AT THE OPEN (#ATO)
SET Index กลุ่มพลังงานช่วงประคอง
กลยุทธ์เลือกหุ้นกลุ่ม Value Play

Market Strategy
SET Index วันนี้แกว่งตามกรอบ 1380-1390 จุด คาดมีแรงหนุนจากกลุ่มพลังงานได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นกว่า 2% โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) ยูเครนใช้โดรนโจมดีโรงกลั่นน้ำมันในรัสเซีย 2 แห่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำดีเซลของรัสเซียและหนุนค่าการกลั่น 2) การเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลฮามาสที่ยังไม่ได้ข้อสรุปและ 3) การรายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่น้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินสหรัฐฯที่ต่ำกว่าคาด จะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น (PTTEP BCP TOP และ SPRC) วันนี้

ฝั่งสหรัฐฯ วานนี้ตลาดหุ้นแกว่งผสมผสานจากนักลงทุนให้น้ำหนักไปที่การรายงานชุดตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญช่วงท้ายก่อนการประชุม FED ในสัปดาห์หน้า ซึ่งวันนี้มีการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ก.พ. คาด 0.3%MoM,ยอดค้าปลีก ก.พ.คาด 0.8%mom, Initial Jobless Claim คาดเพิ่ม 2.18 แสนตำแหน่ง
สัปดาห์ที่นี้เห็นสัญญาณบวกจากหุ้นในกลุ่ม Value ที่เริ่มกลับมา Outperform หุ้น Growth สะท้อนได้จาก Dow Jones ที่ปรับขึ้น +0.8%WTD มากกว่า NASDAQ ที่ปรับขึ้น 0.6%WTD , ฝั่งตลาดเอเซียเหนือ ตลาดหุ้นจีนปรับขึ้น 0.8% มากกว่าเกาหลีใต้ปรับขึ้น 0.5% การเคลื่อนไหวข้างต้นมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นบ้านเราที่โครงสร้างหลักเป็นกลุ่มหุ้น Value กลยุทธ์ Selective Buy เลือกหุ้น Value Play

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 4.88 จุด หนุนหลักมาจากหุ้นกลุ่มปิโตรฯที่ปรับขึ้น 4% IVL +3.35% กลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่ปรับขึ้น +3.45% บนความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และกลุ่มโรงกลั่น BCP +4.2% SPRC +3.55% TOP +3.13% ตามค่าการกลั่นที่ฟื้นตัว ขณะที่กลุ่มที่ปรับลงมาจากแรงขายทำกำไรของกลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC -1.8% GULF -1.1% และ BGRIM -1.74%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CPALL PTTEP

PTTEP เคลื่อนไปตามน้ำมัน
ราคาหุ้นจะได้แรงขับเคลื่อนจากราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ปรับขึ้นกว่า 2% หนุนจากการรายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับลงต่ำกว่าตลาดคาดและความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่กลับมาอุ่นขึ้นจากยูเครนที่โจมตีโรงกลั่นน้ำมันในรัสเซีย ด้านตะวันออกกลางความคาดหวังต่อการเจรจาหยุดยิงของอิสราเอลและฮามาสยังไม่ได้ข้อสรุป
ปัจจัยพื้นฐานเราคาดว่า PTTEP จะมีการผลิตที่เติบโตแข็งแกร่งที่ 11.5% CAGR ในปี 66-67 ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของการผลิตน้ำมันและก๊าซ ทั่วโลก โดยมีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตจากสัญญาที่ต่ออายุในอ่าวไทย โดยเฉพาะแหล่งก๊าซเอราวัณ หุ้นเทรดอยู่ที่ PER ปี 67E ที่ 7.7 เท่า (เทียบกับค่าเฉลี่ย 10.3 เท่า)
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 147.50

CPALL กำไรโตดี แถม Valuation น่าสนใจ
ผลประกอบการ 1Q67 เดินหน้าเติบโตดีโดยมีสัญญาณบวกจาก SSSG 1Q67TD อยู่ที่ 3.5% (ซึ่งถือว่าเด่นสุดในกลุ่มค้าปลีก) หนุนจากภาคการท่องเที่ยว การฟื้นตัวของภาคการบริโภคในประเทศและประโยชน์จากมาตรการ Easy E-Receipt
ขณะที่ 2Q67 เชื่อว่า Momentum ยังดีต่อจากการเข้าสู่ฤดูร้อนทำให้การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นหนุน GPM ด้านภาคการท่องเที่ยวเชื่อว่าจะได้ Sentiment บวกจากเทศกาลมหาสงกรานต์ ทำให้กำไรทั้งปี 2567 เราคาดเติบโตสูง 19%YoY สูงสุดในกลุ่มค้าปลีกที่เราศึกษา ขณะที่ Valuation ไม่แพงเพราะซื้อขายที่ 25.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังเกือบ 2 S.D.
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 75.00 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นไทยที่ได้แรงหนุนจาก sentiment บวกต่างประเทศ ผสานกับกระแสเงินลงทุนต่างชาติที่กลับมาซื้อเอเชีย น่าจะมีโอกาสสร้างฐานและยืนในรอบทรงตัว-ฟื้นตัว เพื่อรอปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า ทั้งการหารือ พ.ร.บ. งบประมาณฯ และ การประชุม FOMC มี.ค.

ในขณะที่ปัจจัยอื่นๆ แม้ว่าวันนี้จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯเดือน ก.พ. 1) ยอดค้าปลีก (Consensus คาดเพิ่มขึ้น +0.8% MoM จาก -0.8% ในเดือนก่อน) 2) ดัชนี PPI ซึ่งสะท้อนต้นทุนของภาคธุรกิจ (Consensus คาด +0.3% MoM เท่ากับเดือนก่อน) และ 3) Core PPI (Consensus คาดชะลอลงเหลือ +0.2% MoM จาก +0.5% ในเดือนก่อน) แต่ประเมินว่าน่าจะไม่กระทบต่อ sentiment ตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากมีการปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตามชุดข้อมูล (เช่น CPI, การส่งสัญญาณประธาน Fed เป็นต้น) ที่มีผลต่อการตัดสินใจมากกว่าไปแล้วก่อนหน้านี้

Eyes on
14 มี.ค. ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ, PPI สหรัฐฯ
15 มี.ค. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ, MLF จีน, ดัชนีราคาบ้านจีน

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ