Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซียพลัส : MARKET TALK

446


มีโอกาสเห็นการปรับฐานบ้าง
ตัวเลข GDP งวด 1Q67 ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดที่ +1.6%QOQ ขณะที่สัญญาณเงินเฟ้อดูไม่ดีโดย CORE PCE สูงกว่าคาด ภาวะดังกล่าวทำให้ความกังวลเรื่อง STAGFLATION ก่อตัวขึ้น และสร้างแรงกดดันไปยังตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งเราน่าจะได้ผลกระทบในเชิง SENTIMENTเช้านี้ ส่วนประเด็นในบ้านเรา มี มาตรการในการควบคุม SHORT SELLของ SET ซึ่งกำหนดตัวหุ้นที่สามารถ SHORT SELL ได้ให้แคบลง โดยต้องเป็นหุ้นที่มี MARKET CAPมากกว่า 7.5 พันล้าน, TURNOVERต้องสูงกว่า 2% ต่อเดือน และ บังคับใช้เกณฑ์ UPTICK สำหรับทุกหุ้นนอกจากนี้ยังกำหนดให้ SET สามารถทำ CIRCUIT BREAKER ได้(รอฟังรายละเอียด) มาตรการดังกล่าวน่าจะทำให้แรงกดดันต่อราคาหุ้นน้อยลง แต่ก็ต้องรอดูผลข้างเคียงว่ามูลค่าการซื้อขายลดลงหรือไม่มีโอกาสที่จะเห็นการปรับฐานของ SET INDEX หลังปรับขึ้นมาต่อเนื่อง4 วัน โดยมีแรงกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศเข้ามาเป็นตัวเร่ง ประเมินกรอบ 1355 – 1369 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CPALL, SCCC และ TU


STAGFLATION กลับมาน่ากังวล ทำสินทรัพย์เสี่ยงผันผวนวานนี้สหรัฐฯ เผยตัวเลขเศรษฐกิจใน 1Q67 เริ่มจาก GDP GROWTH ขยายตัวแค่+1.6%QOQ ซึ่งต่ำตลาดคาดที่ +2.5%QOQ และชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน+3.4%QOQ โดยมีปัจจัยกดดันหลักๆ มาจากภาคการบริโภค (C) การส่งออกสุทธิ(NX) รวมถึงสินค้าคงคลัง ในทางตรงกันข้ามดัชนีเงินเฟ้อ CORE PCE กลับปรับตัวสูงขึ้น 3.7%QOQ ซึ่งมากกว่าตลาดคาดและไตรมาสก่อนที่ +3.4% และ 2.0%ตามลำดับ

ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้น้อยลง สวนทางเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น  เป็นเหตุให้การดำเนินนโยบายการเงินดูยากลำบาก ขณะที่ FED WATCH TOOL คาดFED จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงยาวนานขึ้น อาจเริ่มปรับลดครั้งแรกในการประชุมรอบเดือน ก.ย. 67 (เดิมคาด มิ.ย.) และมีโอกาสลดดอกเบี้ยเพียงแค่ 1 ครั้งในปีนี้ (DOTPLOT คาด 3 ครั้ง) ภาวะดังกล่าวกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ผันผวนหนัก ร่วงลงมาราว -0.5% ถึง -1.0%

อย่างไรก็ดี ช่วงค่ำวันนี้ (26 เม.ย.67) รอติดตามการรายงานดัชนีเงินเฟ้อ PCE เดือนมี.ค. 67 โดย CONSENSUS คาดว่าจะขยายตัว +2.6%YOY เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ +2.5%YOY ทั้งนี้ หากตัวเลขออกมาเป็นตามคาดหรือสูงกว่าคาด อาจเพิ่มระดับความกังวลเรื่องการยืดเวลาออกไปในการปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ซึ่งมีโอกาสกดดันให้สินทรัพย์เสี่ยงผันผวนได้
สรุป ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้น้อยลง สวนทางเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะ STAGFLATION เป็นเหตุให้การดำเนินนโยบายการเงินดูอึดอัด กดดันสินทรัพย์เสี่ยงผันผวนหนักในช่วงนี้

มาตราการควบคุม SHORT SELL ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นตลท. เตรียมใช้เกณฑ์มาตราการควบคุม SHORT SELL ที่หลากหลายช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยมีรายละเอียดในเบื้องต้น พร้อมกับระยะเวลาในการเริ่มใช้

ประเด็นดังกล่าวฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า จะช่วยจำกัดจำนวนบริษัทที่จะถูก SHORTSELL ให้ลดน้อยลงได้ และการทำ SHORT SELL ยังทำได้ยากขึ้น ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในระยะถัดไป อย่างไรก็ตามอาจมีความเสี่ยงที่ต้องแลกมา คือปริมาณมูลค่าซื้อขายบางส่วนมีโอกาสลดลง เนื่องจากปัจจุบันธุรกรรมซื้อขายจากการ SHORT SELL มีสัดส่วนราว 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมดและฝ่ายวิจัยทำการค้นหาหุ้นที่ได้ SENTIMNET เชิงบวกจากประเด็นดังกล่าว หรือมีโอกาสถูก COVER SHORT ได้ดังนี้

1. หุ้นที่มีสถานะ SHORT SELL คงค้าง และมี MARKET CAP. ในช่วง 5 – 7.5พันล้านบาท โดยหวังระยะถัดไปจะไม่ถูก SHORT ได้ คือ LPN, LANNA, KEX,III, SAMART ฯลฯ

2. หุ้นถูก SHORT SELL เยอะ และราคาลงมาเยอะเกิน 10%YTD อาจมีโอกาสรีบาวน์ขึ้นมาบ้าง คือ HANA, BTS, LH, EA, KCE, BANPU, COM7 ฯลฯ

FUND FLOW ต่างชาติเริ่มกลับมาสนใจ SET เน้นหุ้นใหญ่
เป้าหมายหลัก
ต่างชาติถล่มขายสุทธิหุ้นไทย และ SHORT สัญญาฟิวเจอร์สอย่างหนักในเดือน ม.ค.67 เป็นมูลค่ากว่า 3.1 หมื่นล้านบาท และ 9.3 หมื่นสัญญา ตามลำดับ ซึ่งหลังจากนั้นจะเห็นได้ว่า MOMENTUM เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จนในเดือนล่าสุดต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย 3.2 พันล้านบาท และซื้อสุทธิสัญญาฟิวเจอร์สกว่า 2.0 หมื่นสัญญา

คาดหวังต่างชาติจะสลับมาซื้อสุทธิต่อ จากกำไร 1Q67 ของบริษัทจดทะเบียน ในกลุ่มREAL SECTOR ที่ทยอยออกมา ส่วนใหญ่จะสูงกว่าที่ตลาดคาด อาทิ SCGD สูงกว่าตลาดคาด 14%, SCGP 17%, BH 4% เป็นต้น ซึ่งทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวสร้างผลตอบแทนเป็นบวก และ OUTPERFORM SET INDEX ทั้งสิ้น ดังนั้นหลังจากนี้นักลงทุนจึงควรติดตามอย่างใกล้ชิดว่า หุ้นแต่ละบริษัทจะประกาศงบเมื่อใด เพราะหากกำไรออกมาดีกว่าตลาดคาด คาดจะสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ไม่ยาก โดยในเดือนนี้มีหุ้นที่จะรายงานงบ 1Q67 คือ HMPRO 3BBIF ADVANC ในวันที่ 30 เม.ย.67

นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยฯ ทำการรวบรวมข้อมูล EARNING PREVIEW งวด 1Q67 จากBLOOMBERG CONSENSUS 101 บริษัท (คิดเป็นสัดส่วน 60% ของ MARKETCAP.) มีกำไรสุทธิรวม 1.69 แสนล้านบาท เติบโต +51.7%QOQ และ +3.0%YOY จึงทำให้กำไรรวมงวด 1Q67 มีโอกาสกลับไปแตะระดับ 2.5-3.0 แสนล้านบาทได้ไม่ยากสรุป FLOW ต่างชาติเริ่มกลับมาสนใจตลาดหุ้นได้มากขึ้น สังเกตจากมูลค่าซื้อสุทธิหุ้นไทย และการทำสัญญา LONG FUTURES ในเดือน เม.ย.67 ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน ถือเป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐานดี กำไรงาม เป้าหมาย FLOW ต่างชาติ อาทิKBANK, SCB, BBL, TISCO, PTT, PTTEP, PTTGC, OR, IVL, SCC, CPN,CPALL, CRC เป็นต้น

การพบกันครึ่งทางระหว่างธนาคารไทยและภาครัฐ
วานนี้สมาคมธนาคารไทยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR ราว 0.25% สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และSME เป็นเวลา 6 เดือน โดยเบื้องต้นจากการสอบถามไปยังกลุ่มฯ ไม่ใช่การลด MRR ทั้งระบบ เป็นการลดให้เฉพาะกลุ่มเปราะบางตามนิยามของแต่ละธนาคาร กล่าวคือ กลุ่มเป้าหมายที่ธนาคารเล็งเห็นว่าควรให้ความช่วยเหลือ ซึ่งทางกลุ่มฯ อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด MORAL HAZARD ทั้งนี้ สินเชื่อที่อิงกับ MRR ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม SME และสินเชื่อบ้าน โดยแนวทางการช่วยเหลือข้างต้น ถือว่าเสริมจาก ธปท. ที่พยายามผลักดันให้ ธ.พ. ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง (จัดชั้นลูกหนี้ตาม TFRS 9) ดังที่ทำมาตลอดตั้งแต่ COVID-19

สำหรับ ธ.พ. ที่มีสัดส่วนสินเชื่ออิงกับ MRR สูง 3 อันดับแรกของกลุ่มฯ คือ KTB มีSME และ บ้าน รวมกันราว 30% ของพอร์ตสินเชื่อ รวมถึงพอร์ตสินเชื่อบุคคล (ไม่รวมบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลของ KTC ราว 3.3 หมื่น้ลานบาท) ที่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าราชการอิงกับ MRR อยู่ราว 22% ของพอร์ตสินเชื่อ ตามด้วย SCB มีสัดส่วนสินเชื่อบ้าน และ SME รวมกันราว 48% ของพอร์ตสินเชื่อ และ KBANK มีสัดส่วนสินเชื่อบ้านและ SME รวมกันประมาณ 46% ของพอร์ตสินเชื่อ หรือหากพิจารณาว่ากลุ่มเปราะบางคือกลุ่มลูกหนี้ที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว รวมรายใหญ่,SME และรายย่อย ตามมาตรการของ ธปท. (สิ้นสุดลงเมื่อสิ้นปี 2566) สัดส่วนเทียบพอร์ตสินเชื่อจะน้อยกว่าตัวเลขข้างต้น เช่น SCB ประมาณ 11% ของพอร์ตสินเชื่อ,KBANK ราว 8% ของพอร์ตสินเชื่อ

ตามความเห็นของของฝ่ายวิจัย ผลกระทบต่อประมาณการกำไรไม่สูง สะท้อนจากSENSITIVITY ANALYSIS กรณี WORST CASE บนสมมติฐานลด MRR ทั้งระบบและรับรู้เต็มปี จะกระทบกำไรกลุ่มฯ ราว 3.6% ในขณะที่ระยะเวลาการลด MRR ตามข้างต้นอยู่ที่ 6 เดือน และเฉพาะกลุ่มเปราะบางตามมุมมองของแต่ละธนาคาร ทำให้ประเมินผลกระทบต่อประมาณการจึงน้อยกว่า SENSITIVITY ANALYSISพอสมควร

ทั้งนี้ กำไรสุทธิกลุ่มฯ งวด 1Q67 ที่คิดเป็นสัดส่วน 27% ของประมาณการกำไรทั้งปี(รวมผลจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายกลางปีนี้ 1 ครั้ง) ด้วยผลจากประเด็นข้างต้นดูจำกัด ประกอบกับคาดหวังแรงส่งจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐกระจายเข้าสู่ระบบมากขึ้นช่วง 2H67 ช่วยลดแรงกดดันจาก NPL เกิดใหม่ (NPLFORMATION) เอื้อต่อการบริหารจัดการ ECL จึงคงประมาณการกำไรกลุ่มฯตามเดิม โดย KBANK ที่สัดส่วนกำไร 1Q67 คิดเป็นสัดส่วน 31% ของประมาณการกำไรทั้งปี และ TTB (กำไร 1Q67 คิดเป็นสัดส่วน 27% ของประมาณการทั้งปี) ซึ่งมีTAX SHIELD มองว่า DOWNSIDE ต่อประมาณการไม่สูง เมื่อเทียบกับกลุ่มฯแนวทางของสมาคมธนาคาร ถูกประกาศออกมาช่วงเที่ยงวานนี้ ทำให้แรงกดดันต่อราคาหุ้นทยอยถูกสะท้อนในราคาหุ้นไปบางส่วนแล้ว ขณะที่ระยะเวลาช่วยเหลือ 6เดือนและเฉพาะกลุ่มเปราะบาง มองว่าเป็นการพบกันครึ่งทางระหว่างรัฐบาลและภาคธนาคาร เพื่อช่วยให้ลูกหนี้ประคองตัวระหว่างเศรษฐกิจไทยรอมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ โดยตัวเลือกในกลุ่มฯ ยังคงเลือก TTB (FV@1.98) > KBANK (FV@B148) >BBL (FV@B175) > KTB (FV@B19)> TISCO(FV@B106), SCB(FV@B111) จากHIGH DIVIDEND > KKP (FV@B49)


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

ณภัค ภัทรสุปรีดิ์

: เรียบเรียง โทร : 02-276-5976 อีเมล์ : reporter@hooninside.com ที่มา : สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้