Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KCS Daily Strategy

165


"Rate Cut + Consumption Plays"
KCS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1390/1393 จุด รับ 1371/1368 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสาน แต่ S&P500 ยังบวกได้ โดยหุ้นกลุ่ม Value เด่น มองจิตวิทยาบวกต่อ SET ที่มีสัดส่วนหุ้น Value สูง ขณะที่ภาพวงจรดอกเบี้ยที่ตลาดไม่แน่ใจสัญญาณดีขึ้น PMI ภาคบริการ (ISM) ต่ำกว่าคาด อ่อนลงสู่ 52.1 จุดต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ดัชนีราคา (ISM Non-Manufacturing Price) ที่มีค่าสหสัมพันธ์กับ PCE 78% ต่ำสุดตั้งแต่ ส.ค. 23 ขณะที่สต๊อคน้ำมันสหรัฐฯเพิ่มขึ้น บ่งชี้เงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐฯ (ภาคบริการคิดเป็น 65% ของ GDP สหรัฐฯ) กำลังอ่อนลง vs จีนที่ PMI ภาคบริการ (Caixin) วานนี้ยังฟื้นตัวปรับขึ้นได้ต่อ โดยไทยถือว่าเริ่มมีภาพฟื้นตัวคล้ายกัน เชื่อภาวะลงทุน "Search for Yield" หนุน Flow กลับเข้า SET ต่อเนื่อง  มองหุ้นนำวันนี้ คือ กลุ่มดอกเบี้ยขาลงหนุน กลุ่มอิงบริโภค (Digital Wallet ชัดเจน 10 เม.ย.)  กลุ่มอิงภาคผลิต อิงจีน อิงยุโรป (เงินเฟ้อยุโรปปรับลงเร็วกว่าตลาดคาด) วันนี้แนะ CPAXT, CPALL, MTC เด่น
 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1390/1393 จุด รับ 1371/1368 จุด

What happened around the world ?

• (*/+)US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐเป็นภาพผสมผสาน Dow Jones -0.11%, S&P500 +0.11% Nasdaq -0.23% โดยหุ้น Value นำตลาด สำหรับ Sector ในดัชนี S&P500 ที่เคลื่อนไหวนำตลาดได้แก่ ICT, Energy, Materials ฯลฯ ส่วนกลุ่มที่ Underperform คือ Consumer Discretionary, Utilities, Health care,  ฯลฯ   ส่วนหุ้นที่ปรับขึ้น, ลงแรง คือ  Intel -8.2% รับข่าวเผยธุรกิจผลิต Semiconductor ของบริษัทขาดทุน 7 พันล้าน$ ในปี2023

• (*)Fed Speaks : ประธาน Fed Powell และคณะกรรมการ Fed หลายท่านให้สัมภาษณ์งาน Stanford Business, Government and Society Forum  โทนโดยรวมคือดอกเบี้ยฯยังเป็นขาลง แต่จังหวะในการลดดอกเบี้ยและจำนวนครั้งในการลดดอกเบี้ยในปีนี้ยังต้องรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจ ส่วนความเห็นประธาน Fed ท่านอื่น คือ คุณRaphael Bostic ประธาน Fed สาขา Atlanta เผยมุมมองคล้ายกับสัปดาห์ที่แล้ว คือจะไม่เร่งลดดอกเบี้ย แต่ให้ความชัดเจนในจังหวะการลดดอกเบี้ย คือคาดจะลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ช่วง 4Q24 แต่อย่างไรก็ตาม KCS ประเมินคุณ Bostic ไม่มีสิทธิ์โหวตการปรับเพิ่ม/ลดดอกเบี้ยในปีนี้ (Non vote) ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อมุมมองตลาด อิง Fed watch tools ซึ่งยังคงประเมินโอกาสการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุม รอบ มิ.ย. และปันี้ยังคาดลด 3 ครั้ง อัตราดอกเบี้ยสิ้นปีอยู่ที่ 4.5-4.75% สอดคล้องกับ Dotplot ของ Fed  

• (*) US  Econ :   1.)ยอดจ้างงานภาคเอกชน(ADP Employment)เดือน มี.ค. สหรัฐ +1.84 แสนคน ดีกว่าตลาดคาดที่ +1.48 แสนคน และดีสุดในรอบ 8 เดือน  2.) ISM Non-manufacturing PMI เดือน มี.ค. -8.9%m-m และ ปรับลง 2 เดือนติดอยู่ที่ 51.4 จุด ต่ำตลาดคาดที่ 52.8 จุด  ส่วน ISM Non-manufacturing Price ดิ่งแรงสู่ 53.4 จุด ต้ำกว่าคาด vs previous 58.6 จุด และต่ำสุดตั้งแต่ ส.ค. 23 โดย KCS ทำการศึกษาความสัมพันธ์ ISM Non-manufacturing Price  กับเงินเฟ้อ PCE พบว่ามีค่าสหสัมพันธ์กับ PCE  ถึง 78%  และ Core PCE  50% บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อสหรัฐ โดยเฉพาะ Core CPI เดือน มี.ค. ที่จะประกาศวันที่ 10 เม.ย. และ Core PCE ประกาศวันที่ 26 เม.ย. มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อ หรือมีโอกาสต่ำคาด ตอกย้ำมุมมองวงจรดอกเบี้ยปลายทาง เป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้น

• (*/+) EU CPI : เงินเฟ้อ(CPI) ยุโรป มี.ค. 24 (รายงานครั้งแรก) ขยายตัวในอัตราที่ลดลงติดต่อกัน 4 เดือน +2.4%y-y ดีกว่าตลาดคาด vs prev. +2.6% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ปรับเพิ่มขึ้น +2.9%y-y ดีกว่าตลาดคาดเช่นกัน vs prev. +3.1%y สะท้อนแรงกดดันต่อการบริโภคยุโรปลดลง และใกล้เข้าตามกรอบเงินเฟ้อที่ ECB วางไว้ 2% KCS มองเศรษฐกิจยุโรป 1H24 จะค่อยๆฟื้นตัว และจะเร่งขึ้นต่อเนื่องในช่วง 3Q24 หนุนจากเทศกาลโอลิมปิคฝรั่งเศส มองบวกต่อกลุ่มหุ้นที่รายได้อิงยุโรป เน้น MINT(TP-41.5) IVL(26.5)

• (*/+) China Econ : ตัวเลข Caixin Services PMI เดือน มี.ค แม้จะ Inline ที่ตลาดคาด 52.7 จุด แต่เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.5 จุด ถือว่าสอดคล้องกับ Caixin PMI ภาคผลิต ที่ออกมาในวันก่อนหน้าซึ่งเหนือ 50 จุด (สะท้อนภาคการผลิตและภาคบริการจีนขยายตัว) ประเมินภาพเศรษฐกิจจีนที่เห็นสัญญาณบวกต่อเนื่องในหลายดัชนีเศรษฐกิจผสานกับปัจจัยบวกใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าคือ US – China relation ที่มีแนวโน้มดีขึ้นโดย รัฐมนตรีคลังสหรัฐ(Janet Yellen)และรัฐมนตรีต่างประเทศ (Antony) จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นจีน มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงจีน แนะนำหุ้น PTTGC, IVL, SCGP, HANA  เน้น IVL(TP@26.5), HANA(TP@51.6)

•  (*) To monitor :  ฝั่ง 5 เม.ย. การจ้างงานนอกภาคเกษตร มี.ค. คาด 2.0 แสนราย vs prev. 2.75 แสนราย อัตราว่างงาน มี.ค. ตลาดคาด 3.9% ทรงตัวจาก prev.

 •  (*) US Bond & Dollar :  US Bond ระยะสั้นชะลอการขึ้นโดยอายุ 10 ปี -1 bps และปิดที่ 4.35% แต่เป็นการลดลงแรงจากระดับสูงสุดวานนี้ที่แตะ 4.42% หลังตลาดรับรู้รายงาน Non-munufacturing PMI และอายุ 2 ปี ปรับลง -3 bps อยู่ที่ 4.67%(ยังมีแนวต้านสำคัญโซน 4.75+-) ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่าลงมาอยู่บริเวณ 103.9+/- จุด ประเมินเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินสกุลเอเชีย รวมถึงเงินบาทแข็งค่า เป็นปัจจัยบวกต่อ Fund Flow ในวันนี

•(*/+)Oil : น้ำมันดิบ Brent +0.48%d-d ปิดที่ US$ 89.35/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.20%d-d ปิดที่ US$ 85.6/barrel  ปรับขึ้นการประชุม คณะกรรมการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่ม OPEC+ ยังคงระดับการปรับลดกำลังผลิตที่ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถือว่า Inline ที่ตลาดคาด ขณะที่ ที่สต๊อคน้ำมันสหรัฐฯเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด โดยรวม KCS  ประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ยังยืนสูงได้ มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT PTTEP กลุ่มโรงกลั่น TOP, BCP, SPRC

 

What happened in Thailand ?

•  (*/+) SET: SET Index เคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศ คือ Sideways ก่อนปิด -0.27% ที่ 1375.7 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรง BRENT +1.7% เตรียมทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 90 เหรียญฯ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT) ตอบรับโอกาสรัฐบาลเดินหน้าโครงการ Digital Wallet หลังวานนี้ ครม. ผ่านแผนการคลังระยะปานกลาง เพิ่มงบขาดดุลปี 25 อีก -1.57 แสนลบ. กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วน ฯ (DELTA, HANA) ปรับลงจากจิตวิทยาลบจาก ประเด็นแผ่นดินไหวในไต้หวัน 7.8 แมกนิจูด ทำให้ตลาดกังวลทั้งการผลิตในอุตสาหกรรม Semiconductor ไต้หวัน ซึ่งอาจกระทบผู้ประกอบการไทยที่นำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบ กลุ่มธนาคาร (SCB, BBL, KTB) ขายลดความเสี่ยงก่อนประชุม กนง. ซึ่งตลาดเริ่มคาดว่าอาจจะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย

• (*/+) Flow : เงินทุนต่างชาติไหลเข้า ซื้อหุ้น +43.3 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -18.2 ล้านเหรียญฯ  TFEX สถานะ Net Long 2,933 สัญญา เงินบาททรงตัวสู่ 36.6 +/-บาท

• (*) TH Politic: ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง กกต.กรณีร้องขอให้ "ยุบพรรคก้าวไกล" จากเหตุหาเสียงแก้ไข ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ ให้โอกาสยื่นแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน แม้เป็นประเด็นที่ยังต้องติดตามต่อ แต่ระยะสั้นเราประเมินภาพเป็นกลางต่อ SET โดยประเมินจุดที่ตลาดจะเริ่มให้น้ำหนัก+สนใจมากขึ้น คาดอยู่ช่วง 1-2 เดือนจากนี้หลังศาลกำหนดวันวินิจฉัย

• (*/+) BOI: BOI ประกาศมาตรการกระตุ้นการลงทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจต้องมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน ภายใน 12 เดือน รับสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสําหรับกําไรสุทธิ 50% เป็นเวลา 5 ปี มองจิตวิทยาบวกต่อโอกาสเห็นการลงทุนเอกชนเร่งขึ้น โดยเฉพาะในส่วนกิจการที่เข้าข่าย A1 (อาทิ นิคม/เขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยี, เทคโนโลยีชีวภาพ, กิจการ Data Center+Cloud Service), A2 (อาทิ กิจการชิ้นส่วนยานพาหนะที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง กิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน, กิจการขนส่งสินค้าทางราง+เรือ), A3 (อาทิ กิจการผลิต/ถนอม อาหาร เครื่องดื่ม วัตถุเจือปนอาหาร, เครื่องยนต์สำหรับยานหาพนะ, กิจการนิคม/เขตอุตสาหกรรมเฉพะทาง) และ A4 (อาทิ กิจการผลิตเส้นใยรีไซเคิล, กิจการประกอบเครื่องจักร และ/หรืออุปกรณ์เครื่องจักร, กิจการอบ-ชุบโลหะ) โดยหุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์ ปัจจุบันสัดส่วนธุรกิจที่เข้าข่ายยังไม่ใช่ธุรกิจหลัก หรือส่วนใหญ่มูลค่าลงทุนยังไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด และบางส่วนมีการขอสิทธิ์ BOI ลักษณะอื่นแล้ว จึงให้น้ำหนักทางจิตวิทยา กลุ่มหลักที่มอง คือ ในส่วน ICT การลงทุน Data Center, Cloud ทั้ง ADVANC, TRUE รวมถึง INSET ที่มีโอกาสได้งานเพิ่มจากทั้ง บริษัทใน+นอกตลาดที่อาจลงทุน Data Center ที่เร่งขึ้นระยะสั้น นอกจากนี้ กลุ่มนิคมที่การลงทุนเอกชน+FDI มีแรงจูงใจขยยายตัวมากขึ้น

• (*/+) Commerce: ช่วงปลายสัปดาห์นี้-ต้นสัปดาห์หน้า เรามองกระแสลงทุนหุ้นค้าปลีกจะมีความคึกคักมากขึ้น หลังหุ้นหลักในกลุ่มปรับตัวลงตอบรับยอดขายโต y-y อ่อนลงเล็กน้อยใน มี.ค. ไปแล้ว หลังจากนี้มีปัจจัยหนุนค่อนข้างมาก ระยะสั้น 10 เม.ย. จะมีความชัดเจนนโยบาย Digital Wallet รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยนโยบายซึ่งน้ำหนักตลาดมองไปทางลง การเข้าสู่หน้าร้อนที่อากาศเริ่มร้อนจัดระดับ 40 +/ องศา, การจัดงานเทศกาลมหาสงกรานต์ครั้งแรกของไทย เน้น BJC, CPALL, CPAXT

• (*) To Monitor: 5 เม.ย. ติดตามเงินเฟ้อ CPI มี.ค. คาด -0.4%y-y vs prev. -0.77% ส่วน Core CPI ตลาดคาด +0.4%y-y เท่า prev. ภายใต้คาดการณ์ดังกล่าว จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Yield) จะเป็นบวกต่อเนื่อง 12 เดือน และกระแสเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง อาทิ เช่าซื้อ เน้น MTC, JMT ชิ้นส่วนฯ เน้น HANA, KCE High Growth เน้น BE8 และหนี้สูง เน้น MINT จะเกิดขึ้นช่วงสัปดาห์นี้

Daily Strategy :  CPALL, CPAXT, MTC

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways/Up" คาดตลาดมีโอกาสแกว่งขึ้น ตอบรับดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ PMI ภาคบริการ (ISM) อ่อนสุดในรอบ 3 เดือน เชื่อว่าทำให้ตลาดเริ่มกลับมาแน่ใจภาพความเชื่อมั่นทิศทางดอกเบี้ยระยะถัดไปกับตลาด และหนุนภาพ Search for Yield กลับมาอีกรอบ มองหุ้นนำ 1)กลุ่มได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง เน้น MTC, JMT, BE8 2) กลุ่มบริโภค 10 เม.ย. ลุ้นความชัดเจน Digital Wallet เน้น CPALL, CPAXT, BJC 3) หุ้นอิงยุโรป (เงินเฟ้อลดลงเร็วกว่าคาด) เน้น MINT, IVL 4) หุ้นอิงภาคผลิต+จีน HANA, PTTGC, SCGP

    หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด (IVL, PTTGC, HANA, SJWD, MENA, WICE, TU, HANA)
    หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว (CPALL, CPAXT, BJC, AOT, AAV, MINT, TKN)
    กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC,  CPALL, TRUE, MINT,  BE8, WARRIX, MTC)
    กลุ่ม Dividend Plays (AP, MC, SC, SIRI)
    กลุ่มได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฤดูร้อน (ICHI, OSP, CPALL, CPAXT, AOT, AAV, MINT)
    กลุ่มได้ประโยชน์ค่าระวางเรือ Container ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง (TU, GFPT, STA ,NER SCGP, KCE, HANA)

• APR24 Best Picks: AOT,  CPAXT, ICHI, IVL, OSP, HANA, MINT

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 
Tactical & Investment Idea
 • Strategy Update : ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน KCS ได้เข้าร่วมงานสัมมนา "Understanding China's 2024 "Two Sessions: Target & Implication" "

·    ทางการจีนตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ปีนี้ระดับ 5% เท่ากับปีก่อน โดยมีการเปิดเผยตัวเลขเป้าหมายเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆประกอบได้แก่ การขาดดุลงบประมาณระดับ 3% ของ GDP เท่ากับปีก่อน, การออกพันธบัตรพิเศษสำหรับรัฐบาลท้องถิ่นมูลค่ารวม 3.9 ล้านล้านหยวน สูงกว่าปีก่อนที่ 3.8 ล้านล้านหยวน, ออกพันธบัตรอายุยาวพิเศษ (Ultra-long-term special treasury bonds) มูลค่า 1 ล้านล้านหยวน, เป้าหมายเงินเฟ้อระดับ 3%, งบประมาณการลงทุนส่วนกลาง 7 แสนล้านหยวน เพิ่มจากปีก่อนระดับ 6.8 แสนล้านหยวน, และตั้งเป้าอัตราการว่างงานเขตเมืองไม่เกินระดับ 5.5% ด้วยการสร้างงานใหม่ 12 ล้านตำแหน่ง

·        จากการคำนวณของ MUFG ตัวเลขเป้าหมายการเติบโตของแต่ละเมืองและมณฑลในปี 2024 นี้ Implied เป็นเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนโดยรวมระดับ 5.3% ต่ำกว่าปีก่อนที่การคำนวณดังกล่าวสะท้อนเป้าการเติบโตรวม 5.6% แต่ยังสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับเป้าหมายของชาติ 5.0%

·        ในเชิงรายละเอียด MUFG พบประเด็นที่น่าสนใจจากการแถลงของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ดังนี้ 1) ทางการจีนตั้งเป้าไปที่การปรับโครงสร้างมากกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเดียว 2) จีนให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี 3) สนับสนุนกิจการของภาคเอกชน 4) พยายามสร้างสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ 5) สร้างความร่วมมือและการสื่อสารกับภาคเอกชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 6) สนับสนุนการพัฒนาอสังริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ (New Model) และ 7) เร่งแก้ปัญหาหนี้ระดับรัฐบาลท้องถิ่น

·        แนวทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ของจีนมีหลักการคือยังเน้นไปที่การมองบ้านเป็นที่อยู่อาศัย มิใช่เครื่องมือที่ใช้ในการเก็งกำไร

·        ปัจจัยที่ MUFG มองเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน 1) ภาวะอุปสงค์อ่อนแอ 2) ภาคเอกชนอ่อนแอ 3) หนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นอยู่ในระดับสูง 4) กิจกรรมของภาคอสังหาริมทรัพย์ยังชะลอ 5) ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์กับสหรัฐ และ 6) ความเชื่อมั่นต่ำ

·        MUFG มองเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวขึ้นในเชิงเปรียบเทียบ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีนแนวโน้มอ่อนแอลงในช่วงครึ่งหลังจะทำให้ค่าเงิน USDCNY มีแนวโน้มแข็งค่าสู่ระดับ 6.8 ช่วงสิ้นปีนี้

Strategy: ฝ่ายวิจัย KCS มองบวกต่อโอกาสการเติบโตของจีนที่น่าจะมี นโยบายการเงินและการคลังทยอยออกมามากขึ้น (MUFG คาดราว มิ.ย. 2024) โดยแนะนำลงทุนกองทุนหุ้นจีน ผ่าน KCS iFund แนะนำกองทุนดังนี้ KFACHINA-A (A-shares), TMBCOF(H-Shares), K-CHINA-A(A) (All shares) และ หุ้นไทยที่อิงจีน IVL(TP@26.5), PTTGC (TP@39.0), SCGP(TP@38.5), DOHOME(TP@12.8)

 
• Strategy Update : Summer Play
Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KCS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5%  +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play  ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

• Strategy Update: Dividend Plays
Fact :  ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024  จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน   ทีมกลยุทธ์ KCS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KCS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:

    KCS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%
    SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q)  ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี  เฉลี่ย +1.47%)

Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KCS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2%  2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KCS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%)  LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%)  SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

โดยทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั  พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก   โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%,  INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี


Research Highlight
• PTT( Trading Buy, TP*39): มองช่วงสัปดาห์หน้า ทางสำนักงาน กกพ. (ERC) มีโอกาสประกาศค่าบริการก๊าซฯ หรือค่าsupply (ค่า S) เป็นไปตามอัตราที่รับฟังความเห็น แบ่งเป็น i) ค่าบริการฯ ที่คิดกับโรงไฟฟ้าของ EGAT และ IPP เพิ่มขึ้น 2.7875 บาท/mmbtu เป็น 4.94 บาท/mmbtu ii) ค่าบริการฯ ที่คิดกับโรงไฟฟ้า SPP ลดลง 6.0099 บาท/mmbtu เป็น 5.466 บาท/mmbtu และ iii) ให้ค่าบริการฯ ที่คิดกับโรงแยกก๊าซฯ (GSP) และอื่นๆ คงเดิม มีรายละเอียด ดัง fig 1 (สิ้นสุดรับฟังความเห็นฯ ไปเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2024) ซึ่งจะบังคับใช้ตั้งแต่ มี.ค. 24 ไปจนถึงปี 2028

•         เรามอง slightly negative ต่อ downside เล็กน้อยต่อกำไรปกติ PTT ที่ราว -793-988 ลบ. ในช่วง 2024-25F หรือราว -0.8-1.0% จากการปรับค่า S โดยเรามองความคืบหน้าการปรับค่า S ถือว่าเป็นการปลดหนึ่งใน overhang ที่กดดันธุรกิจก๊าซฯ ของ PTT นอกจากนี้เรามอง downside ดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนทิศทางของทั้งธุรกิจก๊าซฯ และทั้ง firm ของ PTT ที่ฟื้นตัวใน 2025F (EBITDA S&M คิดเป็นราว 13-16% ของ EBITDA ธุรกิจก๊าซฯ ทั้งหมด)

•         คงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP24F = 39.0 บาท/หุ้น คงมุมมองรอผ่านช่วงแรงกดดันกำไร 1Q24F ที่ลดลงจากผลกระทบปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ และส่งคืนค่า shortfall ไปก่อนค่อยเข้าเก็งกำไรการฟื้นตัว h-h ใน 2H24F ที่อัตรากำไรธุรกิจก๊าซฯฟื้นตัวจากไม่มีผลกระทบเงินอุดหนุน shortfall และ คาด PTTGC เริ่มเข้ามาช่วยแบกรับผลกระทบการปรับโครงสร้างก๊าซฯ

 1Q24/2024F Equity Outlook :     Between Clouds & Fog or Silver Lining, Our Base Case is Soft Landing of DMs, 2024Year of EM Asia
·        Stock Best Picks :    GPSC, IVL, PTTGC, CPALL, AOT, AMATA, SCGP, SCC, MINT
·        Mid-Small Cap Play :  SJWD, DOHOME, BE8, SPA, PLANB

 
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

CPALL (TP24F-76): S: 54.25/53.75 R: 56/57   (Stop Loss: 53.5 )
    Theme:  Consumption Plays  
    Earnings outlook: โมเมนตั้มกา ไรปกติ1Q24F เราคาดบริเวณ 2.7-2.8 พันลบ. โตสูงต่อ +28%y-y ตามแรงส่ง i) SSSG ม.ค.- กลางมี.ค.ของโลตัสส์ (+5%) และแมคโคร(+2-4%) บวกกับ ii) ต้นทุนบางรายการลง โดยเฉพาะค่าไฟต่อหน่วย -22%y-y และดอกเบี้ยจ่าย แต่ q-q กำไรจะลง -15% ตามฤดูกาล
    Valuation: ขาย PER2024F ที่ 23 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย อยู่ในโซนลงทุน
    Catalyst:  นโยบาย Digital wallet เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น สนับสนุนภาพการบริโภค และได้รับประโยชน์จากอากาศร้อน


CPAXT (TP24F-39) : S:  30.5/30 R:  32/33 (Stop Loss: 29.75)
    Theme :       Government Policy Driven Plays
    Earnings outlook :                 แนวโน้มกำไรปกติ1Q24F คาดจะโตต่อเป็ น 4.8 พนั ลบ. ปรับขึน้ +27%y-y ตามภาวะท่องเที่ยว , มาตรการ easy e-receipt และโลตัสส์ฟื้น หนุน SSSG ม.ค.- กลางมี.ค. ทั้ง 3 รูปแบบยังบวกใกล้ๆถึงมากกว่า 4Q23 น าโดยโลตัสส์ไทย +5% , แมคโคร +2-4% และร้านเซเว่น +3-4% ส่วนด้านมาร์จิ้นคาดได้ผลบวก product mix และค่าไฟลง
    Valuation:  ซื้อขาย PER24F ราว 30 เท่า vs รอบการฟื้นตัวเร่ง 35 +/- เท่า
    Catalyst: การกระตุ้นบริโภครัฐฯ เร่งต่อเนื่อง ทั้ง 1) โอกาสเดินหน้ามาตรการ Digital Wallet ภายใต้งบประมาณเพิ่มขึ้น หลังครม.ผ่านแผนการคลังระยะปานกลาง เพิ่มงบขาดดุลปี 25 อีก -1.57 แสนลบ. 2) การยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้านำเข้า โดยไม่มีข้อยกเว้นสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท

MTC(TP24F-55): S:  45.5/45 R: 47.5/48.25 (Stop Loss: 44.75)
    
    Theme :        Rate cut cycle Plays
    Earnings outlook:   เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-25F ขึ้น +4% และ +7% อยู่ที่ 5,685 และ 6,481 ลบ. ตามลำดับ จากสินเชื่อรวมและค่าใช้จ่ายส ารอง (credit cost) ดีกว่าคาด หลังจากการปรับประมาณการแล้วกำไรปี 2024F เติบโต +16% y-y
    Valuation:  ซื้อขาย PBV24F ซื้อขาย 3.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 5.2 เท่า อยู่ในโซนลงทุน
    Catalyst:   Bond Yield ปรับตัวลงสะท้อนทิศทางดอกเบี้ยขาลง ได้ประโยชน์กับกลุ่ม non-bank

Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(KCS)

 
Strategist Team
Koraphat Vorachet,AISA: Analyst Registration (No.043100)
Fundamental Investment Analyst on Capital Market and Technical
Koraphat.vorachet@krungsricapital.com 0-2081-2771
Suwat Wattanapornprom,AISA: Analyst Registration (No.044015)
Fundamental Investment Analyst on Securities
Suwat. Wattanapornprom @krungsricapital.com 02-081-2871
Takit Chardcherdsak,AISA: Analyst Registration (No.087636)
Fundamental Investment Analyst on Capital Market and Technical
Takit.Chardcherdsak@krungsricapital.com 02-081-2873
Thian Kanokpongsak
Assistant Analyst

 
 

ณภัค ภัทรสุปรีดิ์

: เรียบเรียง โทร : 02-276-5976 อีเมล์ : reporter@hooninside.com ที่มา : สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

TMILL ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผู้ถือหุ้นโหวตรับปันผลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น

TMILL ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผู้ถือหุ้นโหวตรับปันผลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น

ไปไม่ไกล By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ ภาพรวมหุ้นไทย คงวิ่งไม่ไกล ไม่แรง ด้วยทั่วโลก จับตา ประธานเฟด แถลงผลประชุม 1พ.ค.67 ...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้