Market Wrap-Up
- SET วันที่ 2 เม.ย.67 ปิด -0.02 จุด อยู่ที่ 1,379.46 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,240 ลบ.ต่างชาติขาย 1,580 ลบ.สถาบันซื้อ 468 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 477 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 588 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้น PTTEP,CRC,CPALL,TOP,IVL และมียอดขายสุทธิ KBANK,BBL,TISCO,SCB,TTB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 5,424 ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ TISCO-R,BLAND-R,KBANK-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 5,511 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 24,748 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 2,793 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.0%, S&P500 -0.72%, Nasdaq -0.95% โดยกลุ่มเฮลธ์แคร์ -62%, สินค้าฟุ่มเฟือย -1.28% แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +1.37% หลัง JOLTs เผยตัวเลขเปิดรับสมัครงาน ก.พ. อยู่ที่ 8.756 ล. สูงกว่าคาดที่ 8.74 ล.ตำแหน่ง ส่งผลให้ตลาดกังวลเฟดจะตรึงดอกเบี้ยสูงต่อไป ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.8% จากแรงขายกลุ่มเฮลธ์แคร์, ค้าปลีก, อสังหาฯ แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +2.5%, ทรัพยากร +1.8%
- Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลังตัวเลขเปิดรับสมัครงาน ก.พ. สูงกว่าคาด บ่งชี้ตลาดแรงงานสหรัฐยังร้อนแรง ส่งผลให้ US Bond Yield 10 ปี สูงสุดระหว่างวันที่ 4.405% โดย CME Fed Watch ได้ปรับลดโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยใน มิ.ย. ลงอยู่ที่ 56.3% & เดิมคาดที่ 8% โดยค่ำวันนี้ติดตามถ้อยแถลงของ ปธ.เฟด และวันศุกร์รอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ มี.ค. คาดชะลอตัวอยู่ที่ 205,000 & ก.พ. 275,000 ราย, อัตราว่างงานคาดทรงตัวที่ 3.9% เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง หลัง Euro Bond Yield ปรับขึ้นตาม US Bond Yield ขณะที่ PMI ภาคการผลิตยูโรโซน มี.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 46.1 & ก.พ. 46.5 และ CPI เยอรมัน มี.ค. ลดลงอยู่ที่ 2.2% & ก.พ. 2.5% จากราคาพลังงานที่ลดลง โดยค่ำวันนี้ติดตาม CPI ยูโรโซน มี.ค. คาดลดลงอยู่ที่ 2.5% & ก.พ. 2.6% YoY เพื่อโอกาสลดดอกเบี้ยของ ECB
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ฮั่งเส็ง +2.36% ได้แรงหนุนจาก Xiaomi +8.9% รับข่าวเปิดตัวรถยนต์ EV รุ่นใหม่ SU7 ที่ราคาถูกกว่า Tesla Model 3 ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.08% ผันผวนตามค่าเงินหยวนอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือน ส่งผลให้ ธ.พาณิชย์จีนต้องขายดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพยุงค่าเงินหยวน เช้านี้ติดตาม Caixin PMI ภาคบริการจีน มี.ค. คาดที่ 52.7 & ก.พ. 52.5
- ดัชนี SET วานนี้ปิดทรงตัว ปริมาณการซื้อขาย 3.82 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 1.58 พัน ลบ. สถาบันซื้อ 468 ลบ. รายย่อยซื้อ 634 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 477 ลบ. โดยกลุ่มปรับลดลง คือ ไอซีที -0.75% , กลุ่มค้าปลีก -0.69% จากความกังวลการแข่งขันที่สูงขึ้น กอปรจำนวนนักท่องเทียวต่างชาติสัปดาห์ที่ผ่านมา -1.07% WoW และกลุ่มธนาคาร -0.69% จากความกังวล NIM ปีนี้มีแนวโน้มลดลง หาก กนง.เริ่มลดดอกเบี้ยในครึ่งปีหลัง ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ ปิโตรเคมี, บรรจุภัณฑ์ หลังภาคการผลิตจีนมีสัญญาณฟื้นตัว ส่วนผลการประชุม ครม.ได้อนุมัติเพิ่มขาดดุลงบประมาณปี 68 อีก 1.57 แสน ลบ. เป็น 8.65 แสน ลบ. ซึ่งจะช่วยเพิ่มเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ โดยดัชนียังทรงตัวรอผลการประชุม กนง. และการเปิดเผยรายละเอียดโครงการดิจิทัล วอลเล็ตในวันที่ 10 เม.ย.
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับ SET ที่ 1,360 – 1,370 แนวต้าน 1,385 คาดดัชนีอาจถูกกดดันจาก US Bond Yield 10 ปรับขึ้น กอปรเฟดอาจไม่รีบดอกเบี้ย ส่งผลลบต่อ Fund Flow ในตลาดเกิดใหม่ แนะนำเก็งกำไร PTTEP,TOP,SPRC,BSRC ตามราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น
- NSL* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 28.00 บาท) แนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q67 เติบโตขึ้นต่อเนื่องหนุนจากรายได้การขายสินค้าผ่านช่องทาง 7-11 และการออกสินค้าใหม่ เป็นไปตามการฟื้นตัวของการบริโภคและการท่องเที่ยว โดยอัตรากำไรขั้นต้นคาดดีขึ้นจาก U-rate ที่อยู่ในระดับสูงขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบลดลง ขณะที่ส่วนแบ่งขาดทุนจาก Bake a wish คาดว่าจะทยอยลดลงเช่นกัน ส่วนแนวโน้มปี 67 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต +19% ขยายตัวผ่านช่องทาง 7-11 โดยการออกสินค้าใหม่ และเพิ่มสินค้า Brand ของตัวเอง และการส่งออกไปจีน ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 395 ล้านบาท +19%YoY และ 433 ล้านบาท +10%YoY
- AWC* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 5.15 บาท) กำไรสุทธิปี2566 อยู่ที่ 0 พันลบ.,+31%YoY(มี Extra Gain ราว +3.9 พันลบ.) หนุนด้วย EBITDA +27%YoY โดยเฉพาะในหน่วยธุรกิจ Hotel(+119%YoY) และ Retail(+22%YoY) ตามการฟื้นตัวหลัง Covid-19 ส่วนผลการดำเนินงานปกติ 1Q67 นี้ คาดยังได้แรงหนุนต่อเนื่องจากหน่วยธุรกิจ Hotel และ Retail หลังจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทย 1ม.ค.-24มี.ค.67 อยู่ที่ 8.73 ล้านคน, +44%YoY ทั้งนี้ทางบริษัทวางเป้าในส่วนของธุรกิจ Hotel ปี67จะมี occ. Rate ที่75%(เท่า PreCovid-19 ปี62/ ปี66 occ. Rate อยูที่ 64.6%) และ ADR ที่ 5,858 บาท,+3.5%YoY(+25%เทียบ PreCovid-19 ปี62)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI พ.ค. +$1.44 อยู่ที่ $85.15/บาร์เรล Brent พ.ค. +$1.50 อยู่ที่ $88.92/บาร์เรล หลังยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของ Gazprom ในรัสเซีย ขณะที่อิสราเอลโจมตีกงศุลอิหร่านในซีเรีย ส่งผลให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางมีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มขึ้น
Gold Update(+) Comex Gold มิ.ย. +$24.70 อยู่ที่ $2,281.80 /ออนซ์ ได้แรงหุนจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น โดยทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ
-140.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -43.10 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -111.25 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +13.87 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 36.64 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.356 %
(-) ดัชนี BDI -107 อยู่ที่ 1,714
(-) BitCoin เช้านี้ -5.95% อยู่ที่ 65,220 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ต่างประเทศ
01 เม.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (มี.ค.)
02 เม.ย. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTs (ก.พ.)
03 เม.ย. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (มี.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (มี.ค.)
US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(มี.ค.)
US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
04 เม.ย. CN วันหยุด-วันชาติ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
05 เม.ย. CN วันหยุด-วันชาติ
US อัตราการว่างงาน (มี.ค.)
US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (มี.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตัวรับความหวังเศรษฐกิจจีนเริ่มดีขึ้น ลุ้น Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1)กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, HMPRO*, ILM*, CPN*, CRC, MC*, KAMART*, CBG*, ICHI*, RBF*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัวจากฐานต่ำปี66 AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, SAPPE*, DELTA, KCE*, EPG*, NYT*, SJWD*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ เริ่มลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA, SUSCO*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio April 2024: GFPT*, TCAP*, GPSC*, ITEL*, ITC*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th