Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

364



ต่างชาติซื้อหุ้นไทยหนัก มูลค่าซื้อขายหนาแน่นขึ้น
จากรายงาน Fed Minutes เจ้าหน้าที่ Fed ส่วนใหญ่ส่งสัญญาณความเสี่ยงกรณีลดดอกเบี้ยเร็วเกินไป ถือเป็นแรงกดดันในตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงนี้ แต่ส่วนใหญ่กำไรบริษัทจดทะเบียนยังแข็งแกร่ง เช่น NVIDIA ก าไรออกมาดีกว่าคาด ก็ยังเป็นตัวช่วยพยุงดัชนี นอกจากนี้เริ่มเห็นเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาในฝั่งของตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน +8%MTD ซึ่งนักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น หลังจากจีนกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงิน พร้อมกับเร่งสร้างเสถียรภาพให้ตลาดหุ้นส่วนตลาดหุ้นไทย วานนี้ปรับตัวขึ้นได้ดี 0.9%พร้อมกับ Fund Flow ต่างชาติไหลเข้า 6.3 พันล้านบาท (สูงสุดในรอบ 14 เดือน) หนุนมูลค่าซื้อขายขยับขึ้นมาอยู่ที่6.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ เคยทำการศึกษาว่า SET Index จะถูกผลักดันได้ดีต้องมีมูลค่าซื้อขายสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาท/วันทำให้เชื่อว่าน่าจะยังมี Momentum ในการไหลเข้าต่อ ในหลากหลายกลุ่มแนะนำหุ้นอิงเศรษฐกิจจีน IVL, PTTGC, AMATA หุ้นปันผล AP, TISCO หุ้นส่งออก(คาดเดือน ม.ค. โต 7.7YoY) ITC, CPF, STA, KCE หุ้นอิงท่องเที่ยว AOT,BDMS หุ้น EV เทรนด์EA, GPSC หุ้นคาดหวังดอกเบี้ยขาลง MTC, TIDLORวันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหว 1380 –1400 จุด Toppick IVL, PTTGC, EA

 

ตลาดมอง Fed อาจ “คง” ดอกเบี้ยนานขึ้น
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังดูทรงๆ ปิดตัวราว -0.5% ถึง +0.1% บนความคาดหวังการประกาศงบฯ บริษัทจดทะเบียนจะออกมาดีกว่าคาด ขณะที่ความไม่ชัดเจนในเรื่องทิศทางดอกเบี้ยยังเป็นปัจจัยที่อาจเข้ามาบั่นทอนสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงนี้ได้สำหรับการเผยแพร่รายงาน FOMC Meeting Minutes ในการประชุม Fed เมื่อช่วงปลายเดือน ม.ค. 67 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ Fed เห็นพ้องกันว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะอยู่จุดสูงสุดแล้ว แต่กรอบเวลาการปรับลดดอกเบี้ยยังไม่ชัดเจน จนกว่าจะเห็นเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน (เงินเฟ้อเดือน ม.ค. +3.1%YoY)เนื่องจากส่วนใหญ่ยังคงกังวลความเสี่ยงกรณีลดดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจทำให้ตลาดการเงินมีมุมมองว่า Fed อาจ “คงดอกเบี้ยนานขึ้น” สะท้อนจาก BondYied 10 ปีของสหรัฐฯ ที่ดีดตัวขึ้นมาราว 10.3%mtd สู่ระดับ 4.3% นอกจากนี้FedWatch Tool ยังเพิ่มโอกาสที่ Fed จะคงดอกเบี้ยใน พ.ค. 67 สูงถึง 70% (วานนี้อยู่ที่65.7%) ขณะเดียวกันยังให้น้ำหนักในการคงดอกเบี้ยในเดือน พ.ย. เพิ่มขึนเป็น 30%


ขณะที่บ้านเรา ผู้ว่า ธปท. มองว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่วิกฤติพร้อมกับชี้ว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินไม่ได้ทำให้การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว และการส่งออกดีขึ้นบวกกับเป็นห่วงว่าการปรับลดดอกเบี้ย จะยิ่งกระตุ้นให้สร้างหนี้สินเพิ่ม อย่างไรก็ตามตลาดการเงินมีมุมมองแตกกต่างออกไป โดยคาดหวังว่าจะเห็นการลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า สะท้อนจาก Bond Yied10 ปีของไทย ที่มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ (สวนทางกับสหรัฐ) ล่าสุดร่วงลงมาอยู่ที่2.54% ซึ่งใกล้ระดับ Policy Rate มากขี้น

 

สรุป “Bond Yield 10 ปี” สหรัฐฯ ดีดตัว สวนทางกับบ้านเราที่มีแนวโน้มลดลง ก าลังสะท้อนมุมมองของตลาดการเงินว่า Fed อาจคงดอกเบี้ยนานขึ้น ขณะที่บ้านเราคาดหวัง กนง. ปรับลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า ซึ่งการประชุม กนง. ในวันที่ 10 เม.ย.67 นี้ ต้องรอติดตามอย่างใกล้ชิด

หุ้นจีน และไทย ทำไมถึงเริ่มน่าสนใจ นับจากนี้
การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ทั้งธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25%, มณฑลไห่หนาน ปรับลดดอกเบี้ยบ้านหลังแรกลงจาก 25%สู่ระดับ 20% และ ก.ล.ต. จีน(CSRC) เตรียมดำเนินนโยบายสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้น หลังเปิด Hearing รับฟังความเห็นในช่วงที่ผ่านมาทำให้ตลาดหุ้นจีนกลับมาเป็นจุดสนใจของนักลงทุนอีกครั้งหนึ่ง สังเกตได้จาก FUND FLOW ไหลเข้าบาง ETF จีน ช่วงนี้มากสุดเป็นประวัติการณ์ราว 3.5 พันล้านหยวน โดยวานนี้ตลาดหุ้นจีน ทั้ง CSI300 +1.35% Hong kong +1.57% China A50 +2.16% เป็นต้น

 

ซึ่งหากพิจารณาผลตอบแทนหุ้นทั่วโลก MTD จะเห็นได้ว่า หุ้นจีน Outperform ตลาดหุ้นอื่นๆ ขณะที่ตลาดหุ้นในแถบเอเชีย อาทิ taiwan indonesia thai ก็ได้รับ Sentimentเชิงบวกจากจีน และสามารถ Outperform ตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป ได้


ขณะที่หากพิจารณาในมุมของประเทศไทย ที่ SET Index วานนี้ปิดบวก 12.54 จุดหรือ 0.91% ซึ่งแรงหนุนหลักมาจาก Fund flow ต่างชาติที่ซื้อสุทธิสูงถึง 6.3 พันล้านบาท (สูงสุดในรอบ 14 เดือน) ซึ่งระยะถัดไปมีโอกาสที่ Fund flow จะทยอยไหลเข้าเพิ่มเติม จากมาตรการพยุงเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ได้ผลรับที่มีประสิทธิภาพคาดทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้นตามล าดับ และหนุนให้จ านวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากขึ้น บวกกับการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐฯที่จะเกิดในช่วง 2Q67 คาดทำให้ GDP Growth ปีนี้แตะระดับ 2.5% -3.0% ได้ไม่ยากนัก

สรุป เริ่มเห็นมาตรการพยุงเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนมากขึ้น คาดหนุนให้เศรษฐกิจ และตลาดหุ้นจีนกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ประเทศไทยคาดได้ประโยชน์จากสัดส่วนการค้าขายกับจีนป็นอันดับ 1 และจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะมากขึ้นตามล าดับบวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯเอง จะหนุนให้ GDP GROWTH ปีนี้แตะระดับ 2.5% - 3.0% ได้ไม่ยากนัก ดังนั้น SET Index ระดับปัจจุบัน ถือเป็นจุดที่น่าสะสม และมอง Downside ระดับปัจจุบันจำกัดมากแล้ว โดยวันนี้มองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 1382-1400 จุด แนะนำ หุ้นอิงเศรษฐกิจจีน IVL, PTTGC, AMATAหุ้นปันผล AP, TISCO หุ้นส่งออก (คาดเดือน ม.ค. โต 7.7YoY) ITC, CPF, STA,KCE หุ้นอิงท่องเที่ยว AOT, BDMS หุ้น EV เทรนด์ EA, GPSC หุ้นคาดหวังดอกเบี้ยขาลง MTC, TIDLOR โดย Toppick เลือก IVL, PTTGC, EA

 


บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

GUNKUL คว้า CG ดีเลิศ 5 ดาว 8 ปีซ้อน

GUNKUL คว้า CG ดีเลิศ 5 ดาว 8 ปีซ้อน

หน้าเดิม By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ พบแรงซื้อ แรงดัน เข้ามาในหุ้นบิ๊กแคปหน้าเดิม ตัวเล่นเดิม ไมว่าจะเป็น DELTA ADVANC PTTEP ....

มัลติมีเดีย

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้