Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

149

 

แรงขับเคลื่อน เบาลง ... เบาลง ... เบาลง
ดูเหมือนว่าแรงขับเคลื่อน SET INDEX จะเบาลงในหลายมติ เริ่มจากมูลค่าการซื้อขายที่ลดลง โดยวานนี้หากหักรายการ BIG LOT ออกไป จะเหลือเพียง 3.61 หมื่นล้านบาท และหากมองย้อนหลังกลับไปนับตั้งแต่ 2Q66 จนถึงปัจจุบันระดับTURNOVER รายเดือนอยู่ต่ำกว่า 70% มาโดยตลอด(เว้น ส.ค.66) หากตัวเลขมูลค่าการซื้อขายยังไม่กลับมาเหนือ 5 หมื่นล้านบาท/วัน การขับเคลื่อน SETINDEX ให้ขึ้นไปเหนือ 1400 จุด คงเป็นเรื่องยาก ส่วนในมุมของปัจจัยพื้นฐาน ก็ยังขาดแรงกระตุ้นที่ชัดเจนเริ่มจากภาพใหญ่ของเศรษฐกิจ ก็ยังเห็นการปรับลดคาดการณ์GDP GROWTH โดยล่าสุดปรับลดตัวเลขปี 2567 เหลือ 2.6% YOYและยังต้องรอลุ้นว่า GDP งวด 1Q67 จะติดลบ QOQ หรือไม่ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจน่าจะมาในช่วง 2Q67 หลังการเบิกจ่ายงบประมาณ ส่วนกำไรบริษัทจดทะเบียนถูกปรับลด EPS ปี 2567 ลงมา โดยเราประเมินที่ 91.4 บาท/หุ้นแรงขับเคลื่อน SET INDEX เบาลงอย่างต่อเนื่อง และกว่าที่จะเห็นมาตรการต่างๆออกมากระตุ้นก็น่าจะเป็น 2Q67 ทำให้ในช่วงนี้การเคลื่อนไหจะอยู่ในกรอบแคบช่วง 1379 –1390 จุด หุ้น TOP PICK เลือก ADVANC, BGRIM และ MAJOR


จับตาการประชุม FED คืนนี้ตี 1
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนบวกราว 0.4% -0.8% หลัง BOND YIELD 2 ปีและ10 ปี ของสหรัฐฯ ย่อตัวลงแหลือ 4.68% และ4.29% ตามลำดับ โดยคืนนี้ช่วงตี 1(วันที่ 21 มี.ค. เวลา 1.00 น.) รอติดตามการประชุม FED ครั้งที่ 2/2567 ซึ่งน่าจะยังเห็นการคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.5% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 นอกจากนี้ FED จะมีการรายงานคาดการณ์ดอกเบี้ยเป็นครั้งของปีนี้ (DOT PLOT) ขณะที่การเปิดเผย DOTPLOT ล่าสุดในรอบเดือน ธ.ค.66 มีค่า MEDIAN ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ของปี 2567 อยู่ที่4.6% ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ FED 11 เสียง (หนึ่งในนั้นมีเสียง VOTE จากประธาน FED) คาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 75 BPS. หรือ 3 ครั้ง


สำหรับผลการประชุม BOJวานนี้ มีมติ 7 ต่อ 2ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับ -0.1% เป็น 0.0 - 0.1% รวมทั้งผ่อนคลาย YIELD CURVE CONTROLหรือยกเลิกนโยบายคุมเส้นอัตราผลตอบแทน หลังใช้ต่อเนื่อง 8 ปี และยุติการซื้อ ETFJRIETS แต่ยังเดินหน้าซื้อพันธบัตรระยะยาว 4.5 แสนล้านเยนต่อไปทั้งนี้ ดอกเบี้ยญี่ปุ่นที่ขยับสูงขึ้น บวกกับดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่จะปรับตัวลงในปีนี้ เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้เงินเยนจะค่อยๆ แข็งค่าขึ้นในระยะถัดไป และด้วยเงินเยนมีสัดส่วนในตะกร้าดอลลาร์ราว 14% ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 อาจกดดันให้ DOLLAR INDEX อ่อนค่าลงได้และน่าจะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้างตามลำดับ

 

สรุป คืนนี้ช่วงตี 1 รอติดตามการประชุม FED พร้อมกับรายงาน DOT PLOT และรายละเอียดการทำ QT ของ FED ทั้งนี้ หาก FED มีการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ 2-3ครั้ง เชื่อว่าจะเห็นบ้านเรามีการปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อยๆ 1 ครั้งราคาน้ำมันยังอยู่ทิศทางขาขึ้น เลือก PTTEP TOP เป็นตัวเลือกการลงทุน


ราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดอยู่ในกรอบ 82-84 เหรียญฯต่อบาร์เรล ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นหากเทียบกับช่วงครึ่งแรกของงวด 1Q67 ที่ปรับฐานลงไปอยู่ราว 75-77 เหรียญฯต่อบาร์เรล โดยได้รับปัจจัยหนุนหลักจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังอิสราเอลยืนยันจะไม่เข้าร่วมการเจรจาหยุดยิงช่วงคราวในระหว่างช่วงเทศกาลรอมฎอน รวมถึงรัสเซียประกาศพร้อมทำสงครามนิวเคลียร์ หากสหรัฐฯเริ่มส่งทหารเข้าไปในพื้นที่ของยูเครน ประกอบกับมีรายงานยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียหลายแห่ง นอกจากนี้ IEA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกปี 2567 ว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 103.2 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดือนก่อนหน้าที่คาดไว้ที่ระดับ 103.1 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นของราคาน้ำมันอาจจะถูกกดดันจากความกังวลด้านความต้องการใช้น้ำมันในประเทศจีนจะชะลอตัว หลังมีรายงานว่าจีนนำเข้าน้ำมันดิบในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.ลดลง 5.7% จากเดือน ธ.ค. มาอยู่เพียง 10.7 ล้านบาร์เรล


สำหรับในส่วนของทิศทางค่าการกลั่นพบว่าค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ล่าสุดอยู่ในกรอบราว 6-7 เหรียญฯต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากช่วงครึ่งแรกของงวด1Q67 ที่ขึ้นไปอยู่ในระดับ 9-10 เหรียญฯต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลจากช่วง HIGHSEASON ฤดูหนาวที่กำลังจะจบลง ทำให้ความต้องการใช้ปรับตัวลดลง แต่ค่าการกลั่นในช่วงปลายไตรมาส 1 ต่อเนื่องไตรมาส 2 คาดจะยังได้รับปัจจัยบวกหนุนไว้ไม่ให้ค่าการกลั่นลดลงมากนักจากการหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงของโรงกลั่นหลานแห่งตามฤดูกาลหลังเดินเครื่องเต็มที่ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะทำให้ SUPPLY บางส่วนหายไปจากตลาด ดังนั้นในส่วนของทิศทางค่าการกลั่น ยังให้น้ำหนักเป็นไปตามช่วงฤดูกาลสรุป ทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ยังเป็นขาขึ้น แม้ค่าการกลั่นอาจชะลอตัวบ้างในไตรมาส1 ชอบหุ้นกลุ่มโรงกลั่นที่รับผลประโยชน์โดยตรง อาทิ PTTEP TOP คาดจะสามารถOUTPERFORM SET ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ


ปัจจัยบวกไม่มี ปัจจัยลบผ่านมาแล้ว SET ไม่ขึ้น-ลง อย่างมีนัยฯ
วานนี้ SET INDEX ปิดลบ 3.48 จุด อยู่ที่ระดับ 1382.46 จุด และมีมูลค่าซื้อขายสูงถึง5.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นมูลค่าซื้อขายที่สูงเป็นอันดับ 6 ของปีนี้ และเป็นอันดับ 1ของเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักมาจากมูลค่า BIGLOT ของ AWC-F ที่สูงถึง1.79 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากนำมาหักออกจากมูลค่าซื้อขายของ SET จะทำให้มูลค่าซื้อขายที่แท้จริงอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

 

ซึ่งหากพิจารณาเป็นรายเดือน จะเห็นได้ว่าไตรมาส 1 ของปีนี้ เทียบกับไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว SET มีมูลค่าซื้อขายที่เบาบางลงอย่างชัดเจน โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.2-4.5หมื่นล้านบาท(คิดเป็นระดับ TURNOVER 61%-65%) ซึ่งช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมีมูลค่าซื้อขายที่ระดับ 5.8-6.8 หมื่นล้านบาท(คิดเป็นระดับ TURNOVER 72%-81%)ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มูลค่าซื้อขายเบาบาง คาดว่าจะเป็น


• ในช่วงนี้ยังไม่มีปัจจัยหนุนเข้ามาเสริมให้ SET คึกคัก ทั้งในมุมของนโยบายการเงิน ที่ยังมีความเสี่ยงที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิมจนถึงช่วงกลางปีนี้และนโยบายการคลัง ที่ยังไม่มีแรงเบิกจ่าย ต้องรอจนกว่างบประมาณปี 67 จะมีผลบังคับใช้ จึงทำให้ FLOW ต่างชาติยังคงไหลออกจากหุ้นไทยเรื่อยมา
• การปรับประมาณการลงของ GDP และ EPS โดย GDP GROWTH ปีนี้หลายสำนักเศรษฐกิจปรับประมาณการ GDP ลงเป็นต่ำกว่า 3% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าระดับ GDP ของเพื่อนบ้านเรา(อาเซียน) ขณะที่ EPS67F ก็มีการทยอยปรับประมาณการลง หลังงบ 4Q66 ออกมาต่ำกว่าคาด โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ
91.40 บาท/หุ้น

ประเด็นดังกล่าว จึงทำให้ SET INDEX ผันผวนในกรอบแคบ และเกิดการ SECTORROTATION ได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการหนุนหุ้นกลุ่มขนาดกลาง-เล็กกลับมาOUTPERFORM อาทิ กลุ่ม STEEL(SAM BSBM TSTH PERM INOX) AGRI(NERSTA TRUBB) CONS(CNT PLE CIVIL TEAMG UNIQ) เป็นต้น

สรุป ปัจจัยบวกไม่มี ปัจจัยลบที่ผ่านมาแล้ว ทำให้ SET INDEX ไม่ขึ้น-ลง อย่างมีนัยฯโดยประเมินกรอบวันนี้ที่ระดับ 1379 –1390 จุด ขณะที่ FLOW ต่างชาติยังไม่มีทีท่าว่าจะไหลกลับเข้ามา จึงทำให้หุ้นกลุ่มขนาดกลาง-เล็ก OUTPERFORM อาทิ กลุ่มSTEEL(SAM BSBM TSTH PERM INOX) AGRI(NER STA TRUBB) CONS(CNTPLE CIVIL TEAMG UNIQ) เป็นต้นส่วน TOP PICKS วันนี้เลือก MAJOR, ADVANC และ BGRIM

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไม่ไกล By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง สอดส่อง SET วันศุกร์ ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่สัญญาณขายของนักลงทุน...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้