Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

150

 

ลุ้นดอกเบี้ย ... รอ DIGITAL WALLET
สัปดาห์นี้จะมีวันทำการเพียง 3 วัน ซึ่งธรรมชาติจะเห็นมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางอยู่แล้ว ขณะที่วันนี้จะเป็นช่วงเวลาของการ ลุ้น และ รอ ใน 2 เรื่องสำคัญ กล่าวคือลุ้นว่า การประชุม กนง. วันพรุ่งนี้ จะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงหรือไม่ ทั้งนี้หากมองในมุมของความจำเป็นในฐานะที่เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เราเห็นว่าการปรับลดดอกเบี้ยเป็นเรื่องจำเป็น แต่ที่ทำให้ลังเลว่าอาจเห็นการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบ 12 มิ.ย.67 แทน ก็เป็นเพราะเงินบาทที่อ่อนค่ามาก อีกทั้งในวันที่ 12 มิ.ย. ก็น่าจะเห็น FED ปรับลดดอกเบี้ยลงมาเช่นกัน ส่วนอีกเรื่องที่รอ ได้แก่ความชัดเจนของ DITITAL WALLETซึ่งประเมินจากสถานการณ์ล่าสุด ซึ่งรัฐบาลมีการวางกรอบว่าจะเติมเงินให้กับประชาชนใน 4Q67 อีกทั้งมีการให้ความเห็นชอบจัดทำงบประมาณปี 2568 แบบขาดดุลเพิ่มขึ้น ทำให้เราเห็นว่ามีความเป็นไปได้เป็นบรรยากาศของการรอว่า ในวันพรุ่งนี้ (10 เม.ย.) จะมีข่าวดี เรื่อง ดอกเบี้ย และDIGITAL WALLET เข้ามาหนุนตลาดหรือไม่ วันนี้คาด SET INDEX แกว่งในกรอบ 1367 –1382 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BGRIM, CPALL และ MAJOR

 

ความแตกต่างของทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ-ไทย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร(NON FARMPAYROLL) เพิ่มขึ้น 303,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค.67 สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่205,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.8% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 3.9% ข้อมูลการจ้างงานดังกล่าวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐปิดไตรมาสแรกได้อย่างแข็งแกร่ง และมีความกังวลว่าจะเกิด RECESSION ลดลงโดยขณะนี้ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม 5.50% จนถึงเดือนมิ.ย.67 ด้วยความน่าจะเป็น 52% และทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้เหลือ 5.00% โดยลดลงจาก 3 ครั้ง หรือ 4.75% ที่คาดไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประเด็นดังกล่าว จึงทำให้ BOND YIELD สหรัฐฯเร่งตัวขึ้นทุกช่วงอายุ และกดดัน RISKYASSET อย่างตลาดหุ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได


ในส่วนของไทย BLOOMBERG CENSENSUS คาดการณ์ผลการประชุม กนง.รอบเม.ย.67 นี้จากนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหมด 24 คน ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยระดับเดิมที่ 2.50% มีเพียง 7 คนเท่านั้นที่เห็นต่างว่าควรลดดอกเบี้ยสู่ระดับ2.25% หรือ คิดเป็นสัดส่วน 30% โดยวันนี้ฝ่ายวิจัยฯ จะวิเคราะห์ว่า ความแตกต่างของการลด/ไม่ลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบ เม.ย.67 มีอะไรบ้าง

• กนง.ลดดอกเบี้ยรอบ เม.ย.67 จะเป็นตัวช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ไม่มากก็น้อยแม้จะช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างไม่ได้ แต่ สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหนี้ อย่างหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูงได้ โดยเศรษฐกิจไทยภาวะปัจจุบัน อยู่ในภาวะที่โตต่ำกว่าศักยภาพ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะถดถอยได้ จากตัวเลขGDP GROWTH ที่โตต่ำสุดในอาเซียน และ อัตราเงินเฟ้อเดือนล่าสุดที่ยังหดตัวต่อเนื่อง -0.47%YOY ขณะที่ในมุมของตลาดหุ้นไทยก็มีข้อดีเช่นกัน คือเป็นการเพิ่ม UPSIDE ของ TARGET SET ราว 60-70 จุด และช่วยเพิ่มปริมาณการซื้อขายราว 3-4 พันล้านบาท/วัน


• กนง.คงดอกเบี้ยรอบ เม.ย.67 จะทำให้เงินทุนทางตรงและทางอ้อมของต่างชาติชะลอออกจากประเทศไทยได้ และค่าเงินบาทที่ไม่อ่อนค่าไปมากกว่านี้ ตามส่วนต่างของดอกเบี้ยสหรัฐฯ-ไทยที่คงระดับเดิม

สรุป ดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีโอกาสคงดอกเบี้ยนานขึ้น เนื่องด้วยตัวเลขทางเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจแข็งแกร่ง แตกต่างจากไทยที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอ่อนแอและควรได้แรงกระตุ้นจากนโยบายทางการเงิน อย่างไรก็ตามตลาดคาดว่าการประชุมกนง.ในสัดาห์หน้าจะคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม ซึ่งต้องติดตามผลลัพธ์ว่าจะเป็นเช่นไรคาดเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดฯในช่วงถัดไป

ส่วนวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET 1367-1382 จุด

เงินเฟ้อไทย มี.ค.67 หดตัว -0.47%
กระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือน ก.พ. -0.47%YOY ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ซึ่งการหดตัวหลักๆ ยังคงเป็นราคาสินค้ากลุ่มอาหารสด
โดยเฉพาะเนื้อหมูและผักสด รวมทั้งกลุ่มพลังงาน บวกกับฐานดัชนีปีก่อนอนู่ในระดับสูง ส่งผลให้เฟ้อไทยใน 1Q67 หดตัว -0.79%AOA พร้อมกับได้ปรับประมาณการเงินเฟ้อปี 2567 อยู่ที่ 0.5%YOY (0.0% ถึง 1.0%) และคาด GDPGROWTH ไทยปีนี้โตเฉลี่ย 2.7% (2.2 ถึง 3.2%)ส่วน CORE CPI ล่าสุด +0.37%YOY ต่ำสุดในรอบ 28 เดือน ส่งผลให้เฟ้อพื้นฐานไทยใน 1Q67 ขยายตัวเพียง 0.44%AOA ถือเป็นระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19ซึ่งดอกเบี้ยนโยบายในขณะนั้นยืนอยู่ราว 1.75%


นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ คาดว่าเงินเฟ้อไทยเดือน เม.ย.67 มีโอกาสฟื้นขึ้นในช่วง-0.1% ถึง +0.1% ขณะที่เงินเฟ้อใน 2Q67 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันโลก และเงินบาทที่อ่อนค่ากว่า 1Q67 อีกทั้งการปรับตัวดีขึ้นของภาคท่องเที่ยวในมุมของฝ่ายวิจัยฯ มองว่าช่วง 2Q67 ผลกระทบจากเงินเฟ้อต่ำที่ส่งผ่านไปยังเศรษฐกิจไทยลดน้อยลง ขณะเดียวกันยังมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567รวมถึงโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยในระยะถัดไป หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวเป็นขั้นบันไดประเด็นดังกล่าวน่าจะช่วยให้ SET สร้างฐาน และค่อยๆ ดูดีขึ้นในระยะถัดไป แนะนำเข้าสะสม หุ้นฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ MTC, TIDLOR, AOT, MINT, ERW, CENTEL,JMART, BJC, CPALL, CRC, CBG, HMPRO, WHA, CK, STEC, TASCO,KBANK

ตลาดฯเปิดเผยข้อมูล OUTSTANDING SHORT SELL หวังเพิ่มความเชื่อมั่น และยังช่วยเพิ่มกลยุทธ์การลงทุนได้

วันศุกร์ที่ผ่านมา (5 เม.ย. 67) ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการเปิดเผยข้อมูลOUTSTANDING SHORT SELL POSITION หรือ สถานะคงค้างจากการ SHORTหุ้นนั้นๆ โดยฝ่ายวิจัยฯทำการรวบรวมและทำการศึกษา เชื่อว่าประเด็นนี้น่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนเพิ่มขึ้น พร้อมกับช่วยเพิ่มกลยุทธ์การลงทุนได้หลากหลายขึ้นดังนี้

การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนลงทุน จากข้อมูล พบว่า มีหุ้นที่ถูกมีสถานะSHORT SELL คงค้าง 278 บริษัท มีมูลค่ารวม 8.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนเพียง0.5% ของ MAKET CAP ตลาดฯ เท่านั้น และส่วนใหญ่เป็นการ SHORT SELL ผ่านNVDR กว่า 7.5 หมื่นล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 87% ของมูลค่า SHORT SELL รวม)ช่วยเพิ่มกลยุทธ์การลงทุนและเพิ่มมูลค่าซื้อขายได้(ตัวอย่าง ดูจากข้อมูล 20 อันดับสัดส่วน OUTSTANDING SHORT SELL เยอะสุด ) ดังนี้
▪ ช่วยให้ทราบว่ามีหุ้นอะไรมีสถานะคงค้างในการ SHORT SELL เยอะ ถ้ามีปัจจัยบวกเข้ามาหนุน หุ้นจำพวกนี้มีโอกาสรีบาวน์กลับเร็ว เพราะจะมีการ
COVER SHORT ช่วยหนุนอีกแรง
▪ ในระยะถัดไปจะทราบเพิ่มเติมว่า หุ้นตัวนั้นๆ ถูก SHORT SELL เพิ่ม หรือลดลง ทำให้นักลงทุนหาจังหวะหรือกำหนดทิศทางในการสะสม หรือลงทุน
เพิ่มในหุ้นตัวนั้นๆ ได้แม่นยำขึ้น
▪ ช่วยในการคัดกรองหุ้นพื้นฐานที่ราคาลงลึก ส่วนหนึ่งจากการถูก SHORTมาเยอะๆ จน VALUATION ถูกเริ่มน่าทยอยสะสม อาทิ LH, MTC, EA,
KBANK, TIDLOR, COM7, BEM, BH เป็นหุ้นพื้นฐานแนะนำOUTPERFORM หรือ มี UPSIDE สูง ที่ถูกกดลงจากการถูก SHORT SELLเยอะกว่าเพื่อน


สรุปตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยข้อมูล OUTSTANDING SHORT SELL หวังเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และเพิ่มมูลค่าซื้อขายในตลาด ทั้งจากสถานะคงค้างSHORT SELL มีเพียงเพียง 0.5% ของ MARKET CAP เท่านั้น และยังช่วยเพิ่มกลยุทธ์การลงทุน ในการกำหนดทิศทางเข้าสะสมหุ้นได้ดีมากขึ้นได้ แนะนำหุ้นพื้นฐานมีโอกาสถูก COVER SHORT สูง LH, MTC, EA, KBANK, TIDLOR, COM7, BEM,BH


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

น้ำขึ้นให้รีบตัก By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดบวก หุ้นขึ้น วันนี้ น้ำขึ้นให้รีบตัก หรือเทขายกำไรไว้ก่อน ด้วยพรุ่งนี้ ตลาดเรา ...........

งบท่องเที่ยว By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ยังคงแกว่งตัว ในกรอบแคบๆ ส่วนการเก็งกำไรนั้น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้