Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KCS Daily Strategy

162

 


"Consumer Play"

 

KCS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways" ต้าน 1367/1373 จุด รับ 1350/1343 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัว หลัง US Bond Yield อายุ 10ปี +3 bps สู่ 4.64% ก่อนรายงาน GDP สหรัฐ 1q24 ครั้งที่ 1 คืนนี้ ตลาดคาด +2.5%q-q จากไตรมาสก่อน +3.4% ขณะที่ Fed Atlanta (GDPnow) ล่าสุดประเมิน +2.7% ทำให้เป็นไปได้ว่าตัวเลข อาจดีกว่าคาดเล็กน้อย แต่น่าจะสะท้อนไปในตลาดแล้ว หลังการปรับลดมุมมองดอกเบี้ยในปี 2024 เหลือลดเพียง 1-2 ครั้ง ขณะที่สัญญาณชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มชะลอลงบ้าง กอปรกับ ราคาน้ำมันที่นิ่งตามสถานการณ์อิสราเอล – อิหร่าน ดังนั้นถ้า GDP สหรัฐฯ และ CORE PCE ปลายสัปดาห์ไม่เร่งกว่าคาด "US Bond Yield" อาจพีคปลายสัปดาห์นี้ ระยะสั้น SET น่าจะแกว่งตัวตามภูมิภาค แต่ให้ติดตามทางการ น่าจะใกล้มีผลสรุปเบื้องต้น มาตรการ Short Sales จะช่วยยกระดับความเชื่อมั่นตลาด กลุ่มนำตลาดวันนี้ กลุ่มอิงกำลังซื้อภายใน อิงสัญญาณบวกจำนวนผู้ประกันตนประกันสังคมมาตรา 33 มี.ค. 24 +1.6%y-y, +0.2%m-m ดีขึ้น 2 เดือนติด ใกล้เคียงระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2021 สะท้อนภาคการจ้างงานเริ่มดีขึ้น วันนี้แนะ BJC. ILM, OSP เด่น

 

Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1367/1373 จุด รับ 1350/1343 จุด

What happened around the world ?

•(*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐ Dow Jones -0.11%. S&P 500 +0.02%, NASDQ +0.1% โดยกลุ่มนำตลาดของดัชนี S&P500 ยังเป็นกลุ่ม Consumer stalple, Utilities, Consumer Discretionary ฯลฯ ส่วนกลุ่มที่ Underperform คือ Industrials , Health care ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวโดเด่นได้แก่ Tesla +12% รับงบที่ออกมาเมื่อวานที่ดีกว่าคาด

• (*/+) US Earning : บริษัทจดทะเบียนสหรัฐรายงานงบ 1Q24 ออกมารวม 154 บริษัท จาก 500 บริษัท กำไรออกที่ออกมาดีกว่าคาด Surprise 8.8% และโต 8.51%y-y หลักๆมาจาก Sector Technology ที่โต 70% (เมื่อวาน META -รายงานกำไรสุทธิออกมา +117%y-y ที่ $12.37Billion สูงกว่าคาด แต่คาดการณ์รายได้ใน 2Q24 อ่อนแอและแผนการลงทุนขนาดใหญ่ ทำให้หุ้นของบริษัทปรับตัวลงมาก เพราะเผยการลงทุน ในด้าน AI และ Metaverse) แต่ Sector ส่วนใหญ่ที่เป็นกลุ่ม Old Economy การเติบโตไม่เด่น โดยรวมมองเป็นปัจจัยบวกต่อดัชนี Nasdaq มีโมเมนตัมบวกต่อ แนวต้านระยะสั้นโซน 15,930/16450 จุด แนวรับ 15600+- จุด Cut loss < 15275 จุด โดยคำแนะนำการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐเราให้น้ำหนักเพียง Neutral โดยกองทุนที่ลงทุนในดัชนี Nasdaq 100 คือกองทุนKFNDQ-A แนะนำลงทุนผ่าน KCS ifund

• (*/+) US Econ : ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังออกมาผสมผสานและยังเอื้อต่อการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้ 1.) ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือน มี.ค. (เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป) เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน +2.6%m-m และ ดีกว่าคาด +2.8%m-m แต่ตัวเลขที่ออกมาเป็น lagging indicator เพราะ PMI ภาคการผลิตสหรัฐ เดือน เม.ย.ที่ออกมาต่ำ 50 จุด สะท้อนภาคการผลิตเข้าสู่ภาวะชะลอตัว 2.) MBA Mortgage application พลิกกลับมาลงแรง -2.7%w-w ต่ำคาด สะท้อนตลาดอสังหาอ่อนตัวลงต่อ

• (*) US – China : รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ นายแอนโทนี บลิงเกน จะเดินทางไปจีนวันนี้ เพื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 ประเด็นสำคัญ คือ 1.)ต้องการให้จีนเลิกสนับสนุนรัสเซีย 2.)การค้า : สหรัฐเตรียมจะออกมาตรการ Sanction ประเทศจีนเพิ่มเติม โดยรวมมองหนุนกระแสย้ายฐานการผลิตมายังประเทศที่ไม่ได้รับผลกระทบการตึงเครียดการค้า มองบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม เน้น WHA

•(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐติดตามรายงาน 25 เม.ย. GDP 1Q24 ตลาดคาด +2.5%q-q vs prev.+3.4%q-q และ 26 เม.ย. เงินเฟ้อ PCE เดือน มี.ค. คาด 2.6%y-y เร่งขึ้นจาก 2.5% ในเดือน ก.พ. , Core PCE คาด +2.6%y-y ชะลอจาก 2.8% ในเดือน ก.พ. KCS ประเมินหากตัวเลข GDP ออกมาชะลอต่ำคาด และเงินเฟ้อ PCE ออกมาอ่อนตัวมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดหุ้นโลก คาดกดดัน Bond yields อ่อนตัวลงต่อ บวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า GULFการเงินเน้น MTC

• (*/+) US Bond & Dollar : US Bond yields ระยะสั้นพลิกขึเนอีกครั้ง อายุ 10 ปี +3 bpsปิดที่ 4.64 % และอายุ 2 ปี ทรงตัวปิด 4.93% ขณะที่ Dollar Index แกว่งตัว 105.6+/- จุด

•(*) Oil : Brent -0.45%d-d ปิดที่ US$ 88.02/barrel, West Texas -0.66%d-d ปิดที่ US$ 82.81/barrel เป็นภาพแกว่งตัวลงหลังสถานการณ์สงครามตะวันออกกลางมีพัฒนาการเชิงบวกต่อไม่ขยายวงกว้าง โดยปัจจุบันเหลือ การโจมตีระหว่างฮามาส – อิสราเอล ฯลฯ มองเป็นการจำกัด Upside การปรับขึ้นของราคาน้ำมัน แนวต้านสำคัญคือ 92 เหรียญ มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง อาทิ สายการบิน เน้น AAV กลุ่มเครื่องดื่ม ICHI กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC

 

What happened in Thailand ?

• (*/+) SET: SET Index ฟื้นตัวต่อเนื่อง +3.64 จุด +0.27% ปิด 1361.1 จุด ยืนปิดบริเวณแนวต้าน Fibonacci 38.2% กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วนฯ (DELTA, KCE, HANA) ผ่อนคลายความกังวลวงจรดอกเบี้ยขึ้น หลังจาก PMI ภาคผลิตและบริการ สหรัฐฯ เม.ย. 24 ต่ำกว่าคาด และอ่อนตัวลง m-m กลุ่มค้าปลีก (CPAXT, CPALL) จากแรงหนุนโครงการ Digital Wallet เดินหน้า หลัง ครม. มีมติเห็นชอบ กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มขนส่ง (AOT) อ่อนลงตามนักท่องเที่ยวตต่างชาติที่ปรับลง w-w กลุ่มธนาคาร ( ฟื้นตัวตามราคาน้ำมันที่ดีดขึ้นช่วงบ่าย หลัง PMI ภาคบริการยุโรป ออกมาดีกว่าตลาดคาด ส่วน GULF มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อเนื่องหลังปรากฏชื่อถือหุ้น KBANK กลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC) รับความคืบหน้า ครม. เห็นชอบหลักการนโยบาย Digital Wallet เปิด Upside คาดการณ์ GDP และกำไรกลุ่มค้าปลีกระยะถัดไป กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มธนาคาร (TISCO, BBL) TISCO จากการขึ้นเครื่องหมาย XD ผสาน จิตวิทยาลบกรณีนายกฯ ขอให้ธนาคาพาณิชย์ขนาดใหญ่พิจารณาแนวทางช่วยเหลือประชาชนในส่วนความเดือดร้อนเรื่องดอกเบี้ย

• (*/+) Flow : เงินทุนต่างชาติไหลเข้า ขายหุ้น -12.3 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +22.6 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Long +8,996 สัญญา เงินบาทอ่อนค่า 37.0-37.1 บาท

• (*/+) TH 2025 Annual Budget : งบประมาณประจำปี 2025 ที ครม. เห็นชอบรายละเอียด 23 เม.ย ที่ผ่านมา พบว่า วงเงินอยู่ที่ 3.75 ล้านล้านบาท +7.8%y-y โดยกระทรวง/หน่วยงานที่มีงบเพิ่มขึ้น y-y สูงกว่าภาพรวมได้แก่ งบกลาง (+32.8%) กระทรวงการคลัง (+19.3%) กระทรวงแรงงาน (+9.9%) กระทรวงยุติธรรม (+11.9%) กระทรวงดิจิทัลฯ (+12%) กระทรวงวัฒนธรรม (+26%) กระทรวงท่องเที่ยวฯ (+15.3%) กระทรวงอุตสาหกรรม (+29%)

เราประเมินกลุ่มที่ได้งบมากกว่าค่าเฉลี่ยผลักดันนโยบายต่างๆ และมีหุ้นน่าจะได้รับประโยชน์ ดังนี้ 1) ในส่วนงบกลาง+กระทรวงการคลังคาดเป็นการรองรับนโยบาย Digital Wallet บวกต่อหุ้นอิงกำลังซื้อภายใน CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI 2) ในส่วนกระทรวงท่องเที่ยว คาดผลักดันภาคบริการต่อเนื่อง เน้น AOT, MINT 3) กระทรวงดิจิทัลฯมองเป็นเรื่อง Digital Transformation เน้น BE8 4) กระทรวงวัฒนธรรม มองด้าน Soft Power 5) กระทรวงอุตสาหกรรม มองผลักดันการลงทุนจากต่างประเทศ+ภาคเอกชน

• (*/+) SSO : จำนวนผู้ประกันตนประกันสังคม มี.ค. 24 อยู่ที่ 24.63 ล้านคน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก ก.พ. 24 ที่ 24.61 ล้านคน ทั้งนี้ ในกลุ่มสำคัญที่บ่งชี้ความเชื่อมั่นภาคเอกชน คือ จำนวนผู้ประกันตนมาตรา 33 (ลูกจ้างในสถานประกอบการ) อยู่ที่ 11.88 ล้านคน เพิ่มขึ้น +1.6%y-y, +0.2%m-m โดยระดับดังกล่าวสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากเดือน ธ.ค. 23 (นับจากปี 2021) บ่งชี้ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ จากปริมาณจ้างงานเพิ่มขึ้น บวกต่อกลุ่มอิงกำลังซื้อภายใน เน้น CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI

• (*/+) TH Tourism : Agoda แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวลำดับต้นของโลก เปิดเผยว่าข้อมูลการค้นหาของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นเริ่มใกล้เข้าสู่ช่วงโกลเดนวีค (Golden Week) พบว่านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้ไทยติดอันดับ 2 จุดหมายปลายทางต่างประเทศยอดฮิตของ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ในช่วงโกลเดนวีคในปีนี้ เป็นรองเพียงประเทศเกาหลีใต้ (#1) โกลเดนวีคในญี่ปุ่นในปีนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. – 6 พ.ค. ทั้งนี้ ช่วง 1Q24 นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมีจำนวน 2.7 แสนคน + 58%y-y และมีสัดส่วนราว 3% ของนักท่องเที่ยวรวม มองสัญญาณที่ดีที่จะมีภาพนักท่องเที่ยวสัปดาห์กลับมาเร่งขึ้น หลังอ่อนตัวลงไปในระยะสั้น เชิงกลยุทธ์แนะนำ ทยอยตั้งรับ AOT, MINT, CPALL, CPAXT, BJC

• (*/+) To monitor : ติดตาม 1.) การรายงานงบ 1Q24 วานนี้ SCC กำไร 1Q24 -85%y-y, พลิกกำไรq-q ใกล้เคียง KCS คาด แต่ดีกว่าตลาดคาด 7% ส่วนวันนี้ (25 เม.ย.) ติดตาม BH (KCS คาด +9%y-y. +1%q-q ตามรายได้ขยายตัว+Margin เพิ่มขึ้นจากการรักษาโรคซับซ้อน) , PTTEP (KCS คาด -6%y-y, -1%q-qsupply พลังงานที่ตึงตัวน้อยลง ตาม supply non-OPEC และการระบายคลัง SPR ของ U.S. ฉุดราคาขายเฉลี่ย) 2.) ติดตามแถลงสื่อจากตลาดหลักทรัพย์ วันนี้ (25 เม.ย). เรื่องมาตรการเกี่ยวข้อง Short sale หลัง hearing เสร็จสิ้น 21 เม.ย. ตามรายละเอียดคาดจะออกมาในทางบวกต่อบรรยากาศการลงทุน มองบวกต่อ SET Index และ 3) ติดตามยอดส่งออก - นำเข้า (รายงาน 25-30 เม.ย.) ตลาดคาดยอดส่งออก -4%y-y vs prev. 3.6%y-y

 

Daily Strategy : BJC, ILM, OSP เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways" ภาพหลักมองตลาดจะแกว่งตัวรอรายงาน GDP งวด 1Q24 สหรัฐฯช่วงค่ำคืนนี้ ส่วนภายในมองแรงประคองหลักมาจากภายในที่สัญญาณกำลังซื้อดูดีขึ้น (จำนวนผู้ประกันตนประกันสังคมมาตรา 33 มี.ค. 24 ดีขึ้น 2 เดือนติด ใกล้เคียงระดับสูงสุดล่าสุด ธ.ค. 23 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2021) และติดตามการแถลงมาตรการเกี่ยวข้องกับการ Short Sales ของ ตลท. เพิ่มเติมในวันนี้ มองหุ้นนำ หุ้นอิงกำลังซื้อภายใน อาทิ CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI, ILM จากสัญญาณการจ้างงานดีขึ้น+ราคาน้ำมันเริ่มนิ่ง

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด (IVL, PTTGC, HANA, SJWD, MENA, WICE, HANA, PTT)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว (CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI, ILM, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่ม Dividend Plays (AP, MC, SC, SIRI)
กลุ่มได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฤดูร้อน (ICHI, OSP, CPALL, CPAXT, AOT, AAV, MINT)

• APR24 Best Picks: AOT, CPAXT, ICHI, IVL, OSP, HANA, MINT

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : War Tension

Fact : สถานการณ์ความตึงเครียดตะวันออกกลางผันผวนสูงในช่วงเดือน เม.ย.2024 KCS ประเมินสถานการณ์สงครามเป็น 3 Scenario

1.) Worst Case(ให้น้ำหนัก 10%): สงครามรุนแรงและขยายวงกว้างกลายเป็นสงครามในภูมิภาค (ประเทศพันธมิตรของทั้ง 2 ฝั่งเข้าร่วมรบ) ประเมินราคาน้ำมันดิบทะลุ 100 เหรียญฯ มอง SET Index มีโอกาสปรับฐาน โซนแนวรับสำคัญ 1210 จุด(ใกล้ Low ปี 2557 และ อิง PER 2024F 13เท่า ลดลงจากปัจจุบันไปอีก -1.5X) กลยุทธ์แนะหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขึ้น PTTEP, PTT, TOP, SPRC เน้น PTTEP, TOP

2.)Base Case (ให้น้ำหนัก 60%) : สงครามยืดเยื้อแต่ไม่รุนแรง, ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบจะค่อยๆแกว่งตัวลง วางแนวต้านของน้ำมันที่ 92 เหรียญฯ มองแนวรับ 85/80 เหรียญ SET ประเมินจะแกว่งตัวออกข้าง แนวรับโซน 1340-1300+- น่าจะประคองอยู่ (อิง PER 14.3-14X ซึ่งเป็นกรอบ ERP เกือบแตะ +1SD หรือ 3.7-4% สะท้อน Value Zone ที่น่าลงทุนกลางยาวมากๆ ถูกสุดตั้งแต่ Covid 2019) ส่วนแนวต้านสั้น 1365/1380จุด จนกว่าสถานการณ์จะคลาย Upside จะกว้างขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นอิงบริโภคและบริการ เน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP

3.)Best Case(ให้น้ำหนัก 30%) : สงครามจบไว ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลง ต่ำ 83.6 เหรียญฯ SET Index มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเหนือแนวต้าน 1400 จุด ได้ไว ใน 1 สัปดาห์ กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นที่ลงแรงและพื้นฐานดี ได้ประโยชน์น้ำมันลงเน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP AAV,HANA, MTC

 

• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงเกณฑ์สภาพคล่องเพื่อคัดเลือกหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 (เปิดรับฟังช่วงระหว่าง 11-26 เม.ย.) เพื่อให้ดัชนีสะท้อนการเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์และมีผลตอบแทนตามวัตถุประสงค์ของการจัดทำดัชนี และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำการเปลี่ยนจากการกำหนดค่าเริ่มต้นของสภาพคล่อง จากเดิม (Trading Value 50%, Turnover Ratio 2%) และปรับลดระดับลงมาเพื่อให้ได้หุ้นครบจำนวน 105 หุ้น เป็น การใช้เกณฑ์ขั้นต่ำ (Trading Value ไม่น้อยกว่า 25%, Turnover Ratio ไม่น้อยกว่า 1%) ซึ่งผลลัพธ์ของหุ้น SET50-100 ย้อนหลัง 10ปี ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ทำให้ KCS คาดว่ามีโอกาสสูงที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้ในการคัดเลือกหุ้นเข้าและออกดัชนี SET50-SET100 ในรอบ 2H24 นี้ทันที ดังนั้นเราจึงจัดทำคาดการณ์รายชื่อหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 2H24 อีกครั้ง ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 2024 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2023 – 17 เม.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 6 สัปดาห์) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงสูงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในบางส่วนในชุดหุ้น SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

➕ หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

➖หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

➕หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

➖ หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA

 

• Strategy Update : Summer Play

Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KCS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5% +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

 

• Strategy Update: Dividend Plays

Fact : ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KCS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KCS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:

KCS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%
SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี เฉลี่ย +1.47%)
Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KCS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2% 2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KCS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

 

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%) LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

 

หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%) SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

 

โดยทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%, INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

 

• SCC (Trading Buy, TP*340) : เรามอง Negative ต่อกำไรปกติ 1Q24 ของ SCC ที่ 1,466 ลบ. (-68%y-y, +38% q-q) ต่ำกว่าคาด 27% จากปริมาณขายปิโตรเคมีต่ำคาด โดยกำไรยังลด y-y เพราะ ธุรกิจปิโตรเคมี ยังเผชิญ oversupply รวมถึงราคา feedstock ที่สูง กลบการฟื้นตัวของทั้งธุรกิจซีเมนต์ฯ และบรรจุภัณฑ์ ส่วนการฟื้น q-q ได้ธุรกิจซีเมนต์ฯ ที่ตลาดอสังหาฯฟื้นตัวและต้นทุนพลังงานลดลง รวมถึงธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่สภาวะการแข่งขันลดลงฟื้นทั้งปริมาณขายและอัตรากำไร กลบปิโตรเคมีที่ยังแย่ได้ ทั้งนี้เราคงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP24F = 340.0 บาท/หุ้น คงมุมมองรอโครงการ LSP กลับมาเปิดดำเนินการจึงเป็นจังหว่ะซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่เร่งขึ้นใน 2H24F จากทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจปิโตรเคมี

 

2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

· Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU

· Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้