News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

20 มี.ค. 2567 09:02:41 279

Market Wrap-Up

SET วันที่ 19 มี.ค.67 ปิด -3.48 จุด อยู่ที่ 1,382.46 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,059 ลบ.ต่างชาติขาย 18,801 ลบ.สถาบันซื้อ 817 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 46 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 1,152 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้น PTTEP,PTTGC,TOP,BJC,CPN และมียอดขายสุทธิ ADVANC,BH,KTB,BTS,SCB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 4,190 ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ JAPAN13,LH-R,QH-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 100 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 2,955 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 4,111 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.83%, S&P500 +0.56%, Nasdaq +0.39% ได้แรงหนุนจาก Nvidia +1% หลังเปิดตัวชิปใหม่ และกลุ่มพลังงาน +1.1% ตามราคาน้ำมันดิบ ขณะที่กลุ่มบริการสื่อสาร -0.2% และแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทฯ ปรับลดลงตาม Bitcoin ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.26% ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +1.4%, ธนาคาร +1.1% นำโดยคอมเมิร์ซแบงก์ของเยอรมัน ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี -0.4%
Market View
ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากการเปิดตัวชิป Ai รุ่นใหม่ของ Nvidia Blackwell B200 ซึ่งประมวลผลได้เร็วกว่าเดิม 30 เท่า สามารถให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งได้ดี โดยได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าหลัก เช่น Amazon, Google และ OpenAI ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ตัวเลขเริ่มสร้างบ้าน ก.พ. +10.7% MoM และการขออนุญาตก่อสร้างบ้าน +1.9% MoM ซึ่งดีกว่าคาด ค่ำวันนี้ติดตามผลการประชุมเฟด โดย CME Fed Watch ชี้โอกาส 55.6% ที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยใน มิ.ย. รวมถึง Fed Dot Plot ว่าจะเปลี่ยนคาดการณ์ดอกเบี้ยสหรัฐปลายปีนี้จะปรับลดลงสู่ระดับ 4.625% หรือไม่
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน, ธนาคาร หลัง Zew เผยความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมัน มี.ค. ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 33.5 & ก.พ. ที่ 25.0 โดยได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ ECB จะเริ่มลดดอกเบี้ยใน มิ.ย. รวมถึงภาวะเศรษฐกิจจีนที่เริ่มปรับดีขึ้น
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ได้แรงหนุนจากดัชนีนิเกอิ +0.66% หลัง BOJ มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยอยู่ที่ 0 – 0.1% เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี และยกเลิก ม.Yield Curve Control และการซื้อ ETF, REIT หลัง BOJ เชื่อว่าสามารถบรรลุเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 2% และการจ้างงานมีเสถียรภาพ แต่ BOJ ยังส่งสัญญาณผ่อนคลายการเงินต่อไป ส่งผลให้นักลงทุนเชื่อว่า BOJ จะไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อ ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าอยู่ที่ 151.18 /USD. เป็นบวกต่อกลุ่มส่งออก วันนี้ติดตาม ธ.กลางจีนพิจารณาดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี คาดจะคงไว้ที่ 3.45%, 3.95%
SET วานนี้ -0.25% ปริมาณการซื้อขาย 4 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 1.88 หมื่น ลบ. รายย่อยซื้อ 1.79 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 817 ลบ. โดยมีรายการ Big Lot ของ AWC มูลค่า 1.79 หมื่น ลบ. ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ AWC ขณะที่กลุ่มปรับลดลง คือ อิเล็กฯ -2.04% ก่อนทราบผลประชุมเฟดในช่วงค่ำวันนี้ และกลุ่มขนส่ง -1.05% หลัง ททท.เผยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 6.45 แสน คน -7.6% WoW เป็นผลจากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย –37% ในช่วงเทศกาลศีลอด ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 67 วาระ 2 – 3 และความคืบหน้า ม.Digital Wallet

Daily Strategy

ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,375 – 1,380 แนวต้าน 1,390 – 1,395 ระหว่างรอผลการประชุม FED ว่าจะยืนยันการเริ่มลดดอกเบี้ยใน มิ.ย. หรือไม่ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT,CRC / กลุ่มอาหาร CPF,GFPT /เก็งกำไรโรงกลั่น BSRC
GULF* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 56.75 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q66 ที่ 8 พันล้านบาท +42%QoQ จากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่กำไรปกติทรงตัว QoQ เนื่องจากรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า IPP ที่เพิ่ง COD ชดเชยยอดขายไฟฟ้าให้ภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรของ INTUCH เข้ามาช่วย รวมทั้งปี 66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.48 หมื่นล้านบาท +30%YoY ส่วนแนวโน้ม 1Q67 คาดกำไรปกติปรับขึ้นตามปริมาณการขายไฟฟ้าหลังผ่าน low season ของการเรียกรับซื้อไฟฟ้ากลุ่ม IPP อีกทั้งจะมีการ COD โรงไฟฟ้า GULF PD Unit ที่เหลือเพิ่มช่วงปลายไตรมาส ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67 ที่ 1.89 ล้านบาท +28%YoY เป็นผลจากการรับรู้โครงการที่เริ่ม COD จากปี 66 เข้ามาเต็มปี และเริ่มทยอยรับรู้โครงการที่จะ COD ในปี 67 เข้ามาราว 1,600 MWe นอกจากนี้คาดมาร์จิ้นของโรงไฟฟ้า SPP จะฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับจากต้นทุนก๊าซที่ลดลง YoY
ADVANC (ซื้อสะสม / ราคาเป้าหมายปี67 257.00 บาท) กำไรสุทธิงวด 4Q66 อยู่ที่ 7,003 ลบ., -14%QoQ, -5%YoY หดตัวจาก YoY การตั้งสำรองด้อยค่า แต่หากดูเฉพาะฝั้งรายได้จะ +YoY +QoQ ได้ดี หนุนด้วย ARPU ที่สูงขึ้น สำหรับแนวโน้มภาพระยะสั้น เราประเมินผลประกอบการ 1Q67 ทรงตัวจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากTTTB/JASIF อย่างไรก็ตาม ภาพระยะกลาง-ยาว ยังมีปัจจัยบวกจาก 1.รายได้ฝั่งธุรกิจ Fixed Broadband ที่ยังมีโมเมนตัมที่ดีและฐานลูกค้าที่เพิ่มมาจากTTTBBBlended ARPU ที่สูงขึ้นจาก User ที่ migrate package มาเป็น 5G 3.การแข่งขันที่ลดลงในอุตฯหลังผ่านช่วงควบรวม คาดจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายการตลาดลดลงอย่างมีนัยยะ

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI เม.ย. +$0.75 อยู่ที่ $83.47/บาร์เรล Brent พ.ค. +$0.49 อยู่ที่ $87.38/บาร์เรล หลังโรงกลั่นน้ำมันรัสเซียอย่างน้อย 7 แห่งถูกโดรนของยูเครนโจมตีในช่วงเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้กำลังการผลิตของรัสเซียลดลง 370,500 บาร์เรล/วัน หรือคิดเป็น 7% ของกำลังการกลั่นทั้งหมด ขณะที่ API เผยสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 1.5 ล.บาร์เรล

Gold Update(-) Comex Gold เม.ย.-$4.60 อยู่ที่ $2,159.70 /ออนซ์ ทรงตัวรอผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวันนี้ ขณะที่ Dollar Index +0.24% อยู่ที่ 103.839

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ
-468.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -521.06 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +48.41 ล.ดอลลาร์ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +4.37 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 36.05 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.293 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -27 จุด อยู่ที่ 2,392

(-) BitCoin เช้านี้ -5.46% อยู่ที่ 62,241 ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ธ.กลางจีนคง LPR 1 ปี ที่ 3.45% และ 5 ปี ที่ 3.95%

Economic Calendar

ในประเทศ

13 มี.ค. ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

29 มี.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

18 มี.ค. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI (ก.พ.)

20 มี.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

21 มี.ค. US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC

US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (มี.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (มี.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตัวรับความหวังเศรษฐกิจจีนเริ่มดีขึ้น ลุ้น Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1)กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, HMPRO*, ILM*, CPN*, CRC, MC*, KAMART*, CBG*, ICHI*, RBF*

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัวจากฐานต่ำปี66 AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, SAPPE*, DELTA, KCE*, EPG*, NYT*, SJWD*

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ เริ่มลดลง BGRIM*, GPSC*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA, SUSCO*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio March 2024: GFPT*, BDMS, BSRC*, CPALL, AAV*

Analysts

Apichai Raomanachai