Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

245


ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
อัพเดต Sentiment การลงทุนในภูมิภาคจาก Fund Flow และคาดการณ์เบื้องต้นหุ้น SET50 รอบครึ่งหลังของปี 2567

Highlight:
Sentiment การลงทุนจากการติดตาม fund flows ใน 5 ประเทศในสัปดาห์ที่ผ่านมาดีขึ้นเล็กน้อย โดยมียอดซื้อสุทธิรวมกันมูลค่า 437 ล้านเหรียญ แต่หลักๆแรงซื้อยังกระจุกตัวอยู่ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้จากยอดซื้อสุทธิ 1,141ล้านเหรียญ ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อเข้ามาบางๆมูลค่า 51 ล้านเหรียญ ส่วนอีกสามตลาดที่เหลือออกหน้าขาย
สำหรับ TIP Market แม้จะมียอดขายสุทธิรวมกันที่ 542 ล้านเหรียญ แต่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในอินโดนีเซียมูลค่า 584 ล้านเหรียญ ในขณะที่ฟิลิปปินส์มียอดขายสุทธิเพียง 9 ล้านเหรียญ
สำหรับแรงซื้อเด่นในภูมิภาคจากการจับสัญญาณด้วย Volume Index มีดังนี้ (1) Petrochemicals (2) Basic Material (3) Electric & Electronic และ (4) Oil Electricity & Gas
Volume Index Outlook:
เซคเตอร์ไทยที่น่าจับตาในระยะสั้น (เฉพาะที่ cover ในรายงาน Flow Tracker) ได้แก่
กลุ่มที่ Volume Index พักตัวลงมาใกล้ระดับ mid-point และมีโอกาสรีบาวด์ในระยะสั้น ได้แก่ Commerce และ Energy & Utilities
กลุ่มที่ Volume Index อยู่เหนือ mid-point และผ่านวงจรการพักตัวมาแล้ว ได้แก่ Transportation
กลุ่มที่ Volume Index อยู่ต่ำกว่า mid-point เล็กน้อย แต่มีโอกาสฟื้นตัว ได้แก่ ICT
“คาดการณ์เบื้องต้นหุ้น SET50/SET100 สำหรับการคำนวณรอบครึ่งหลังของปี 2567”
(หมายเหตุ: คาดการณ์ครั้งสุดท้ายจะอัพเดตให้อีกครั้งในช่วงต้นเดือน มิ.ย. หลังจากมีข้อมูลครบถ้วนแล้วทั้ง 12 เดือนตามเกณฑ์ของตลาด)
เราได้ทำการประเมินเบื้องต้นจากข้อมูล 10 เดือน (มิ.ย. 66 - มี.ค. 67) โดยการคำนวณครั้งนี้จะได้หุ้นผ่านเกณฑ์ไม่ครบ 105 บริษัท ทำให้ต้องมีการผ่อนปรนเกณฑ์บางข้อลงเพื่อให้ได้หุ้นครบตามจำนวน โดยแนวทางในการผ่อนปรนมีดังต่อไปนี้
a. มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เทียบกับค่าฉลี่ยของ SET เริ่มต้นที่ 50% ปรับลดครั้งละ 5%
b. จำนวนเดือนที่ผ่านเกณฑ์ตามข้อ 1 เริ่มต้นที่ 9 เดือน ปรับลดครั้งละ 1 เดือน
c. Turnover ratio ในเดือนที่ผ่านเกณฑ์ เริ่มต้นที่ 2% ปรับลดครั้งละ 0.5%
เราคาดว่าจะมีการคงเกณฑ์ในข้อ a. และ b. ไว้ตามเดิม แต่จะปรับเกณฑ์ข้อ c. โดยลด turnover ratio ลงเหลือ 1.5% ซึ่งเรามองว่าเป็นการปรับลดที่สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาจากปริมาณการซื้อขายของตลาดที่ลดลงในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ได้ผลการคาดการณ์ดังนี้

SET50: IN
BCP, BJC, TIDLOR
SET50: OUT
COM7, KCE, SAWAD
SET100: IN
BA, BJC, DITTO, KAMART, PTG, SKY, STEC, THCOM
SET100: OUT
AEONTS, AURA, BLA, FORTH, M, STGT, THG, TOA
อย่างไรก็ตามในช่วง 2 เดือนที่เหลือ (เม.ย.-พ.ค. 67) ยังมีหุ้นที่ต้องลุ้นให้ผ่านเกณฑ์ a.-c. รวมทั้งต้องไม่ติด Cash Balance ด้วยเพื่อให้ได้อยู่ในตะกร้าคำนวณ SET50/SET100 ดังนี้
SET50 หุ้นที่ต้องผ่านเกณฑ์อย่างน้อยอีก 1 เดือน ได้แก่ DELTA, BJC
SET100 หุ้นที่ต้องผ่านเกณฑ์อย่างน้อยอีก 1 เดือน ได้แก่ BCPG
หุ้นที่ต้องผ่านเกณฑ์อีกทั้ง 2 เดือน ได้แก่ BSRC

สรุปภาพตลาดวานนี้
SET พุ่งแรงวานนี้ โดดเด่นกว่าหลายตลาดในภูมิภาค มีปัจจัยบวกในประเทศทั้งหลังจากมีการเปิดชื่อหุ้นถูกขายชอร์ต แต่ยังไม่ได้ซื้อคืน ช่วยสร้างความมั่นใจ และการเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ประชุมบอร์ดดิจิทัล วอลเล็ต) บวกการประชุม กนง. โดยหุ้นบวกดันตลาดเป็นกลุ่มบลูชิป ได้แก่ DELTA AOT CPAXT GULF CRC ADVANC SCB KBANK CPN SCGP และหุ้นบวกแรงกลุ่ม Alpha เช่น EA AWC CHAYI NEX BYD JMT WARRIX ALPHAX BROOK JTS ZIGA

แนวโน้มตลาดวันนี้
CPR ฟื้น...SET ขอ อะดรีนารีน โอเวอร์โดส
โดยสรุป ไม่ว่าผลการประชุม กนง.จะออกมาในกรณีแบบไหน เราก็มองเป็นกลาง ถึงบวกต่อตลาดหุ้นไทย เราไม่ได้มองถึงความเสี่ยงด้านล่างว่าจะเปิดกว้างสำหรับตลาดหุ้นไทยหลังจากทราบผลการประชุม กนง.ในสัปดาห์นี้ ส่วนไฮไลท์วันนี้อยู่ที่ความชัดเจนเรื่องเงินดิจิตอล...

คาดผลการประชุม กนง.วันนี้ต่อตลาดหุ้นไทย
1. ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือ 2.25% พร้อมทั้งส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง (BEST Case คาดจะบวกต่อแนวโน้มการลงทุน ตลาดหุ้นไทย)
2. คงดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% แต่มติไม่เอกฉันท์ เป็นการส่งสัญญาณเอียงไปทางโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้ง เริ่มเดือน มิ.ย. นี้ (คาด Slightly positive ต่อตลาดหุ้นไทย)
3. คงดอกเบี้ยนโยบายเสียงเอกฉันท์ และไม่ส่งสัญญาณใดๆต่อทิศทางดอกเบี้ย, เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจ (Base case ตามที่ BLS Research คาดคือการลดดอกเบี้ย จะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย. และไตรมาส 4 คาดเดือน ต.ค.นี้ คาด Neutral ต่อตลาดหุ้นไทย)

กลยุทธ์การลงทุน
เลือกเล่นหุ้นตาม ธีมลงทุน Earnings play / หุ้นปันผล / ธีมการลงทุนจากปัจจัยหนุนการปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไร

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET แอบขึ้น…ช่วงสงกรานต์ ขณะที่โครงสร้าง Triple bottom ผ่านพ้นจุดต่ำสุด (ลงมาย่ำที่ 1350 จุด 3 ครั้งแล้วยืนได้) ชัดขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดปรากฎสัญญาณ breakout ทะลุเส้นกด ผ่านฉลุย! หนุนขาขึ้นรอบใหม่ จับตาโมเมนตัมเครื่องมือเทพ MACD จ่อทะลุเส้น 0 มาพร้อมกับวอลุ่มเพิ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ย

สรุป: ดัชนีเข้าเงื่อนไขกลับตัว! แผนเทรด…ต้องมีหุ้นติดไม้ติดมือไว้บ้าง ส่วนหน้าถัดไปหัวข้อ DELTA ขึ้นแรง ดัน SET ทะลุ 1400 จุด & AOT ไปต่อไม่พอแค่นี้และฝากติดตามบทวิเคราะห์ “World Asset Class” หัวข้อ “ โครงสร้างน้ำมันดิบ Brent &“บาทไม่ผ่านจุดวัดใจ!....นิยาม “บาทแข็ง หุ้นขึ้น Flow ไหลเข้า” (อ่านต่อหน้า 12)

What to watch
คลอด 7 แพ็กเกจกระตุ้นอสังหาฯขยับมาตรการลดค่าโอน จดฯ ให้กับบ้านราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ฯลฯ ส่วนเรื่องการให้ต่างชาติถือครองบ้านและที่ดิน ให้นำกลับไปพิจารณาใหม่ รอเสนอ ครม.รอบหน้า
การประชุม กนง. 10 เม.ย. นี้ ตลาดลุ้นสัญญาณทิศทางดอกเบี้ย
ความชัดเจนนโยบายแจกเงินหมื่นของรัฐบาลไทย 10 เม.ย.นี้
วันที่ 9 เม.ย.นี้ ตลท. จะเริ่มเพิ่มรายงาน รายชื่อหุ้นยืม ชอร์ตเซล ที่ยังไม่ได้ ซื้อคืน

หุ้นแนนำวันนี้
OR เริ่ม! ฤดูกาลเดินทางขับขี่ในประเทศไทย (S 18.4 R 19.5 SL 18)


รายงานพื้นฐานวันนี้

Commodities
ราคาน้ำมันดิบ และส่วนต่างเคมีฯ แข็งแกร่งสุด
ในสัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมันดิบดูไบ ปรับตัวสูงขึ้น $3.58 WoW เป็น $89.34/บาร์เรล สถานการณ์ในตะวันออกกลาง เศรษฐกิจสหรัฐแกร่ง และจีนกำลังฟื้นตัว (บวกต่อ PTTEP เล็กน้อย)
ค่าการกลั่น (อิงสิงคโปร์) ย่อตัว $1.24 WoW เป็น $4.33/บาร์เรล กดดันจาก Gasoline น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันเตา (ลบต่อ SPRC และ TOP มากสุด)
ส่วนต่างราคา (Spread) ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น หลักๆ เป็นแรงกดดันจากต้นทุนลดเป็นหลัก (โดยรวมบวกต่อ PTTGC มากสุด)
ราคาถ่านหินเพิ่มขึ้น 2% WoW เป็น $130.35/ตัน (บวกต่อ BANPU เล็กน้อย)
ค่าระวางเรือเทกอง (BDI) ลดลง 14% WoW เป็น 1,681 จุด จากทุกกลุ่ม (ลบต่อ PSL และ TTA)
ส่วนค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ (World Container Index) ลดลงต่อ 3% WoW เป็น 2,836 จุด (ลบต่อ RCL)
Fundamental View: เชิงพื้นฐานเราชอบ PTTEP มากสุดสำหรับพลังงานต้นน้ำ, TOP มากสุดในกลุ่มโรงกลั่น

Property Sector
มาตรการกระตุ้นอาจไม่เพียงพอกระตุกดีมานด์
อัปเดทยอดขาย (Presales) โดยปกติไตรมาสแรก จะเป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดตามฤดูกาล แต่ปีนี้ยอดพรีเซลต่ำกว่าปกติ Presales รวมที่ 4.1 หมื่นล้านบาท ลดลง 3% YoY และ 23% QoQ แบ่งเป็นแนวราบ 70% และคอนโด 30% โดยการลดลงทั้ง YoY และ QoQ มาจากการปฏิเสธสินเชื่อและยกเลิกการจอง
กำไรหลักรวม 1Q24 คาดที่ 5.2 พันล้านบาท ลดลง 18% YoY และ 24% QoQ จากการโอนโครงการที่ลดลงและการตัดราคาขายกระทบต่อ Gross margin
สำหรับมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ที่ประกาศมาเมื่อวาน โดยมีการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองสำหรับอสังหาฯที่มีราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท และมีการปรับเรื่องมาตรการ BOI และการขยายเพดานการเช่าระยะยาวของชาวต่างชาติจาก 30 ปี ไปเป็น 90 ปี เรามองว่าจะกระตุ้นภาคอสังหาฯ ในระยะสั้นได้ โดยหากมามองบริษัทที่มี Portfolio ช่วง 3-7 ล้านบาทสูงที่สุด เรามองว่า SPALI PSH AP และ SIRI เป็นบริษัทที่มีสัดส่วน Portfolio สูงกว่า 40%
เราจึงมองถึงโอกาสเก็งกำไร แต่สำหรับภาพกำลังซื้อจริงๆ เรามองว่ามาตรการกระตุ้นส่วนนี้เป็นเพียงมาตรการปลายเหตุ ต้นเหตุของกำลังซื้อที่ลดลง ยังคงเห็นได้จากภาพ presales ที่อ่อนแอของกลุ่มอสังหา
Fundamental view: เรายังคง underweight กลุ่มนี้ ผ่านต่อเลยครับ

CPALL
ซีพี ออลล์
คาดกำไร 1Q24 แข็งแกร่งมาก
เราคาดการณ์กำไรหลัก 1Q24 ที่ 5,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% YoY แต่ลดลง 5% QoQ โดย SSSG คาดที่ 4% YoY และรายได้รวมเติบโต 8% YoY (ทรงตัว QoQ) และหากนับเฉพาะ 7-Eleven เติบโตทั้ง YoY, QoQ และในส่วนอัตรากำไรขยายตัว YoY โดยสินค้าพร้อมทาน เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพหนุน (สอดคล้องกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวซื้อ) ในส่วนของ GM เฉพาะ 7-Eleven ทรงตัวระดับสูง QoQ ที่ 28.7% (เพิ่มขึ้น YoY)
ภาพรวมปี 2024 แล้วยังคงมั่นใจว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมและการขยายตัวของอัตรากำไร จะหนุนกำไร CPALL ทั้งปีเติบโต 17% ขณะที่ PER อยู่ที่ 23.6 เท่า ต่ำกว่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 30.8 เท่า แล้วเราพบว่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติแค่ 38% ต่ำสุดในรอบ 7 ปี จึงคิดว่า Downside risk ราคาหุ้นจากแรงเทขายของต่างชาติจำกัดแล้ว
Fundament views: เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 69 บาท

SCGP
เอสซีจี แพคเกจจิ้ง
คาดกำไร 1Q24 แข็งแกร่ง และโตต่อ YoY ใน 2Q24
เราคาดการณ์กำไรหลักของ SCGP ใน 1Q24 ที่ 1,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% YoY และ 11% QoQ หนุนจากทั้งธุรกิจ packaging และเยื่อกระดาษ ในส่วนของธุรกิจแพคเกจจิ้งการเติบโตทั้ง YoY และ QoQ มาจากทั้งในไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมทั้ง EBITDA margin ขยายตัว อานิสงส์จากราคาขายเพิ่ม ต้นทุนพลังงานที่ลดลงกลบผลกระทบของราคากระดาษรีไซเคิลที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจ เยื่อกระดาษที่เติบโตมาจากราคาขายที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรขยายตัว
แนวโน้ม 2Q24 คาดกำไรเติบโตต่อ YoY จากทั้งด้านปริมาณและราคาขาย แต่ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล
Fundamental view: เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 58 บาท

WARRIX (Visit Note)
วอริกซ์ สปอร์ต
ออกรบรอบใหม่ พร้อมอัพเกรดอาวุธ
เราจัดงาน Virtual Conference call วานนี้ ได้รับเกียรติจากผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร WARRIX มาบรรยาย โดยภาพรวมออกมาเชิงบวก
1. การขยายธุรกิจไปจีน ผ่าน Partner กลุ่ม Himaxx ที่มีชื่อเสียง และ Business Model ที่ไม่ต้องลงทุน(Zero-Risk) โดยข้อมูลสำคัญที่ได้รับเพิ่มเติมจากงานวานนี้ เช่น จะมีการสั่งของแบรนด์ Warrix ที่มีอยู่แล้ว และการร่วมสร้างผลิตใหม่ ซึ่งจะมีทั้ง Minimum Guarantee บวกส่วนแบ่งเพิ่ม, การช่วยจัดหาวัตถุดิบ (Material Sourcing) โดยยอดขายน่าจะเห็นความชัดเจนของยอดจริงๆ ช่วง 2H24 เป็นต้นไป
2. ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20-30% YoY (ตลาดยังทำแค่ 15%) มาจาก 1) กลุ่ม Non-License sport ที่เห็น Momentum ที่ดีจากเสื้อ Polo หน่วยงานราชการ-เอกชน และอานิสงค์จากมูลค่าของแบรนด์ทำให้ไม่ต้องไปแข่งราคา นอกจากนี้ ยังสามารถขยายกลุ่มใหม่อย่างกางเกง รองเท้า ได้ด้วย 2) กลุ่ม Lifestyle
3. ใน 1Q24 แนวโน้มการเติบโตรายได้ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับแผนที่วางไว้
4. ลุยตลาด Lifestyles อย่างจริงจัง ได้แก่ การทำตลาดไปกับสินค้าเดิม (เช่น เสื้อบอลแบบแฟชั่น) การออกสินค้าใหม่ (เช่น กางเกงยีนส์) และการร่วมกับศิลปิน (เช่น นนท์ ธนนท์)
Tactical view: Settrade Consensus คาดกำไรสุทธิปี 2024 เฉลี่ยเติบโต 32% YoY ขณะที่ PER ปัจจุบันอยู่ 22 เท่า เป็น PEG ต่ำเพียง 0.7 เท่า และประมาณการกำไรมี Upside ดังที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้เรามองว่าการเล่นรอบเก็งกำไรระยะกลาง เป้าทางเทคนิค แนวรับ 6.0 แนวต้านแรก 7.0 บาท (EMA200) ผ่านได้ไปต่อ 8.0 บาท (ฐานสำคัญก่อนขาลงรอบก่อน) แต่หากผิดทาง ยอมตัดขาดทุนแถว 5.0 บาท


Tactical Idea Call
Timing Strategy: กาลครั้งหนึ่งเมื่อ กนง. ลดดอกเบี้ย
กลยุทธ์แนะนำ ซื้อเก็งกำไรหุ้นไทยที่ราคาลงแรง จากผลกระทบดอกเบี้ยขาขึ้นก่อนหน้านี้ เพราะคาดราคาหุ้นชุดนี้จะพร้อมฟื้นตัวกลับ หากแนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศ กำลังจะเปลี่ยนไปเป็นขาลง (ไม่ช้าก็เร็ว) หลังจากการประชุม กนง.นัดนี้-รู้เรื่อง!! ทั้งนี้ คาดผลการประชุม กนง...
1. ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือ 2.25% พร้อมทั้งส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง (BEST Case คาดจะบวกต่อแนวโน้มการลงทุน ตลาดหุ้นไทย)
2. คงดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% แต่มติไม่เอกฉันท์ เป็นการส่งสัญญาณเอียงไปทาง “โอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้ง เริ่มเดือน มิ.ย. นี้” (คาด Slightly positive ต่อตลาดหุ้นไทย)
3. คงดอกเบี้ยนโยบาย เสียงเอกฉันท์ และไม่ส่งสัญญาณใดๆต่อทิศทาง ดอกเบี้ย, เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจ (Base case ตามที่ BLS Research คาดคือการลดดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นใน เดือน มิ.ย. และ ไตรมาส 4 คาดเดือน ต.ค.นี้ คาด Neutral ต่อตลาดหุ้นไทย)
โดยสรุปคือไม่ว่าผลการประชุมจะออกมาในกรณีไหน เราก็มองเป็นกลาง ถึงบวก ต่อตลาดหุ้นไทย เราไม่ได้มองถึงความเสี่ยงด้านล่างว่าจะเปิดกว้างสำหรับตลาดหุ้นไทย หลังจากทราบผลการประชุม กนง.
Tactical Idea: แนะนำรายชื่อหุ้นที่ดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อรายย่อย ซึ่งคาดว่าจะได้อานิสงส์จาก ต้นทุนทางการเงินที่ผ่อนคลาย กอปรกับ ลูกหนี้มีคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น เมื่อจ่ายดอกลดลง: CREDIT NCAP SAK HENG LIT THANI ASK AMANAH MICRO S11 SGC

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

น้ำขึ้นให้รีบตัก By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดบวก หุ้นขึ้น วันนี้ น้ำขึ้นให้รีบตัก หรือเทขายกำไรไว้ก่อน ด้วยพรุ่งนี้ ตลาดเรา ...........

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้