AT THE OPEN (#ATO)
SET แกว่งออกข้าง
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้างที่ในกรอบ 1350-1365 จุด ปัจจัยแวดล้อมขาดปัจจัยหนุนหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งในกรอบแคบในช่วง +/-0.1% จากการติดตาม GDP1Q67 ที่จะรายงานในวันนี้ ซึ่งตลาดคาดขยายตัว 2.5%QoQ หากออกมาตามคาดเชื่อว่าจะไม่สร้างแรงกดดันต่อความกังวลของ FED ลดดอกเบี้ยช้า เนื่องจากเป็นการขยายตัวที่ชะลอลงจากงวดก่อนที่ 3.4%QoQ

ธนาคารกลางอินโดนิเซีย (BI) วานนี้มีมติขึ้นดอกเบี้ยฯ 0.25% มาที่ 6.25% สวนทางที่ตลาดคาด เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของค่าเงินที่เคยอ่อนค่าสูงสุด 2.5%ในเดือนที่ผ่านมาและความเสี่ยงจากเงินเฟ้อฯ จากความกังวล FED ลดดอกเบี้ยช้า มองเป็นสัญญาณชี้นำต่อการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายช้าลงของธนาคารกลางต่างๆ ในส่วนบ้านเราอิงความเห็นกนง. ยังมองระดับดอกเบี้ยฯ 2.5% เป็นระดับที่เหมาะสมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่พร้อมปรับเปลี่ยนตามข้อมูลที่เข้ามาในระยะถัดไป ทิศทางดอกเบี้ยฯ ที่มีแนวโน้มลดช้าลง มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่ม ธ.พ. แต่อย่างไรก็ตามระยะสั้นต้องติดตามความชัดเจนแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง จากสมาคมธนาคารไทย ส่วนประเด็นอื่นๆ ความคืบหน้า Digital Wallet ล่าสุดคลังเผยว่าเตรียมยื่นกฤษฎีกาตีความต่อการใช้วงเงินจาก ธกส. 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งเราเชื่อว่าไม่ทำให้ Timeline ของโครงการที่จะเริ่ม 4Q67 เปลี่ยนไป กลยุทธ์การลงทุนชอบ BEM BDMS

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 0.27% ตามทิศทางตลาดหุ้นโลก กลุ่มที่หนุนตลาดมาจากกลุ่มที่ได้ Sentiment บวกจาก Bond Yield สหรัฐฯ ที่ลดลง อาทิ กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ DELTA +3.2% กลุ่มไฟแนนซ์ MTC +1.7% ผสานกลุ่มค้าปลีกและอาหารยังมีแรงส่งต่อจากโครงการ Digital Wallet หนุน CPALL +0.4% ICHI +1.8% โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 456 ล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BEM BDMS

BDMS กำไร 1Q67E ทรงดี
แนวโน้มกำไร 1Q67 ที่ Bloomberg Consensus คาดอยู่ที่ 3.86 พันล้านบาท เติบโต 11% แต่ลดลงเล็กน้อย 2.3% QoQ ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้ 1Q67 ปีนี้จะมีผลกระทบของเทศกาลรอมฎอนที่อยู่ระหว่าง 11 มี.ค. – 9 เม.ย. เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน 11 วัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยตะวันออกกลาง แต่อย่างไรก็ตามแรงหนุนมาจากผู้ป่วยจีนและยุโรป ขณะที่ผู้ป่วยในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นตามสารพัดโรคที่พบเห็นได้บ่อยๆ เช่น RSV ไข้หวัดใหญ่และ COVID-19
ทิศทางกำไรทั้งปีตลาดคาดที่ 1.57 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับ All Time High หนุนจากทั้งผู้ป่วยในและต่างประเทศ รวมถึงประสิทธิภาพการทำกำไรที่ดีขึ้นจากผลของ Operating Leverage โดย Valuation ซื้อขาย PER67E ที่ 28.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10ปี เกิน 1S.D.
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 29.50 บาท

BEM เริ่ม Initial Coverage
เราเริ่มต้นวิเคราะห์ BEM ด้วยคำแนะนำ ซื้อ คาดกำไรปี 67 จะได้แรงหนุนจากจำนวนผู้โดยสาร MRT ที่เพิ่มขึ้น 15% ผู้ใช้ทางด่วนฟื้นตัว 5% และประสิทธิภาพในการสร้างกำไรที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรปี 67 สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.0 พันล้านบาท (+14% YoY)
กำไรหลัก 1Q67 คาด 918 ล้านบาท ขยายตัว +23%YoY และ 7%QoQ จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามผู้โดยสาร MRT และทางด่วน ขณะที่แนวโน้ม 2Q67E เติบโต YoY และ QoQ จากเงินปันผลของ TTW / CKP และรายได้จากธุรกิจหลัก
ความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีม่วง และการขยายสัมปทานทางด่วนถือเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้นที่จะเพิ่มมูลค่ายุติธรรมของเราอีก 2.20 บาทต่อหุ้น (24%) ด้าน Valuation อยู่บน PER 32 เท่า ถือว่าไม่ถูกแต่มองสมเหตุผลด้วยการเติบโตเฉลี่ยกำไรหลักที่ 10% ในปี 66-69 เทียบกับภูมิภาคที่ 7%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.25 บาท

KEY FACTOR
ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยชะลอความร้อนแรง และพลิกกลับมา Underperform ตลาดหุ้นเอเชีย ที่ได้แรงหนุนจากหุ้นเทคฯ ขับเคลื่อน ในขณะที่ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าทะลุระดับ 37 บาท/ดอลลาร์ สะท้อนภาพตลาดที่รับปัจจัยบวกและขยับไปมองประเด็นขับเคลื่อนใหม่ โดยเฉพาะผลประกอบการที่ทยอยรายงานมากขึ้นเรื่อยๆในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ วันนี้จะมีการรายงานตัวเลขสำคัญของสหรัฐฯ ต่อเนื่อง ประกอบด้วย 1) GDP 1Q67 ซึ่ง Consensus คาดว่าจะขยายตัว +2.5% 2) การบริโภคภาคเอกชน Consensus คาดขยายตัว +3.0% ชะลอลงจาก +3.4% และ +3.3% ในไตรมาสก่อนหน้าตามลำดับ

EYES ON
25 เม.ย. GDP 1Q67 ของสหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ