กลุ่มธนาคาร (BANK)

กำไร 1Q67 เติบโต y-y และ q-q

กลุ่มธนาคารมีกำไร 1Q67 เพิ่มขึ้น 6.3% y-y และ 24% q-q: 8 ธนาคารที่ทางฝ่ายทาการศึกษามีกำไร 1Q67 รวมกัน 62 พันลบ. เพิ่มขึ้น 6.3% y-y จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และกำไรเพิ่มขึ้นด้วย 24% q-q จากการตั้งสำรอง และค่าใช้จ่ายที่ลดลง

 KBANK กำไรเด่นสุด y-y KKP เด่นสุด q-q: KBANK มีกำไร 1Q67 13.5 พันลบ. เป็นธนาคารที่มีกำไรสูงที่สุดในกลุ่มในไตรมาสนี้ และเพิ่มขึ้นมากที่สุดในกลุ่ม โดยเพิ่มขึ้น 25.6% y-y จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และการตั้งสำรองลดลง ส่วน q-q KKP เป็นธนาคารที่กำไรเด่นสุด โดยมีกำไร 1.5 พันลบ. เพิ่มขึ้นถึง 125.9% q-q จากผลขาดทุนรถยึด และการตั้งสำรองที่ลดลง

สินเชื่อเติบโตชะลอ แต่เป็นปกติ: สินเชื่อของกลุ่มใน 1Q67 เพิ่มขึ้นเพียง 0.5% q -q ถึงแม้จะเป็นการเติบโตที่ ไม่สูง แต่ก็ยังสูงกว่า 4Q66 ที่สินเชื่อหดตัว 0.9% q -q และเป็นปกติที่ไตรมาส 1 สินเชื่อจะเติบโตไม่มาก โดยหากย้อนหลังไป 10 ปี มีถึง 6 ปีที่สินเชื่อในไตรมาส 1 จะเติบโตน้อยที่สุดในปี หรือติดลบ

NPL กลับมาเพิ่มขึ้น :ในไตรมาสนี้กลุ่มธนาคารมี NPL กลับมาเพิ่มขึ้นเป็น 3.02% จากไตรมาสก่อนที่ NPL ลดลงเหลือ 2.87% อย่างไรก็ตามมีหลายธนาคารที่สามารถลดปริมาณ NPL ลงได้ แต่การที่สินเชื่อหดตัวทาให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มมากขึ้น แต่ธนาคารส่วนใหญ่นั้นมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ซี่งสะท้อนมาในการตั้งสำรองที่ลดลงเมื่อเทียบกับ 4Q66

สมาคมนัดหารืออาจมีการลดดอกเบี้ยบางประเภทลง: หลังการหารือระหว่างนายกฯกับผู้บริหาร 4 ธนาคารใหญ่โดยทางนายกฯอยากให้มีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมในกลุ่มลูกค้าที่มีความเปราะบาง โดยอาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยบางประเภทอย่างเช่นดอกเบี้ยบ้าน และดอกเบี้ย SME ลง ซึ่งหากมีการปรับลดจริงจะส่งผลให้ผลตอบแทนสินเชื่อลดลง และทาให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของกลุ่มธนาคารลดลงไปอีก อย่างไรก็ตามมองว่าผลกระทบอาจจะจากัด เนื่องจากสินเชื่อบ้านไม่ใช่สินเชื่อที่มีสัดส่วนสูงในพอร์ตสินเชื่อของธนาคาร ส่วนสินเชื่อ SME ที่บางธนาคารอาจจะมีสัดส่วนสูง แต่มองว่าถ้ามีการปรับลดจริงไม่น่าจะเป็นการปรับลดเป็นการทั่วไป น่าจะเป็นเฉพาะรายเท่านั้น เนื่องจากสินเชื่อ SME เป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูง

 ยังคงน้ำหนักลงทุนมากกว่าปกติ เลือก TTB เป็น Top pick: คาดว่าสินเชื่อในช่วงที่เหลือของปีจะเติบโตขึ้นได้ ประกอบกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นจะส่งผลให้ผลประกอบการของกลุ่มเติบโตขึ้นได้ ถึงแม้ว่ากลุ่มอาจจะได้รับผลกระทบจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงตามการเพิ่มขึ้นของต้นทุนดอกเบี้ย จึงยังคงน้ำหนัก “ลงทุนมากกว่าปกติ” ในหุ้นกลุ่มธนาคาร และเลือก TTB  (ราคาพื้นฐาน2 บาท)เป็น Top pick ของกลุ่ม โดยมองว่า TTB เป็นธนาคารที่จัดการคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี ใน 1Q67 TTB เป็นธนาคารเดียวในกลุ่มที่มีสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมลดลง

อดิสรณ์ มุ่งพาลชล -นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ # 18577