AT THE OPEN (#ATO)
SET พักตามกรอบ 1370-1385
กลยุทธ์ Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
SET Index คาดพักตามกรอบ 1370 -1385 จุด ความกังวลต่อการลดดอกเบี้ยฯ ของ FED ที่ช้ากว่าคาดยังกดดัน จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งจากล่าสุดยอดสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานเดือน ก.พ. ขยายตัว 1.4%MoM มากกว่าตลาดคาดเพิ่มขึ้น 1.1%MoM ส่งผลต่อ FEDWATCH Tool ให้โอกาสปรับลดดอกเบี้ยฯ เดือน มิ.ย. ลดลง 62% จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 64% กระทบต่อ US Bond Yield 10 ปี ทำจุดสูงสุดของปี 4.36% กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลง -0.7% ถึง -1% มองเป็น Sentiment ลบต่อตลาดหุ้นภูมิภาค แต่บ้านเราจะลงน้อยกว่าจากกลุ่มพลังงานช่วยประคองหลังราคาน้ำมันดิบขึ้น 1.6%
ผลการประชุม ครม. มีประเด็นหลัก 1) ขยายวงเงินงบประมาณปี 68 ไปที่ 3.75 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากเดิม 1.5 แสนล้านบาท) คาดว่าจะนำไปใช้ในมาตรการ Digital Wallet ทำให้ขาดดุล งบประมาณเพิ่ม 8.65 แสนล้านบาทและหนี้สาธารณะต่อ GDP ปี 68 ขยับมาที่ 67% (จากเดิม 64%) ใกล้เพดาน 70% ส่งผลต่อข้อจำกัดในการออกมาตรการกระตุ้นในระยะยาว ระยะสั้นอาจสร้างแรงกดดันต่อเงินบาทอ่อนค่า 2) การขึ้นค่าแรง400 บาท ในธุรกิจโรงแรมใน 10 จังหวัด มองกระทบต่อกลุ่มท่องเที่ยวจำกัด 3) การเตรียมเก็บ VAT สำหรับสินค้านำเข้าที่ราคาต่ำกว่า 1,500 บาท ซึ่งคลังและสรรพากร เตรียมยกร่างกฎหมายคาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ได้ พ.ค. ดีต่อการแข่งขันของภาค SMEs กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว TRUE TASCO

Market Summary
SET Index แกว่งทรงตัว หุ้นแต่ละกลุ่มบวกลบผสมผสาน โดยกลุ่มที่พลังงานที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นช่วยประคองตลาดหนุนจาก PTTEP +2.7%, BCP SPRC +1.7% ตามด้วยกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ +0.7% ปิโตรฯ +1.4% และบรรจุภัณฑ์ +1.9% ที่ปรับขึ้นตาม PMI จีนและสหรัฐฯ กลับมายืนเหนือ 50 หนุน ส่วนกลุ่มที่ปรับลงจากกลุ่ม ธ.พ. ค้าปลีก ติดลบ -0.7% และ ICT -0.8%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ TRUE TASCO

TRUE ผลประกอบการใกล้พลิกเป็นบวก
คาดผลขาดทุนสุทธิ 1Q67E อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท หากไม่รวมการด้อยค่าของสินทรัพย์ 1.3 พันลบ. ผลขาดทุนหลักในไตรมาส 1/67 น่าจะอยู่ที่ 200 ลบ. เทียบกับขาดทุนหลัก 1.7 พัน ลบ.ในไตรมาส 1/66 และขาดทุนหลัก 1.0 พัน ลบ.ในไตรมาส 4/66 โดยผลขาดทุนหลักที่ลดลงจากการประหยัดต้นทุนและรายได้ที่เติบโตหนุนจากการแข่งขันที่คลายลงและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
ด้านกำไรหลักปี 67 คาดที่ 4.2 พันลบ. พลิกจากขาดทุนหลัก 6.9 พันลบ.ในปี 66 โดยจะกลับมากำไรครั้งแรกใน2Q67
ด้าน EV/EBITDA ปี 67 อยู่ที่ 7.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจโทรคมนาคมในอาเซียน 4% เราเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 9.0 บาทจาก 8.30 บาท หลังจากปรับลด CAPEX ปี 67-69 ลงลง 18-26%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.00 บาท

TASCO กำไรจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q67 เป็นต้นไป
ยอดขายในปี 2567 จะได้แรงหนุนสำคัญจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ในไตรมาส 2Q67 - 3Q67 และ 4Q67 จะได้แรงหนุนจากเริ่มงบประมาณปี 2568 ส่งผลดีต่อกำไร TASCO ที่เชื่อว่าจะเร่งตัวได้ตั้งแต่ 2Q67 เป็นต้นไป โดยเราคาดกำไรปกติกำไรปกติ 2,630 ล้านบาท เติบโต 8% YoY
ด้าน Valuation ปี 2567 ยังถือว่าถูกมากเพราะ P/E 9.5 เท่า (-0.75 SD) , P/BV 1.5 เท่า (-0.75 SD) และ มีเงินปันผลตอบแทนที่สูง 8% เป็นตัวช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น
นอกจากนี้ยังมี Upside ส่วนเพิ่มจากการขยายตลาดในประเทศที่ปัจจุบันกำลังเจรจาสัญญาจัดหายางมะตอยกับโรงกลั่นในประเทศคาดรู้ผลในเดือนนี้
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 20.00

KEY FACTOR

ตลาดหุ้นทั่วโลกยังอยู่ในช่วงให้น้ำหนักข้อมูลเศรษฐกิจรายเดือน โดยในวันนี้มีตัวเลขสำคัญของทั้งสหรัฐฯ นำโดย 1) การจ้างงานเอกชน ADP ซึ่ง Consensus คาดเพิ่มขึ้น 1.5 แสนตำแหน่ง เร่งตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ +1.4 แสนตำแหน่ง 2) ดัชนี ISM ภาคบริการ ซึ่ง Consensus คาดยังทรงตัวสูงที่ระดับ 52.8 จาก 52.6 ในเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ตัวเลขของจีน ดัชนี Caixin ภาคบริการ ซึ่ง Consensus คาดยังทรงตัวสูงที่ระดับ 52.5 เท่ากับเดือนก่อน
น่าจะทำให้ตลาดยังอยู่ในช่วงระมัดระวังจากการปรับมุมมองดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ต่อเนื่องในระยะสั้น ล่าสุด Fed Watch Tool ให้น้ำหนัก การลดดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. เหลือเพียงประมาณ 55% ในขณะที่ภาพรวมทั้งปีตลาดมองโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยน้อยกว่า 3 ซึ่งต่ำกว่า Dot Plot เดือน มี.ค. ล่าสุด ดังนั้น ประเมินว่าผลกระทบเชิงลบหลังจากนี้จะเริ่มจำกัด และมีโอกาสกลับมาตอบรับบวกหากตัวเลขจริงไม่ได้แข็งแกร่งดังเช่นที่ตลาดคาด

Eyes on
2 เม.ย. ยอดสั่งซื้อโรงงาน
3 เม.ย. การจ้างงาน ADP, ISM ภาคบริการ, Caixin PMI ภาคบริการ
5 เม.ย. CPI เดือน มี.ค. ของไทย, การจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ