News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

12 มี.ค. 2567 08:48:34 294

Market Wrap-Up

SET วันที่ 11 มี.ค.67 ปิด -6.19 จุด อยู่ที่ 1,380.23 จุด มูลค่าการซื้อขาย 33,443 ลบ.ต่างชาติขาย 2,342 ลบ.สถาบันซื้อ 149 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 332 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 1,157 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้น BGRIM,CPN,BDMS,CPF,CPALL และมียอดขายสุทธิ BBL,PTT,PTTEP,AOT,DELTA มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 4,458 ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ MBK-R,LPN,GLOBAL โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 3,887 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 43,287 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 109 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +12%, S&P500 -0.11%, Nasdaq -0.41% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี & ผู้ผลิตชิป เช่น AMD, Broadcom และ Nvidia -2% ถูกฟ้องข้อหานำผลงานลิขสิทธิ์งานเขียนมาใช้ฝึก Gen Ai ชื่อ NeMo โดยไม่รับอนุญาต ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.35% โดยกลุ่มเทคโนโลยี -2% จากแรงขายผู้ผลิตเนเธอร์แลนด์ เช่น ASLM, BE Semicon. เช่นเดียวกับกลุ่มเหมืองแร่ -0.4%
Market View
ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มผู้ผลิตชิป เช่น Nvidia -2% หลังถูกฟ้องข้อหานำข้อมูลลิขสิทธ์ของนักเขียนมาฝึก Gen Ai โดยไม่ได้รับอนุญาต กอปรกับเป็นการขายปรับพอร์ตลดความเสี่ยง ก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า 19 – 20 มี.ค. ขณะที่ค่ำวันนี้ติดตาม US CPI ก.พ. คาดทรงตัว 3.1% YoY และ Core CPI ก.พ. คาด 3.7% & ม.ค. 3.9% YoY โดย CME Fed Watch คาดมีโอกาส 59.4% จะลดดอกเบี้ยในการประชุม มิ.ย.
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี หลัง German Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 2.299% ขณะที่วันพุธนี้ติดตามข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน ม.ค. คาด -2.8% & ธ.ค. 1.2% YoY ซึ่งหากมีสัญญาณชะลอตัว ก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้ ECB มีโอกาสพิจารณาเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุม มิ.ย.
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับลดลง ระหว่างรอประเมินข้อมูล US CPI, PPI ก.พ. ก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า ขณะที่ดัชนีนิเกอิวานนี้ -2.19% หลังรายงาน GDP ญี่ปุ่น Q4/66 +0.1% & Q3/66 หดตัว -0.7% QoQ สามารถเลี่ยงภาวะถดถอยได้ แต่ส่งผลให้การประชุม BOJ วันที่ 18 – 19 มี.ค. มีโอกาสยุติ ม.ดอบเบี้ยติดลบ ซึ่งเป็น ม.หนุนหุ้นญี่ปุ่นในปีที่ผ่านมา
ดัชนี SET วานนี้ -0.45% WoW ปริมาณการซื้อขาย 3.3 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 2.3 พัน ลบ. รายย่อยซื้อ 1.86 พัน ลบ. สถาบันซื้อ 149 ลบ. จากแรงขายกลุ่มอิเล็ก ฯ -1.89% และกลุ่มค้าปลีก, ท่องเที่ยว, ขนส่ง ที่ปรับขึ้นดีกว่าตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ถูกแรงขายทำกำไร ขณะที่กลุ่มธนาคาร -0.94% หลังแนวโน้ม NIM ในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสลดลดง หาก ธ.กลางหลัก ๆ เริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงกลางปีนี้ โดยภาพรวมนักลงทุนชะลอการลงทุน ระหว่างรอตัวเลข US CPI ก.พ. ในช่วงค่ำวันนี้ก่อนการประชุมเฟดสัปดาห์หน้า 19 – 20 มี.ค.

Daily Strategy

ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,365 – 1,370 แนวต้าน 1,390 – 1,395 รอประเมิน US CPI และประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก & ท่องเที่ยว CPALL,CPAXT,BJC,AOT,AAV,MINT / JMT,KTC,GULF,GPSC,BGRIM ได้ประโยชย์จาก US Bond Yield ปรับลดลง/ เครื่องดื่ม PLUS, TACC / เก็งกำไรทางเทคนิค XPG,BROOK
GPSC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 59.50 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 1Q67 คาดกำไรฟื้นตัว QoQ เป็นผลจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย.67 ขึ้นมาที่ 18 บาท/หน่วย ประกอบกับต้นทุนเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดต่ำลงตามฤดูกาล ช่วยหนุนอัตรากำไรดีขึ้น ส่วนในปี 67 คาดค่าไฟฟ้ามีโอกาสขยับขึ้นหรือทรงตัวจากงวดปัจจุบัน อีกทั้งได้ผลบวกจากต้นทุนพลังงานที่ลดลง นอกจากนี้จะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ และ sentiment บวกจาก Bond Yield ที่ปรับลดลง ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 5 พันล้านบาท +35%YoY
GFPT* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 13.90 บาท) กำไรสุทธิ 4Q66 อยู่ที่ 410 ลบ. +29%QoQ -9%YoY โดยการดำเนินงานหลัก YoY(ทั้งราคาไก่ลง ตัวเลขส่งออกลง) ยังหดตัว เเต่ภาพ QoQ เเม้ 4Q66 ราคาไก่ไทยจะปรับตัวลดลง แต่มีปัจจัยบวกจากตัวเลขส่งออกที่สูงขึ้นทั้งตัวรายได้ไก่ดิบ และส่วนแบ่งกำไร จาก ไก่ปรุงสุกของ McKey ส่วนแนวโน้ม 1Q67 เบื้องต้นคาดยังมีแรงหนุนจากการส่งออกที่จะดีขึ้นโดยเฉพาะการส่งออกไปยุโรปจากกความขัดแย้งในทะเลแดง ทั้งนี้ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ GFPT* จะอยู่ที่ระดับ 1,506 ลบ.(+9.41%YoY) และ 1,661 ลบ.(+10.32%YoY) ตามลำดับ

Daily Key Factors

Oil Update(0) WTI เม.ย. -$0.08 อยู่ที่ $77.93/บาร์เรล Brent พ.ค. +$0.13 อยู่ที่ $82.21/บาร์เรล กังวลอุปสงค์นำเข้าน้ำมันจากจีนในช่วง 2 เดือนแรก ชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดี่ยวกันปีก่อน

Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.+$3.10 อยู่ที่ $2,188.60 /ออนซ์ ทรงตัวรอตัวเลข US CPI , PPI ก.พ. เพื่อประเมินโอกาสลดดอกเบี้ยของเฟด

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ
-71.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -66.15 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -5.01 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 35.436 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.103 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +32 จุด อยู่ที่ 2,377

(+) BitCoin เช้านี้ +5.56% อยู่ที่ 72,175 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

11 มี.ค. ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

ต่างประเทศ

12 มี.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI (ก.พ.)

13 มี.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

14 มี.ค. US ดัชนียอดขายปลีกพื้นฐาน (Core Retail Sales) (ก.พ.)

US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (ก.พ.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตัวรับความหวังเศรษฐกิจจีนเริ่มดีขึ้น ลุ้น Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1)กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, HMPRO*, ILM*, CPN*, CRC, MC*, KAMART*, CBG*, ICHI*, RBF*

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัวจากฐานต่ำปี66 AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, SAPPE*, DELTA, KCE*, EPG*, NYT*, SJWD*

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ เริ่มลดลง BGRIM*, GPSC*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA, SUSCO*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio March 2024: GFPT*, BDMS, BSRC*, CPALL, AAV*

Analysts

Apichai Raomanachai