%, Turnover Ratio ไม่น้อยกว่า 1%) ซึ่งผลลัพธ์ของหุ้น SET50-100 ย้อนหลัง 10ปี ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ทำให้ KCS คาดว่ามีโอกาสสูงที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้ในการคัดเลือกหุ้นเข้าและออกดัชนี SET50-SET100 ในรอบ 2H24 นี้ทันที ดังนั้นเราจึงจัดทำคาดการณ์รายชื่อหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 2H24 อีกครั้ง ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 2024 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2023 – 17 เม.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 6 สัปดาห์) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงสูงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในบางส่วนในชุดหุ้น SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

➕ หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

➖หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

➕หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

➖ หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA

 

• Strategy Update : Summer Play

Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KCS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5% +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

 

• Strategy Update: Dividend Plays

Fact : ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KCS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KCS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:

KCS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%
SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี เฉลี่ย +1.47%)
Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KCS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2% 2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KCS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

 

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%) LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

 

หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%) SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

 

โดยทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%, INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

 

• BEM (Buy, TP*10.2): เรามอง Positive ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q24F ที่ 838 ลบ. (+12% y-y -2% q-q) โต y-y ต่อเนื่องจากปริมาณผู้โดยสารมี Momentum บวกจากกำลังการให้บริการเพิ่มจากส่วนต่อขยาย นอกจากนี้ มีลุ้น Sentiment บวก รฟฟ.สายสีส้มจบปีนี้และโครงการ Double deck คืบหน้าเร็วกว่าคาด คงคำแนะนำ Buy (TP 10.20* บาท) เลือกเป็นหุ้น Top pick กลุ่มฯ

 

• WARRIX (Buy, TP*7.3): เรามอง Positive ต่อกำไรปกติ 1Q24F ที่ 24 ลบ. (+108%y-y, -55%q-q) เป็นไตรมาสแรกที่เริ่มฟื้นตัว และเห็นผลของกลยุทธ์ทั้งในแง่การสร้างแบรนด์ Awareness ผ่านสื่อต่างๆ อาทิ การ Partner กับ Workpoint และ Fitness First, การเพิ่มสัดส่วนช่องทาง Owned- Channel (Direct to Customer หนุน Margin), การเพิ่มสินค้า Lifestyle, การ Scale-up ทีมบุคลากรในปี 2023 ที่ผ่านมา รวมถึงหลาย Event สนับสนุน (กระแสฟุตบอลทีมชาติไทย และงานบอล CU-TU) ซึ่งมีส่วนส่งผลให้ i) ยอดขายเติบโตเด่น ii) ระดับ Gross Margin โดยรวมปรับตัวดีขึ้น y-y iii) SG&A to sales ได้ประโยชน์เชิง Operating leverage จากการผ่าน Cycle ช่วงลงทุนหนัก โดยรวมหนุนรายได้ +25% y-y และ Gross Margin ปรับขึ้น y-y จาก 1Q23 ด้าน Outlook 2Q24F มองยังมี Runway ให้เติบโตต่อได้จากหลายปัจจัยฯ คงคำแนะนำ "Buy" TP24F 7.3 บาท โดยเรามองเป็นหนึ่งในหุ้นเติบโตที่จะเห็นการเติบโตน่าสนใจ รวมถึงเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวหลังจากที่มีการลงทุนหนัก

 

2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

· Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU

· Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หาฐาน By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นกระดานหุ้นไทย ทั้ง SET และ ราคาหุ้น กำลังหาฐาน หาจุดสมดุล เพื่อเล่นและเทรดในกรอบเล็กๆ....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้