News Feed

(แก้ไข) บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

22 ก.พ. 2567 09:44:23 305

ขอแก้ไข ราคาเป้าหมายของหุ้น SAT ปรับจาก 20.20 เป็น 19.70 บาท

Market Wrap-Up

SET วันที่ 21 ก.พ.67 ปิด +12.54 จุด อยู่ที่ 1,393.61 จุด มูลค่าการซื้อขาย 64,865 ลบ.ต่างชาติซื้อ 6,312 ลบ.สถาบันขาย 840 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 262 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 6,250 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้น SCB,TOP,KBANK,CPN,SCC และมียอดขายสุทธิ ADVANC,TU,CPALL,SPRC,INTUCH มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 6,566 ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ INTUCH-R,LPN,AOT-R โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 24,976 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 30,341 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 3,694 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.13%,S&P500 +0.13%,Nasdaq -0.32% โดยกลุ่มพลังงาน +1.86%, สาธารณูปโภค +1.63% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี -0.76% หลัง Nvidia -2.8% ก่อนรายงานงบ Q4/66 ในช่วงปิดตลาด ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.17% จากแรงขายกลุ่มธนาคาร -1.1% หลัง HSBC -8.4% จากผลขาดทุน $3 พัน ล. ในการลงทุนธนาคารจีน
Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี หลัง Fed Minutes ม.ค. เผยคณะกรรมการส่วนใหญ่เห็นยังไม่ควรลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อลดลงอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ตลาดคาดโอกาสที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยน่าจะอยู่ในเดือน มิ.ย. ขณะที่ Nvidia +6% หลังปิดตลาดจากรายงานกำไร Q4/66 EPS อยู่ที่ $5.16 สูงกว่าคาดที่ $4.64 จากยอดขายชิปในส่วน Data Center +409% YoY กอปรกับคาดยอดขายใน Q1/67 ยังเติบโตต่อเนื่อง ค่ำวันนี้ติดตามผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์คาด 218,000 ราย และPMI ภาคผลิตสหรัฐ ก.พ. คาด 50.1 & ม.ค. 50.7, ภาคบริการ ก.พ. คาด 52.0 & ม.ค. 52.5
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มธนาคาร, บริการสุขภาพ และเหมืองแร่ หลังเศรษฐกิจเยอรมัน & อังกฤษมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยค่ำวันนี้ติดตาม PMI ภาคการผลิต & บริการยูโรโซน ก.พ. คาด 48.5 & ม.ค. 47.9 และวันศุกร์ GDP เยอรมัน Q4/66 คาด -0.3% & Q3/66 -0.1% QoQ
ตลาดหุ้นฝั่งเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ & ฮั่งเส็งปรับขึ้น หลัง ธ.กลางจีนประกาศลดดอกเบี้ย LPR 5 ปี ลง 0.25% อยู่ที่ 95% ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหา ฯ, เทคโนโลยี และบริการสุขภาพ ขณะที่ดัชนีนิเกอิปรับลดลง ระหว่างรอ Fed Minutes และรายงานกำไรของ Nvidia
ดัชนี SET วานนี้ +0.91% ปริมาณการซื้อขาย 64,865 ลบ. ต่างชาติซื้อ 6.3 พัน ลบ. รายย่อยขาย 5.7 พัน ลบ. สถาบันขาย 840 ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร +2.2% หลัง SCB ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง 66 ที่ 7.84 บาท รวมกับครึ่งปีแรก 2.50 บาท เป็น 10.34 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 3% สูงกว่าคาดที่ 7.5% กอปรราคาหุ้นยังต่ำกว่า FV@122 บาท ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร หรือปิดสถานะ Short ซึ่งส่งผลบวกไปยัง KBANK, BBL, KTB ที่กำลังรอประกาศจ่ายเงินปันผลด้วย ขณะที่กลุ่มไฟแนนท์ +2.5% หลัง MTC รายงานกำไร Q4 ดีกว่าคาด และ NPL มีแนวโน้มชะลอตัว โดยกลุ่มไฟแนนท์ยังคาดหวังโอกาส กนง.จะลดดอกเบี้ยในงวด 2H/67 หาก ธ.กลางหลักเริ่มลดดอกเบี้ย โดยภาพรวมดัชนีฟื้นตัวจากคาดการณ์ GDP ไทย Q1/67 มีโอกาสฟื้นตัวจากฐานต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกหนุนกำไร บจ. ในงวด Q1/67 ด้วย
Daily Strategy

ประเมินแนวรับ SET ที่ 1,380 – 1,385 แนวต้าน 1,400 – 1,405 เริ่มได้แรงหนุนจาก Fund Flow หลังเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง Q1 นี้ กอปรอยู่ในช่วงการประกาศจ่ายเงินปันผล แนะนำทยอยซื้อ SCB,KBANK ได้แรงหนุนจากเงินปันผล และคาดกำไรงวด Q1/67 ฟื้นตัวได้ QoQ/ ค้าปลีก CPALL,CPAXT,CPN/ BDMS กำไร Q4/66 ดีกว่าจากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น

SAT (ถือ / ราคาเป้าหมาย 19.70 บาท) เราปรับลดประมาณการกำไรในปี 68 และลดคำแนะนำลงเป็น “ถือ” เพียงเพื่อรับเงินปันผล หลังบริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q66 ที่ 218 ล้านบาท -17%QoQ, +3%YoY ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด หลักๆมาจากรายได้ที่ลดลงตามอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและเครื่องจักรกลการเกษตร แนวโน้ม 1Q67 คาดผลการดำเนินงานฟื้นตัว QoQ ตามยอดการผลิตรถยนต์ด้วยผลจากปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้แม้ ส.อ.ท.วางเป้ายอดการผลิตรถยนต์ในปี 67 ที่ 1.9 ล้านคัน เป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 7.5 แสนคัน +9%YoY แต่เรามองว่ามีความท้าทายจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน เนื่องจากปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น เราจึงคาดยอดขายของบริษัทในปี 67 ที่ 9.4 พันล้านบาท +3%YoY และกำไรสุทธิ 998 ล้านบาท +2%YoY เติบโตในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม SAT ยังมีจุดเด่นเรื่องเงินปันผลที่ประกาศออกมาที่ 1.22 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ราว 6.6% โดยจะขึ้น XD ในวันที่ 6 มี.ค.67
***ขอแก้ไข ราคาเป้าหมายของหุ้น SAT ปรับจาก 20.20 เป็น 19.70 บาท ****

BDMS (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท) กำไรสุทธิ 4Q66 อยู่ที่ 3,952 ลบ. (+26.93%YoY, +1.58%QoQ ) สูงกว่าเราคาด และ สูงกว่า BB Consensus(3,654 ลบ.,+8.15%) จากรายได้แข็งแกร่งอยู่ที่ 26,345 ลบ. (+12.22% YoY, -0.27% QoQ ) ซึ่งรายได้แม้จะไม่ใช่High Seasonแต่กลับทรงตัวได้ สาเหตุจาก รายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่สูงขึ้น +18%YoY +6%QoQ(การ์ตา +92%YoY/จีน +36%YoY) ส่วนประเด็นขับเคลื่อนการดำเนินงานในช่วงถัดไปปี67 คาดจะมาจาก 1.จำนวนเตียงที่สูงขึ้นราว 200 เตียง 2.การปรับเพิ่มโควตาประกันสังคมขึ้นเป็น 1.5 ล้านราย จากเดิม 1 ล้านราย 3.กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติในตลาดใหม่อย่างซาอุฯ/จีน โดย ปัจจุบัน เราวางกำไรสุทธิปี 67 และ ปี68 ที่ 15,824 ลบ.( +10.08%YoY) และ 16,983 ลบ.(+7.32%YoY)
Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI เม.ย. +$0.87 อยู่ที่ $77.91/บาร์เรล, Brent เม.ย. +$0.69 อยู่ที่ $83.03/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากสถานการณ์ไม่สงบในตะวันออกกลาง โดย Hapag Lloyd บริษัทเดินทางเยอรมันระงับการเดินทางในเส้นทางทะเลแดง ขณะที่ API เผยสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 7.1 ล.บาร์เรล สูงกว่าคาดที่ 4.29 ล.บาร์เรล

Gold Update(-) Comex Gold เม.ย. -$5.50 อยู่ที่ $2,034.30/ออนซ์ ตลาดทองคำปิดตลาดก่อนทราบรายงาน Fed Minutes

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ
+190.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +176.22 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +5.06 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +9.06 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 35.89 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.315 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +44 จุด อยู่ที่ 1,676

(-) BitCoin เช้านี้ -1.16% อยู่ที่ 51,588 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

19 ก.พ. สภาพัฒน์ แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 4/66

21 ก.พ. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ฉบับย่อ

29 ก.พ. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

19 ก.พ. US วันหยุด-วันคล้ายวันเกิดของวอชิงตัน

21 ก.พ. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ม.ค.)

US รายงานการประชุม FOMC

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.พ.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ (ก.พ.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (ม.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

23 ก.พ. DEU ดัชนีจีดีพี (GDP) ของเยอรมนี (ไตรมาส 4/66)

JP วันหยุด-วันพระราชสมภพจักพรรดิ์ญี่ปุ่น

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตัวรับความหวังเศรษฐกิจจีนเริ่มดีขึ้น ลุ้น Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1)กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, HMPRO*, ILM*, CPN*, CRC, MC*, KAMART*, CBG*, ICHI*, RBF*

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัวจากฐานต่ำปี66 AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, SAPPE*, DELTA, KCE*, EPG*, NYT*, SJWD*

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ เริ่มลดลง BGRIM*, GPSC*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA, SUSCO*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio February 2024: MENA*, BDMS, SPA*, CPALL, INTUCH*

Analysts

Apichai Raomanachai