DELTA : ผลประกอบการต่ำกว่าคาดเนื่องจากการหดตัวของอัตรากำไรขั้นต้น
กำไรหลักพลาดประมาณการเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นอ่อนแอ
DELTA รายงานกำไรสุทธิ 4.3 พันล้านบาท (+19% YoY, -9% QoQ) อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมกำไรพิเศษ 506 ล้านบาท (277 ล้านบาท เป็นค่าชดเชยสำหรับสัญญาที่ยกเลิก และ 229 ล้านบาท เป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน) กำไรหลักอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการเฉลี่ย 17% โดยมีสาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรขั้นต้น 21.0% ซึ่งต่ำกว่าที่ทิสโก้คาดการณ์ไว้ที่ 23.8% ทั้งนี้ DELTA ยังประกาศด้วยว่าจะใช้เงิน 7.8 ล้านดอลลาร์ในการซื้อเครื่องจักรจากกลุ่ม DELTA ในประเทศไต้หวัน (ทั้ง Delta Electronics Int’l [สิงคโปร์] และ Delta Electronics, Inc) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

ยอดขายคงที่ QoQ ท่ามกลางการขาดทุนจากการประเมินราคาวัตถุดิบใหม่
ยอดขายอยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท สำหรับ 1Q (+18% YoY คงที่ QoQ) หรือ 1,057 ล้านดอลลาร์ สอดคล้องกับประมาณการของเรา การเติบโตเมื่อเทียบปีต่อปีมาจากส่วนงานพลังงานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่ยอดขายคงที่ QoQ เนื่องจากความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าชะลอตัว โดยอัตรากำไรขั้นต้นหดลงเป็น 21.0% (เทียบกับ 23.8% ตามประมาณการทิสโก้ และ 24.5% ใน 4Q23) เนื่องจากการรับรู้ขาดทุน 20 ล้านดอลลาร์ จากการประเมินมูลค่าวัตถุดิบใหม่ เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานคลี่คลายทำให้ราคาตลาดลดลง เนื่องจาก DELTA เริ่มปรับค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรให้เป็นปกติกับกลุ่ม DELTA อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อยอดขายจึงเพิ่มขึ้นเป็น 11.2% จาก 10.2% และ EBIT เพิ่มขึ้น 9% YoY แต่ลดลง 23% QoQ

ยอดขายใน 2Q คาดว่าจะยังทรงตัว แต่หวังว่าการฟื้นตัวและเซิร์ฟเวอร์ AI จะสร้างบรรยากาศที่ดีใน 2H
ด้วยพื้นหลังเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และยอดขายยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกชะลอตัว การเติบโตของยอดขายน่าจะยังคงจำกัดใน 2Q24F QoQ แม้ว่ากำไรใน 1Q24 จะคิดเป็นเพียง 18% ของประมาณการปี 2024 ของเรา แต่เรายังคงคาดการณ์ไว้เช่นเดิม เนื่องจากเชื่อว่ายอดขายจะเร่งตัวใน 2H24F พร้อมกับการออกสู่ตลาดของ data center ที่เกี่ยวข้องกับ AI จากลูกค้ารายสำคัญ สุดท้าย DELTA ได้ลงทุนอย่างกระตือรือร้นตั้งแต่ 1Q24 โดยมีค่าใช้จ่ายลงทุน 4.3 พันล้านบาทต่อไตรมาส (+95% YoY) หรือ 120 ล้านดอลลาร์ จากงบประมาณทั้งปี 380 ล้านดอลลาร์

คงคำแนะนำ "ถือ" พร้อมกับมูลค่าที่เหมาะสมที่ไม่เปลี่ยนแปลง
เราคงคำแนะนำ "ถือ" สำหรับ DELTA พร้อมมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 66.00 บาท โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปัจจัยเสี่ยงสำคัญรวมถึง ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ความต้องการเซิร์ฟเวอร์ที่ชะลอตัว และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์