Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

205

 

Volume ต่ำ นักลงทุนลดความเสี่ยงช่วงรายงานงบ
วานนี้มูลค่าซื้อขายหุ้นไทย 3.2 หมื่นล้านบาท เบาบางที่สุดเป็นอันดับ 3 ของปีนี้เกิดจากนักลงทุนชะลอการลงทุน ลดความเสี่ยงในช่วงประกาศงบ 4Q66 หลังตัวเลข GDP4Q66 ออกมาต่ำ โดยเติบโตเพียง 1.7%YoY และ -0.6%QoQขณะเดียวกันในเดือนนี้ยังเห็นหุ้นใน SET50 ถูก Bloomberg Consensus ทยอยปรับประมาณการเป้าหมายและกำไรปีนี้ลงถึง 34 บริษัท มีเพียง 16 บริษัทที่คงหรือเพิ่มเป้าหมายขึ้น อย่าง EA, EGCO, TOP, GPSC, TU, PTTGC, BEM,PTTEP, MINT, CPALL, BDMS คาดน่าจะ Outpeform ตลาดได้ดีในช่วงนี้ประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังการลดดอกเบี้ยของกนง.ในระยะถัดไปมากขึ้น สังเกตได้จาก Bond Yield 10 ปีไทย ลดลงมาเรื่อยๆ ล่าสุดอยู่ที่ 2.57%สูงกว่าดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% เพียง 7 bps. เท่านั้น สวนทางกับ Bond Yield10 ปีสหรัฐ ที่ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4.32% สูงสุดในปีนี้ เป็น Sentiment บวกต่อ KTC,AEONTS, TIDLOR, SAWAD, MTC, TISCO, AP, ADVANC, MAJORสุดท้ายเช้านี้PBOC ปรับดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1-5 ปี ลดลงเหลือ 3.4% และ 3.95%ซึ่งเป็นระดับที่น้อยกว่าคาดและต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ถือเป็น Sentiment ที่ดีต่อหุ้นอิงเศรษฐกิจจีน อย่าง SCGP, IVL, PTTGC, AOT เป็นต้นกลยุทธ์การลงทุนช่วงตลาดซึมๆ เลือกหุ้นมีแรงหนุนเฉพาะตัว อย่าง SCGP, AP,BEM

 

ลุ้นเศรษฐกิจจีนกลับมาคึกคัก น่าจะเป็นแรงผลักเศรษฐกิจไทยสัญญาณการฟื้นตัวของภาคบริโภคจีนที่เริ่มกลับ ถือว่าเป็นปัจจัยเชิงบวกที่ช่วงหนุนให้รวมเศรษฐกิจค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งจากรายงานของกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน เผยว่ายอดการเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศจีนอยู่ที่ 474 ล้านครั้งในช่วงวันหยุดยาวตรุษจีน 8 วัน (10-17 ก.พ) เพิ่มขึ้น 19% เมื่อช่วงก่อนโควิด (ปี2562) ขณะที่ยอดการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในจีนเพิ่มขึ้นเกือบ 8% เมื่อเทียบกับปี2562 แตะที่ระดับ 6.33 แสนล้านหยวน

 

นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีน ยังดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น โดยล่าสุดเช้านี้ PBOC ปรับดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1-5 ปี ลดลงเหลือ 3.4% และ 3.95% ซึ่งเป็นระดับที่น้อยกว่าคาดและต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนเพิ่มเติมในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีน

 

สรุป เศรษฐกิจจีนที่ยังสัญญาณค่อยๆ ฟื้นตัว ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากจีนถือเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 ของไทย (ปี 2566) รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวในบ้านเราเป็นอันดับต้นๆ ในช่วงก่อนโควิด-19

GDP 4Q66 ออกมาต่ำคาด กดดันประมาณการ EPS เช่นกัน
วานนี้สภาพัฒน์รายงานตัวเลข GDP Growth ของไทยปี 2566 อยู่ที่ +1.9%YoY ต่ำกว่าตลาดคาดที่ +2.1%YoY แต่สูงกว่า สศค. คาดที่ +1.8%YoY ทำให้เศรษฐกิจไทยใน 4Q66 ออกมา +1.7%YoY(ต่ำกว่าคาด +2.5%YoY) และ -0.6%QoQ(ต่ำกว่าคาด -0.2%QoQ) โดยภาพรวมใน 4Q66 ขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาสก่อน โดยมีแรงส่งมาจากการลงทุนภาคเอกชน (+5.0%), การบริโภค (+7.4%), การส่งออก (+4.6%),การนำเข้า (3.1%) ขณะที่การเบิกจ่ายของรัฐบาลที่ล่าช้า กดดันให้เกิดการชะลอตัวในการลงทุนภาครัฐ (-20.1%) และการใช้จ่ายภาครัฐ (-3.0%)


ซึ่งหากพิจารณาความเสี่ยงในการเข้าสู่ภาวะ Technical Recession (GDP ติดลบต่อกัน 2 ไตรมาส) ถือมีว่าโอกาสเกิดขึ้นน้อย เนื่องจาก GDP 4Q66 ที่ออกมา -0.6%QoQ ซึ่งทำให้ GDP 1Q67 ควรโตอย่างน้อยๆ +0.2%YoY เพื่อทำให้รอดพ้นจากภาวะ Technical Recession ซึ่งมีโอกาสสูงที่ GDP 1Q67 จะกลับมาเติบโตเด่นเนื่องจากมีปัจจัยหนุนหลักๆ มาจากการขยายตัวของการส่งออกสินค้า การขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภคบริโภคผ่านมาตรการ Easy e-receipt บวกกับการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว


ขณะที่หากพิจารณาในมุมของประมาณการ EPS ก็มีการทยอยปรับลงเช่นกัน โดยBloomberg consensus ปรับลด EPS67F จาก 100 บาท/หุ้น(ในช่วงต้นปี) เหลือ97.3 บาท/หุ้น ซึ่งจากสถิติในอดีต บ่งชี้ว่าปกติตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวตามการปรับประมาณการ EPS เสมอ

 

โดยล่าสุด หุ้นใน SET50 ที่ถูกปรับประมาณการลงในเดือนนี้มีอยู่ 34 บริษัท สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ต้นเดือน +0.9% น้อยกว่า SET Index ที่สร้างผลตอบแทน+1.67% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่ง 10 บริษัทที่ถูกปรับประมาณการลงเยอะสุด คือ JMTBANPU RATCH SAWAD IVL COM7 BTS AWC OSP TRUE เป็นต้น


ขณะที่หุ้นใน SET50 อีก 16 บริษัท ถูกปรับประมาณการขึ้นในเดือนนี้ และ สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ต้นเดือน +2.5% อาทิ EA EGCO TOP GPSC TU CENTELPTTGC BEM PTTEP MINT CPALL BDMS KBANK TTB JMART SCC


สรุป GDP 4Q66 ออกมาต่ำคาด และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Technical Recessionในอนาคต ขณะที่ประมาณการ EPS ก็ถูกทยอยปรับลงเช่นกัน ตามกำไร 4Q66 ของบริษัทจดทะเบียนที่ต่ำคาด ดังนั้นประเด็นดังกล่าว จะกดดัน SET Index ระยะถัดไปดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังหาหุ้นที่พอจะแข็งกว่าตลาดฯได้ นั้นคือ หุ้นในSET50 ที่ถูกปรับประมาณการขึ้นในเดือนนี้ อาทิ EA EGCO TOP GPSC TUCENTEL PTTGC BEM PTTEP MINT CPALL BDMS KBANK TTB JMART SCC

 

เศรษฐกิจไทยโตน้อย หวังมาตรการกระตุ้นมากขึ้น
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อาทิ จีน ยุโรปสหรัฐฯ เป็นต้น เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถใช้เงินงบประมาณได้ จึงกดดันให้การใช้จ้ายภาครัฐหดตัว ในอีกมุมหนึ่งยังทำให้กระแสเร่งให้ กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะสภาพแวดล้อมบ้านเราเอื้อต่อการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย ทั้งเงินเฟ้อติดลบและ GDP Growth ขยายตัวได้น้อยกว่าคาด (ในอดีตดอกเบี้ยไทยมักจะต่ำ ตาม GDP และเงินเฟ้อ)นอกจากนี้สัญญาณดอกเบี้ยขาลงในบ้านเรายังชัดเจนมากขึ้น สะท้อนจาก BondYield 10 ปี ไทย 2.57% เข้าใกล้ดอกเบี้ยนโยบายมากขึ้นทุกที แม้ Bond Yield 10 ปี
สหรัฐ จะขึ้นทำจุดสูงสุดในปีนี้ที่ 4.32% แสดงให้เห็นว่านักลงทุนคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป

ขณะที่ช่วงการเริ่มต้นลดดอกเบี้ย มักจะเป็นจุดเริ่มต้นการขึ้นรอบใหญ่ของหุ้นกลุ่มFIN เสมอ โดยอาจจะหาโอกาสเข้าเก็งกำไร KTC, AEONTS, TIDLOR, SAWAD,MTC ได้

 

RESEARCH DIVISION
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หุ้นใหญ่ฟื้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองเห็นหุ้นใหญ่หลายตัว ฟื้นตัว เนื้อตัวเต็มไปด้วยแสง สีเขียว ตามตลาดสหรัฐบวก ....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้