Market Wrap-Up
- SET วันที่ 6 ก.พ.67 ปิด +13.03 จุด อยู่ที่ 1,396.96 จุด มูลค่าการซื้อขาย 50,709 ลบ.ต่างชาติซื้อ 3,613 ลบ.สถาบันขาย 1,140 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 555 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิอยู่ที่ 1,010 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้น TRUE,BCH,CRC,MINT,CBG และมียอดขายสุทธิ AOT,CPALL,ADVANC,KBANK,BGRIM มูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ 4,012 ลบ. หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงคือ HK13,JAPAN13,KKP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 30,897 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 55,884 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 6,279 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.37%, S&P500 +0.23%, Nasdaq +0.07% ได้แรงหนุนจากกลุ่มวัสดุ +1.7%, อสังหา +1.49% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี -0.48%, บริการสื่อสาร -0.21% หลังเจ้าหน้าที่เฟด 2 ท่านเผยเฟดยังไม่รีบลดดอกเบี้ย ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.63% ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน และเหมืองแร่ & อุตสาหกรรม +1.4% เป็นกลุ่มพึ่งพาอุปสงค์จากจีน
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มวัสดุ, อสังหา ฯ กอปรกับ LSEG เผยบริษัท ½ ใน S&P500 ที่รายงานงบ Q4/66 แล้ว สัดส่วน 81.2% มีกำไรดีกว่าคาด ขณะที่ความเห็นของ ปธ.เฟดสาขามินมีเอโพลิส ขึ้การคุมเงินเฟ้อยังไม่เสร็จ และ ปธ.เฟดสาขาคลีฟแลนด์เผยเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในทิศทางที่รอการลดดอกเบี้ย แต่ไม่มีระบุช่วงเวลา ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของเจอโรม พาวเวล ว่ายังไม่มีสัญญาณลดดอกเบี้ยใน มี.ค.
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน หลัง BP +5.5% รับรายงานกำไร Q4/66 และกลุ่มเหมืองแร่ & อุตสาหกรรมที่พึ่งพาอุปสงค์จากจีนปรับขึ้น หลังรัฐบาลจีนเริ่มออก ม.ดูแลเสถียรภาพตลาดหุ้น ขณะที่ยอดค้าปลีกยูโรโซน ธ.ค. -0.8% & พ.ย. -0.4% YoY
- ฝั่งเอเชียดัชนีเซี่ยงไฮ้วานนี้ +3.23%, ฮั่งเส็ง +4.04% หลัง กลต.จีนหนุนให้บริษัท หุยจิน เซ็นทรัล บริษัทลงทุนของรัฐบาลจีนเข้าซื้อ ETF และหุ้น รวมถึง ม.ควบคุมการช็อตเซล, การปล่อยยืมหุ้น และลด Margin Call เพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้นจีน
- ดัชนี SET วานนี้ +0.94% ปริมาณการซื้อขาย 5.0 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 3.6 พัน ลบ. สถาบันขาย 1.1 พัน ลบ. พอร์ตโบรกขาย 555 ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +2.7% หลัง US Bond Yield 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.10% จากคาดการ์เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ย เพียงแต่เลื่อนจาก มี.ค. เป็น พ.ค. หรือ มิ.ย. เพื่อรอประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อ & ตลาดแรงงานสหรัฐ ขณะที่กลุ่มค้าปลีก & ขนส่งมีแรงซื้อตอบรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ม.ค. ได้ตามเป้าหมาย 3 ล.คน/เดือน โดยนักลงทุนรอการประชุมบอร์ดชุดใหญ่ดิจิทัล วอลเล็ตในสัปดาห์หน้า และผลการประชุม กนง. วันนี้ต่อมิติที่ประชุมจะเริ่มมีเสียงหนุนให้เริ่มลดดอกเบี้ยหรือไม่ ส่วนการเดินทางเยือนไทยของ นายกฯ กัมพูชา ติดตามความคืบหน้าการลงทุนแหล่งพลังงานในเขตพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกต่อ PTTEP สำหรับ ADVANC รายงานกำไร Q4/66 อยู่ที่ 7.0 พัน ลบ. -4.9% YoY จากผลดำเนินงานขาดทุนของ TTTBB, การตั้งสำรองด้อยค่า และต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้นจากควบรวมกิจการ ขณะที่กำไร -14% QoQ จากการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายเงินทุนในแรบบิทไลน์เพย์ในช่วง Q3/66 ที่ผ่านมา
- Daily Strategy
- ประเมินดัชนี SET ยังอยู่ในกรอบ Sideway Up โดยมีแนวรับ 1,390 แนวต้าน 1,400 – 1,405 วันนี้ติดตามผลการประชุม กนง. รวมถึงประมาณกาณ์ GDP ปีนี้ด้วย แนะนำทยอยซื้อ CPALL,CPAXT,TKN ได้แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนคาดเพิ่มขึ้น / BGRIM,GPSC (+US Bond Yield เริ่มลดลง) และกลุ่มปลอดภัย BH, BDMS
- SABINA* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 31.75 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q66 เติบโต QoQ, YoY หนุหนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการขายผ่าน ช่องทาง Store retailing และ Online + Tv Shopping (NSR) ที่เติบโตได้ดี รวมถึงมีการออกสินค้าที่เป็น Collection ใหม่ตามฤดูกาล ส่วนงาน OEM จากฝั่งยุโรปที่ถูกเลื่อนก่อนหน้านี้มีทิศทางทยอยฟื้นตัว โดยมีโมเมนตัมต่อเนื่องในช่วง 1Q67 จากมาตรการ Easy E-Receipt ทั้งนี้ตลาดประเมินกำไรปี 66-67 ที่ 471 ล้านบาท +13%YoY และ 522 ล้านบาท +10%YoY ตามลำดับ
- MEGA* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 00 บาท) กำไรสุทธิงวด 9M66 อยู่ที่ 1,519 ลบ.,-17.4%YoY ปรับตัวลดลงจาก Inventory ลูกค้าที่สูงในช่วงCovid-19, การขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ, และปัญหาการเมืองในพม่า อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มการดำเนินงานช่วง 4Q66 มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวได้ YoY จากฐานต่ำใน4Q65 ส่วนปี67นี้ ทาง MEGA* วางเป้าการเติบโตของรายได้ +5-10%YoY คาดว่าคู่ค้าที่ตุนสินค้าไว้ในช่วงCovid-19 จะกลับมาหลัง Inventory ลดลงควบคู่ไปกับสินค้าใหม่ๆที่ออกของทางบริษัท/ วางงบลงทุนปี67 ที่ 590 ลบ.(โรงงานที่ไทย 40 ลบ./ โรงงานที่อินโดนีเซีย 510 ลบ./ ESG 40 ลบ.) ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ของ MEGA* ที่ 2,085 ลบ. (-7%YoY) และ 2,434 ลบ.(+17%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI มี.ค. +$0.53 อยู่ที่ $73.31/บาร์เรล Brent เม.ย. +$0.60 อยู่ที่ $78.59/บาร์เรล หลังการผลิตน้ำมันสหรัฐปี 67 คาดเพิ่มขึ้น 1.7 แสน บาร์เรล/วัน & เดิมคาดเพิ่มขึ้น 2.9 แสน บาร์เรล/วัน ค่ำวันนี้ EIA จะรายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาคาดเพิ่มขึ้น 2.1 ล.บาร์เรล
Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.+$8.50 อยู่ที่ $2,051.40 /ออนซ์ หลัง Dollar Index อ่อนค่า -0.23% อยู่ที่ 104.213 และ US Bond Yield 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 4.09%
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ
+150.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +101.29 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโด ฯ +48.48 ซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +0.79 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 35.4870 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.09 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +80 จุด อยู่ที่ 1,516
(+) BitCoin เช้านี้ +1.09% อยู่ที่ 43,128 ดอลลาร์สหรัฐ
(+) API รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 6.7 แสน บาร์เรล & คาดจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล.บาร์เรล
Economic Calendar
ในประเทศ
05 ก.พ. สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนี
เศรษฐกิจการค้า
06 ก.พ. สภาผู้ส่งออก แถลงสถานการณ์การส่งออก
07 ก.พ. ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)
ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 1/256
สัปดาห์ที2 หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
ต่างประเทศ
05 ก.พ. CN ดัชนี PMI ภาคการบริการของจีนจากสถาบัน Caixin (ม.ค.)
EU ดัชนี PMI ภาคการบริการ (ม.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ม.ค.)
07 ก.พ. US แนวโน้มพลังงานระยะสั้นจากมุมมองของ EIA
US ดุลการค้า (ธ.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
08 ก.พ. CN ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI)/ ดัชนีผู้ผลิต (PPI) ของจีน (ม.ค.)
EU รายงานประจำเดือนของธนาคารกลางแห่งยุโรป
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
09 ก.พ. CN วันหยุด-ตรุษจีน
US Fed's Balance Sheet
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตัวรับความหวังเศรษฐกิจจีนเริ่มดีขึ้น ลุ้น Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1)กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, HMPRO*, ILM*, CPN*, CRC, MC*, KAMART*, CBG*, ICHI*, RBF*
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัวจากฐานต่ำปี66 AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, SAPPE*, DELTA, KCE*, EPG*, NYT*, SJWD*
(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR*
(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ เริ่มลดลง BGRIM*, GPSC*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA, SUSCO*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio February 2024: MENA*, TU, MEGA*, SPA*, SNNP*, INTUCH*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th