Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KCS Daily Strategy

197

 

"Oil + Government Policy Driven Plays"

 

KCS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways" ต้าน 1385/1390 จุด รับ 1374/1368 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลงต่อเป็นวันที่ 3 ส่วนหนึ่งปัจจัยเฉพาะ Tesla ที่ยอดผลิต&ส่งมอบลดลง y-y ครั้งแรกตั้งแต่ปี 20 และ US Bond Yield 10ปี ขึ้นต่อ +3bps สู่ 4.36% ภาคผลิตสหรัฐฯ แกร่ง ยอดคำสั่งซื้อโรงงาน ก.พ. 24 ดีกว่าคาด ขณะที่ราคาน้ำมัน BRENT +1.7% ใกล้ 90 เหรียญฯ หากผ่านและแกว่งเหนือ 90 เหรียญฯ ต่อเนื่อง จะสร้างความเสี่ยงภาพวงจรดอกเบี้ยขาลงต่างไปจากตลาดคาด ทำให้จิตวิทยาลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงค่อนไปทางลบ โดยตลาดจะให้น้ำหนักต่อรายงานภาคแรงงานวันศุกร์ 5 เม.ย. มากขึ้น แต่ SET ยังมีข้อดีที่สัดส่วนหุ้นน้ำมันสูง 20% ของมูลค่าตลาด ขณะที่มติ ครม. วานนี้ส่วนใหญ่บวกต่อเศรษฐกิจระยะถัดไป อาทิ อนุมัติ พรบ.อำนวยความสะดวก Ease of doing business ใหม่, เห็นชอบขยายขาดดุลงบปี 25 มองโอกาสใช้งบประมาณเดินหน้า Digital Wallet เพิ่มขึ้น คาดช่วย SET ประคองได้ หุ้นนำ คือ หุ้นน้ำมัน หุ้นอิงภาคผลิต หุ้นได้ประโยชน์เงินบาทอ่อน หุ้น มติครม. หนุน วันนี้แนะ BCP, CPAXT, WHA เด่น

 


Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1385/1390 จุด รับ 1374/1368 จุด

What happened around the world ?

• (*/)US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงต่อเป็นวันที่ 3 Dow Jones -1.0%, S&P500 -0.72% Nasdaq -0.95% โดยสำหรับ Sector ในดัชนี S&P500 ที่เคลื่อนไหวนำตลาดได้แก่ Energy, Utilities, ICT ส่วนกลุ่มที่ Underperform คือ Health care, Consumer Discretionary Real estate, ฯลฯ ส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ Tesla -4.9% รับรายงานตัวเลขการผลิตรถยนต์งวด 1Q24 อยู่ที่ระดับ 4.33 แสนคัน - 1.7%y-y และยอดส่งมอบรถยนต์อยู่ที่ 3.86 แสนคัน -8.5%y-y ปรับลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563 กลุ่ม Semiconductor ปรับลงในทางเดียวกันทั้ง AMD -2.5%, NVDIA -1% ถูกกดดันยัง Yield ที่ยังเป็นขาขึ้น

• (*/+) US – China relation : ทำเนียบขาวเผยประธานาธิบดีสหรัฐ Biden ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จีน เป็นการหารือระหว่างผู้นำเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี (ประเด็นพูดคุย คือทะเลจีนใต้ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ช่องแคบไต้หวัน) และช่วง 1-2 สัปดาห์จากนี้ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ(Janet Yellen) และรัฐมนตรีต่างประเทศ (Antony) จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง โดยรวมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสหรัฐ-จีนที่ดีขึ้น ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นจีน (อีก 2 ประเด็นคือ ภาค Property ของจีนที่ฟื่น, Bazooka Stimulus จากรัฐบาลจีน) มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงจีน แนะนำหุ้น PTTGC, IVL, SCGP, HANA เน้น IVL, HANA

• (*) US Econ : ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาเมื่อคืนยังย้ำภาพเศรษฐกิจสหรัฐแกร่ง ย้ำมุมมองภาวะ Goldilock บวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะกลาง-ยาว อาทิ การเปิดรับสมัครงานสหรัฐ (Job Opening) เดือน ก.พ. อยู่ที่ 8.75 ล้านราย แม้จะต่ำคาดเล็กน้อย แต่ยังฟื้นตัวจากเดือนก่อน 2.) Factory Order เดือน ก.พ. +1.4%m-m- ดีกว่าตลาดคาดที่ 1.1% prev. -3.8%

• (*) To monitor : ฝั่งจีน 3 เม.ย. PMI บริการ (Caixin) ตลาดคาด 52.7 จุด vs prev. 52.5 จุด ฝั่งสหรัฐ 1 เม.ย PMI ภาคผลิต (ISM) มี.ค. ตลาดคาด 48.4 จุด vs prev. 47.8 จุด 3 เม.ย. PMI ภาคบริการ (ISM) มี.ค. ตลาดคาด 52.8 จุด vs prev. 52.6 จุด 3 เม.ย. การจ้างงานสำนัก ADP เดือน มี.ค. คาด 1.5 แสนราย vs prev. 1.4 แสนราย, 5 เม.ย. การจ้างงานนอกภาคเกษตร มี.ค. คาด 2.0 แสนราย vs prev. 2.75 แสนราย อัตราว่างงาน มี.ค. ตลาดคาด 3.9% ทรงตัวจาก prev.

• (*) US Bond & Dollar : US Bond ปรับขึ้นต่อเป็นวันที่ 2 โดยอายุ 10 ปี +3 bps และปิดที่ 4.36% (ซึ่งเป็นโซนแนวต้านสำคัญ หากยืนเหนือได้ในช่วงที่เหลือสัปดาห์ ประเมินเป็นขาขึ้นในระยะกลาง จะเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มประกันชีวิต ) สวนทางกับ 2 ปี ปรับลง -2 bps อยู่ที่ 4.70% ขณะที่ Dollar Index ชะลอการแข็งค่าอยู่บริเวณ 104.5+/- จุด

•(*/+)Oil : น้ำมันดิบ Brent +1.72%d-d ปิดที่ US$ 88.92/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.54%d-d ปิดที่ US$ 85.61/barrel ปรับขึ้นแรงมีปัจจัยหนุนจาก 1.) ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ล่าสุด อิหร่านประกาศตอบโต้ หลังอิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่าน (อิหร่านกำลังการผลิตรวมกันราว 11.8% ของ OPEC +) ตลาดกังวลจะกระทบ Supply น้ำมัน 2.) การประชุม OPEC+ วันนี้ โดย อ KCS คาดยังคงระดับการปรับลดกำลังผลิตที่ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยรวม KCS ประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ เป็นขาขึ้น อิง Brent หากยืนเหนือ 90 เหรียญได้ มองแนวต้านถัดไป คือ 95 เหรียญ (แนวต้านสำคัญ ซึ่งเป็น High ในช่วงกลางเดือน ก.ย.23) ทำให้มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT PTTEP กลุ่มโรงกลั่น TOP, BCP, SPRC

•(*/-)Bitcoin : ราคาบิทคอย -5.83%d-d ปิดที่ 65,702. USD มองแนวรับถัดไปอยู่โซน 62,000/ 64,000 เหรียญฯ แต่หากหลุด 60900 จุด มีโอกาสเป็นขาลงต่อเนื่อง เป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยง Crypto Currency ทำให้คำแนะนำจากหุ้นกลุ่มนี้ต้องระมัดระวังและวางจุด Stop loss ชัดเจน อย่างไรกก็ตามในเดือน เม.ย. จะมีการเกิด Bitcoin Halving จากสถิติช่วง หลังเกิด Bitcoin Halving 3 รอบล่าสุด คือ รอบ28 พ.ย.2012 , 9 ก.ค.2016 และ 11 พ.ค.2020 พบว่า 5 วันหลังเกิด +4.6%, 15 วันหลังเกิด +5.3%, 6 เดือนหลังเกิด +355% ฯลฯ

 

 

What happened in Thailand ?

• (*/+) SET: SET Index เคลื่อนไหว Sideways ปิดที่ 1379.5 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น และเก็งภาพก่อนการประชุม OPEC+ 3 เม.ย. กลุ่มชิ้นส่วนฯ (DELTA) ตอบรับภาพบวยอดส่งออกเกาหลีใต้ขยายตัวเด่นในส่วนชิป คอมพิวเตอร์ จอแสดงผล กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มธนาคาร (KTB, KBANK) กลุ่มค้าปลีก (CPAXT, CPALL) กดดันจากภาพคาดการณ์กำไร 1Q24F ที่มีแนวโน้มต่ำกว่า KCS และตลาดประเมินไว้เดิมเล็กน้อย

• (*/-) Flow : เงินทุนต่างชาติไหลออก ขายหุ้น -43.1 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -76.2 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Long 5,511 สัญญา เงินบาททรงตัวสู่ 36.6 +/-บาท

• (+) Cabinet: มติ ครม. ที่สำคัญ วานนี้ ส่วนใหญ่ออกมาเป็นบวกต่อ SET และหุ้นรายกลุ่ม

มติที่มองเป็นบวกต่อกลุ่มอิงบริโภค ได้แก่ 1) กรมสรรพากรและกระทรวงการคลังจะดำเนินการยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สินค้านำเข้า โดยไม่มีข้อยกเว้นสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท 2) ครม.ผ่านแผนการคลังระยะปานกลาง เพิ่มงบขาดดุลปี 25 อีก -1.57 แสนลบ. บ่งชี้สัญญาณการเตรียมพร้อมแหล่งเงินทุนในส่วนนโยบาย Digital Wallet ตามกระแสข่าวก่อนหน้า เน้น CPALL, CPAXT, BJC

มติหนุนการลงทุนเอกชน+ต่างประเทศเร่งขึ้น คือ 3) อนุมัติ พรบ.อำนวยความสะดวก Ease of doing business ฉบับใหม่ แทนปี 15 ปลดล็อกการขออนุญาตหลายกิจการ อาทิ กำหนดให้ผู้อนุญาตอาจจัดให้มีช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน (Fast Track), การกำหนดเพิ่มหลักการอนุญาตโดยปริยาย (Auto Approve), กำหนดให้มีระบบอนุญาตหลัก (Super License) โดย ครม. อาจกำหนดเรื่องที่หากประชาชนได้รับใบอนุญาตที่เป็นใบอนุญาตหลักของเรื่องนั้นแล้ว ถือว่าได้รับอนุญาตตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย และกำหนดให้มีศูนย์รับคำขอกลางทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น บวกต่อเศรษฐกิจไทยระยะถัดไป ส่วนรายกลุ่มมองที่นิคม WHA, AMATA เน้น WHA

มติหนุนการจับจ่าย+ลงทุนภาครัฐฯกลับมาเร่ง 4)เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เพื่อ ให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับสถานการณ์ และสามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ทันที หลัง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ประกาศใช้บังคับตามที่สำนักงบประมาณ (สงป.) เสนอ บวกต่อกลุ่มรับเหมา เน้น STEC กลุ่มจำหน่ายสินค้าปรับปรุงบ้าน, ดิจิตอลที่มีฐานลูกค้ารัฐฯ เน้น GLOBAL, BE8

5) รับทราบมติของที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 22 เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ หรือ ค่าแรงขั้นต่ำ ในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประเภทกิจการโรงแรม นำร่องในพื้นที่ 10 จังหวัดท่องเที่ยว ในอัตราวันละ 400 บาท ตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอ เฉพาะโรงแรมระดับ 4 ดาว+มีลูกจ้างมากกว่า 50 คนขึ้นไป มองจิตวิทยาลบอ่อนๆกลุ่มโรงแรม โดยตลาดรับรู้ช่วงก่อนหน้าแล้ว ขณะที่เชื่อว่าภาระที่เพิ่มขึ้นสามารถส่งผ่านลูกค้าตามภาพรวมภาคบริการที่กำลังเร่งตัวได้ ทั้งนี้ ระยะสั้นเน้นหุ้นท่องเที่ยวที่กระทบน้อย อาทิ AOT, MINT (รายได้จากยุโรป 50%)

• (*) To Monitor: 5 เม.ย. ติดตามเงินเฟ้อ CPI มี.ค. คาด -0.4%y-y vs prev. -0.77% ส่วน Core CPI ตลาดคาด +0.4%y-y เท่า prev. ภายใต้คาดการณ์ดังกล่าว จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Yield) จะเป็นบวกต่อเนื่อง 12 เดือน และกระแสเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง อาทิ เช่าซื้อ เน้น MTC, JMT ชิ้นส่วนฯ เน้น HANA, KCE High Growth เน้น BE8 และหนี้สูง เน้น MINT จะเกิดขึ้นช่วงสัปดาห์นี้

 

Daily Strategy : BCP, CPAXT, WHA

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways" คาดตลาดจะเคลื่อนไหวแกว่งตัวรอติดตามทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะภาคแรงงานสหรัฐฯวันศุกร์นี้ หลังภาคผลิตกลับมาฟื้นตัว ขณะที่ราคาน้ำมันเร่งขึ้นและใกล้จุดเสี่ยงอิง BRENT ใกล้ทะลุ 90 เหรียญฯ อาจทำให้ภาพวงจรเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาลงอาจจะต่างไปจากตลาดประเมินในปัจจุบัน โดยหุ้นนำวันนี้มอง 1) หุ้นน้ำมัน เน้น PTT, PTTEP, BCP 2) หุ้นอิงภาคผลิต เน้น IVL, SCGP, PTTGC 3) หุ้นเงินบาทอ่อนค่าหนุน เน้น TU 4) หุ้น มติ ครม. วานนี้หนุน อาทิ WHA, CPAXT

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด (IVL, PTTGC, HANA, SJWD, MENA, WICE, TU, HANA)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว (CPALL, CPAXT, BJC, AOT, AAV, MINT, TKN)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่ม Dividend Plays (AP, MC, SC, SIRI)
กลุ่มได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฤดูร้อน (ICHI, OSP, CPALL, CPAXT, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ค่าระวางเรือ Container ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง (TU, GFPT, STA ,NER SCGP, KCE, HANA)

• APR24 Best Picks: AOT, CPAXT, ICHI, IVL, OSP, HANA, MINT

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน KCS ได้เข้าร่วมงานสัมมนา "Understanding China's 2024 "Two Sessions: Target & Implication" "

· ทางการจีนตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ปีนี้ระดับ 5% เท่ากับปีก่อน โดยมีการเปิดเผยตัวเลขเป้าหมายเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆประกอบได้แก่ การขาดดุลงบประมาณระดับ 3% ของ GDP เท่ากับปีก่อน, การออกพันธบัตรพิเศษสำหรับรัฐบาลท้องถิ่นมูลค่ารวม 3.9 ล้านล้านหยวน สูงกว่าปีก่อนที่ 3.8 ล้านล้านหยวน, ออกพันธบัตรอายุยาวพิเศษ (Ultra-long-term special treasury bonds) มูลค่า 1 ล้านล้านหยวน, เป้าหมายเงินเฟ้อระดับ 3%, งบประมาณการลงทุนส่วนกลาง 7 แสนล้านหยวน เพิ่มจากปีก่อนระดับ 6.8 แสนล้านหยวน, และตั้งเป้าอัตราการว่างงานเขตเมืองไม่เกินระดับ 5.5% ด้วยการสร้างงานใหม่ 12 ล้านตำแหน่ง

· จากการคำนวณของ MUFG ตัวเลขเป้าหมายการเติบโตของแต่ละเมืองและมณฑลในปี 2024 นี้ Implied เป็นเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนโดยรวมระดับ 5.3% ต่ำกว่าปีก่อนที่การคำนวณดังกล่าวสะท้อนเป้าการเติบโตรวม 5.6% แต่ยังสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับเป้าหมายของชาติ 5.0%

· ในเชิงรายละเอียด MUFG พบประเด็นที่น่าสนใจจากการแถลงของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ดังนี้ 1) ทางการจีนตั้งเป้าไปที่การปรับโครงสร้างมากกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเดียว 2) จีนให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี 3) สนับสนุนกิจการของภาคเอกชน 4) พยายามสร้างสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ 5) สร้างความร่วมมือและการสื่อสารกับภาคเอกชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 6) สนับสนุนการพัฒนาอสังริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ (New Model) และ 7) เร่งแก้ปัญหาหนี้ระดับรัฐบาลท้องถิ่น

· แนวทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ของจีนมีหลักการคือยังเน้นไปที่การมองบ้านเป็นที่อยู่อาศัย มิใช่เครื่องมือที่ใช้ในการเก็งกำไร

· ปัจจัยที่ MUFG มองเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน 1) ภาวะอุปสงค์อ่อนแอ 2) ภาคเอกชนอ่อนแอ 3) หนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นอยู่ในระดับสูง 4) กิจกรรมของภาคอสังหาริมทรัพย์ยังชะลอ 5) ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์กับสหรัฐ และ 6) ความเชื่อมั่นต่ำ

· MUFG มองเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวขึ้นในเชิงเปรียบเทียบ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีนแนวโน้มอ่อนแอลงในช่วงครึ่งหลังจะทำให้ค่าเงิน USDCNY มีแนวโน้มแข็งค่าสู่ระดับ 6.8 ช่วงสิ้นปีนี้

Strategy: ฝ่ายวิจัย KCS มองบวกต่อโอกาสการเติบโตของจีนที่น่าจะมี นโยบายการเงินและการคลังทยอยออกมามากขึ้น (MUFG คาดราว มิ.ย. 2024) โดยแนะนำลงทุนกองทุนหุ้นจีน ผ่าน KCS iFund แนะนำกองทุนดังนี้ KFACHINA-A (A-shares), TMBCOF(H-Shares), K-CHINA-A(A) (All shares) และ หุ้นไทยที่อิงจีน IVL(TP@26.5), PTTGC (TP@39.0), SCGP(TP@38.5), DOHOME(TP@12.8)

 

• Strategy Update : Summer Play

Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KCS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5% +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

 

• Strategy Update: Dividend Plays

Fact : ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KCS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KCS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:

KCS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%
SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี เฉลี่ย +1.47%)
Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KCS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2% 2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KCS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

 

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%) LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

 

หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%) SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

 

โดยทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%, INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

 

 

• TRUE (Trading Buy, TP*7.7): เรามอง 'บวกเล็กน้อย' ต่อแนวโน้มขาดทุนปกติ 1Q24F ที่จะเหลือ -570 ลบ. ลดลงทั้ง y-y, q-q หนุนจาก i) การแข่งขันราคาลดลง คาดอัตราค่าบริการจะปรับขึ้นทั้งกลุ่มมือถือและเน็ตบ้าน ผสานกับ ii) ต้นทุนการดำเนินงานลดลงทั้งจากการทำ single grid และการปรับโครงสร้างค่าคอมฯการขาย หนุน EBITDA +19%y-y,+2%q-q ดีกว่าเป้า +9-11% ทั้งนี้ เรายังคงแนะนำ รอซื้อเมื่ออ่อนตัว ไปก่อน โดยมอง upside หลังจากนี้จะอยู่ที่ i) การคุม %ต้นทุน SG&A/sales (รวมถึงค่าใช้จ่ายปรับโครงสร้าง) ที่ดีกว่าเราคาดปัจจุบัน โดยปี 24F ที่ 15.0% (vs 1Q24F ที่ 12.3%) ซึ่งทุกๆ -100 bps ที่ลดลงจะมีผล EBITDA ขึ้นจากปัจจุบัน +3% ผสานกับ ii) ความคืบหน้าในการจัดประมูลคลื่นใหม่ที่คาดจะลดส่วนต่างค่าเช่าในอนาคต


1Q24/2024F Equity Outlook : Between Clouds & Fog or Silver Lining, Our Base Case is Soft Landing of DMs, 2024Year of EM Asia

· Stock Best Picks : GPSC, IVL, PTTGC, CPALL, AOT, AMATA, SCGP, SCC, MINT

· Mid-Small Cap Play : SJWD, DOHOME, BE8, SPA, PLANB

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

ต่างชาติ ลุยซื้อหุ้นไทย By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นนักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อหุ้นไทย วานนี้ จัดไป เกือบ 3,600 ล้านบาท ส่วนในประเทศ พร้อมใจขายอย่าง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้