AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ทดสอบ 1400 จุด
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ
Market Strategy
คาด SET Index คาดวันนี้ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1400 จุด การเปิดเผยรายงาน FED Minutes เดือน ม.ค. คณะกรรมการยังคงระมัดระวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยฯ เร็วเกินไป โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมประเมินควบคู่ไปกับข้อมูลต่างๆ เพื่อมั่นใจว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะกลับสู่ระดับเป้าหมาย 2% ทำให้ตลาดเลื่อนความหวังการปรับลดดอกเบี้ยฯ ออกไปเป็นช่วงเดือน มิ.ย. ด้วยโอกาส 52% โทนโดยรวมถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้แกว่งบวกลบในกรอบแคบในช่วง -0.3% ถึง +0.13%

ฝั่งจีนมาตรการภาครัฐฯ ที่ดึงความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นเริ่มเห็นผล (ลดดอกเบี้ยฯ LPR, การห้าม Short Sales,การออกมาตรการพยุงหุ้น) จากวานนี้ตลาดหุ้นปรับขึ้น 1.35% จนผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีพลิกกลับมาเป็นบวก 0.8% ได้แล้ว สัญญาณข้างต้นเป็น Sentiment บวกต่อบ้านเราที่มีสัดส่วนการค้าและ Correlation กับตลาดหุ้นจีนในระดับสูง

ในประเทศวานนี้บอร์ด EV เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานและมาตรการลดหย่อนภาษีหนุนการใช้รถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(Sentiment บวกต่อ GPSC EA) กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 12.54 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่สุดของปีที่ 6.47 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 6.3พันล้านบาท โดยหุ้นที่มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น นำโดย SCB ปรับขึ้น 6.7% จากการประกาศจ่ายปันผลมากกว่าตลาดคาดและเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่ม ธ.พ. ปรับขึ้น 2.2% ขณะที่กลุ่มพลังงานยังได้แรงหนุนต่อเนื่อง นำโดย PTT +0.7% และ SPRC +4%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CPALL BBIK

BBIK เดินหน้าเติบโตแข็งแกร่งปี 67
คาดการณ์ว่ากำไรหลักในปี 67 จะเติบโต 37% YoY จาก 5 ปัจจัยขับเคลื่อนได้แก่ 1) สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่มากขึ้น 2) synergy และการประหยัดจากขนาด (โดยเฉพาะจาก Vulcan) 3) การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Innoviz เป็น 85% จาก 55% 4) การขยายธุรกิจในต่างประเทศ (โดยเฉพาะเวียดนาม ) และ 5) การเติบโตในบริการจากความสามารถในการประมูลโครงการที่ขนาดใหญ่มากขึ้น
ขณะที่ Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดย BBIK ซื้อขายที่ PEG 1 เท่า ซึ่งเป็นอัตราส่วน PEG ที่ต่ำที่สุดในบรรดาบริษัทกลุ่มเทคโนโลยี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 120 บาท

CPALLOutlook ดูสดใส
SSSG ของ 7-11 MAKRO และ LOTUS เดือน ม.ค. คาดว่าจะขยายตัวในระดับ Low Single Digit ซึ่งถือว่าดีกว่ากลุ่มค้าปลีกในภาพรวม ขณะที่เดือน ก.พ. ยังได้ประโยชน์ของ Easy E-Receipt และตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัว จะยังช่วย SSSG ยังอยู่ในโมเมนตัมที่ดีต่อ ช่วยหนุนต่อกำไรปี 67 ที่เราคาดขยายตัว 19%YoY
ขณะที่การรายงานงบ 4Q66 เราคาดขยายตัวได้ 3%QoQ จากช่วงของฤดูกาลและขยายตัวแรงส์ 45%YoY ตาม SSSG ที่ขยายตัว 3.5% การขยายสาขา 700 สาขาในปี 66 และอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น เราประเมิน TP ปี 67 ไว้ที่ 75 บาท
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 75 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นไทยที่พลิกกลับมา Outperform +0.91% สวนทางตลาดอาเซี่ยนที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง จากแรงหนุนกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้า +6.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิต่อวันที่สูงที่สุดในปีนี้ โดยแรงซื้อเข้ามาในกลุ่ม Big Cap ที่เชื่อมโยงกับภาพเศรษฐกิจ (BANK ENERG FIN COMM)
คืนนี้ติดตาม 1) การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดัชนีS&P Global PMI ภาคการผลิต และบริการ เดือน ก.พ. (Consensus คาด 50.5 และ 52.4 ตามลำดับ ใกล้เคียงกับเดือนที่ผ่านมา 2) รายงานการประชุม FOMC ที่แม้ว่าโทนจะยัง Hawkish โดย Fed ส่งสัญญาณกังวลหากปรับลดดอกเบี้ยลงเร็วเกินไป แต่คาดว่าน่าจะส่งผลกระทบไม่มากต่อทิศทางตลาดการเงินโลก เนื่องจากปัจจุบันมุมมองตลาดให้น้ำหนักการลดดอกเบี้ยในปีนี้เหลือเพียง 3-4 ครั้ง ใกล้เคียงกับ Dot Plot ของ Fed ที่ 3 ครั้ง แล้ว

Eyes on

ในสัปดาห์ การรายงานงบ 4Q66
22 ก.พ. รายงานการประชุม FOMC, S&P Global PMI สหรัฐฯ, HCOB PMI Eurozone

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ