AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ยังแกว่งในกรอบ
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ
Market Strategy
คาด SET Index แกว่งตามกรอบ 1380-1400 จุด การรายงาน GDP 4Q66 ไทยขยายตัว 1.7%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด 2.5%YoY ถูกฉุดจากการอุปโภคของรัฐฯ -3%YoY และการลงทุนภาครัฐฯ -20%YoY จากการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า ขณะที่ภาคบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดี 7.4%YoY และการส่งออกขยายตัว 4.6%YoY ทำให้ GDP Growth 66 ทั้งปีขยายตัวต่ำเพียง 1.9%YoY ส่งผลให้สภาพัฒน์ปรับลด GDP 67E ขยายตัวที่ 2.7%YoY จากเดิม 3.2%YoY ซึ่งในระยะถัดไปเราเชื่อว่าจะเห็น Consensus จะทยอยปรับลด GDP ตามมา แต่ตลาดหุ้นวานนี้ไม่ได้ตอบรับในเชิงลบมากนัก เนื่องจากให้น้ำหนักไปที่การฟื้นตัวและมาตรการกระตุ้นในระยะถัดไป ซึ่งวานนี้เห็นกระแสกดดันเรื่องการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายกลับมา
ส่วนประเด็นต่างประเทศวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการ ขณะที่จีนเปิดทำการวันแรกมีกลับมาปิดบวก 1.16% จากการให้น้ำหนักการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวช่วงตรุษจีน ส่วนวันนี้ติดตาม PBOC ประกาศดอกเบี้ยฯ LPR ตลาดคาดจะปรับลดมาที่ 4.1% จากเดิม 4.2% กลยุทธ์การลงทุนยังเลือกหุ้นปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Summary
SET Index ปรับขึ้นเล็กน้อย 1.87 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 3 หมื่นล้านบาท หุ้นที่หนุนตลาด TRUE +3.1% CPN +1.97% จากความคาดหวังต่อผลประกอบการที่ดีขึ้น GULF +1.16% จาก Outlook ที่ธุรกิจที่ปีนี้ยังคาดเติบโตต่อ ส่วนกลุ่มที่กดดัน CPAXT -1.5% จากแรงขายทำกำไร PTTEP -2.9% จากการขึ้น XD นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1.22 พันล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ GPSC STANLY

GPSC โตเด่นสุดกลุ่มโรงไฟฟ้า
คาด EPS Growth 67E ที่ 118% เติบโตเด่นที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เราศึกษา แรงหนุนหลักมาจากแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติในปีนี้ที่ปรับลดลง รวมถึงการผลิตก๊าซจากแหล่งเอราวัณที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2567 ช่วยลดราคา Pool Gas ของ SPP และเป็นบวกต่อ Spark Spread หนุนต่อผลประกอบการ
ขณะที่ราคาค่าไฟเชื่อว่าแรงกดดันจากนโยบายภาครัฐจะเริ่มทำได้ยากมากขึ้นส่วนระยะสั้นมี Sentiment บวก 2 ปัจจัยหนุนราคาหุ้น 1) ราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับลงในรอบกว่า 3 ปี 2) Bond Yield ที่ผ่านจุดสูงสุด
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 58.00 บาท

STANLY ถูก ดี ปันผลสูง
ผลประกอบการของ STANLY ปี FY67-68E คาดจะเติบโตดีกว่าภาวะอุตสาหกรรมรวม คือ ปี FY67E คาดยอดขาย จะเติบโต 2.5%YoY สู่ระดับ 14,809 ล้านบาท แรงหนุนจากคำสั่งซื้อรถโมเดลใหม่ ส่วนกำไรปกติ คาด 1,764 ล้านบาท เติบโต 1.1%
หุ้นซื้อขายบน P/E ต่ำเพียง 9.3 เท่า EV/EBITDA 2.7 เท่า P/BV 0.8 เท่า และ STANLY มีเงินสดและสินทรัพย์ทางการเงินที่สูง 9.8 พันล้านบาท (คิดเป็น 59% ของมูลค่าตลาด) คาดจะจ่ายปันผลสูง มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูง 6%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 235.00 บาท

KEY FACTOR
GDP 4Q66 ของไทย +1.7% YoY และทั้งปี 2566 ขยายตัว +1.9% แย่กว่าที่ Consensus คาด +2.6% YoY และ +2.2% ตามลำดับ ได้แรงหนุนจากการส่งออกที่ฟื้นตัว การบริโภคในประเทศที่ยังดีต่อเนื่อง ชดเชยการใช้จ่ายภาครัฐที่ลดลง ในขณะที่มุมมองปี 2567 สภาพัฒน์ฯปรับลดคาดการณ์ GDP ขยายตัว 2.2 - 3.2% จากเดิม 2.7 - 3.7% จาก 1) การอุปโภคภาครัฐที่ลดลงจากเดิม 2.2% เหลือ 1.5% 2) การส่งออกลดลงจาก 3.8% เหลือ 2.9%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ตอบรับเชิงลบ และมีแรงซื้อจากกระแสเงินลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่สอง +1.2 พันล้านบาท สะท้อนภาวะตลาดที่อยู่ในจุดที่ตอบรับ เชิงลบไปแล้วมากพอสมควร และหันไปให้น้ำหนักกับปัจจัยบวกในภูมิภาค ที่ได้แรงหนุนจากการกลับมาเปิดทำการของหุ้นจีน และบวกแรง +1.56%

Eyes on
ในสัปดาห์ การรายงานงบ 4Q66, ตลาดหุ้นจีนกลับมาเปิดทำการหลังหยุดยาวตรุษจีน
20 ก.พ. จีนกำหนดดอกเบี้ย LPR 1 ปี และ 5 ปี
22 ก.พ. รายงานการประชุม FOMC, S&P Global PMI สหรัฐฯ, HCOB PMI Eurozone

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ