AT THE OPEN (#ATO)
SET Index พัก
กลยุทธ์ Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
คาด SET Index พักตามกรอบ 1345-1365 จุดเผยร่าง GDP ของไทยโดยกระทรวงการคลังคาดGDP66E ขยายตัว 1.8%YoY ถือเป็นระดับต่ำกว่า Consensus คาดขยายตัว 2.4%YoY หากออกมาระดับข้างต้นแสดงว่า GDP Growth 4Q66E ขยายตัวต่ำสุดของปีที่ 1.4%YoY และหดตัว -1.3%QoQ (เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส) ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามการรายงานตัวเลขที่แท้จริงจากสภาพัฒน์ใน 19 ก.พ. ต่อไป ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนหลังการรายงานงบหุ้นกลุ่ม ธ.พ. ที่ต่ำกว่าคาดราว 8-9% วานนี้ SCGP ที่รายงานงบ 4Q66 ออกมา 1.2 พันล้านบาทต่ำกว่าคาดราว 8% ทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทฯ 66/67E ยังมีอยู่ สัญญาณลบข้างต้นเป็นปัจจัยจำกัดการไหลกลับของ Flow

ด้านปัจจัยต่างประเทศจีนมีประเด็นบวกต่อการออกมาตรการพยุงหุ้นวงเงิน 2.3 ล้านล้านหยวน ซึ่งน่าจะลดความผันผวนต่อตลาดหุ้นจีน (คาดประมาณ 2 เดือน) ฝั่งญี่ปุ่น BOJ คงนโยบายการเงินและยังไม่ได้ส่งสัญญาณการปรับนโยบาย ส่วนสหรัฐฯ วานนี้ตลาดหุ้นแกว่งผันผวนตามการรายงานงบ 4Q66 สำหรับประเด็นอื่นๆวันนี้ติดตามศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีคุณพิธาถือหุ้น ITV กลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Summary
SET Index ปรับลงแรง 13.4 จุด จากแรงขายสุทธินักลงทุนต่างชาติ 2.03 พันล้านบาท กลุ่ม Packaging หลังรายงานงบ 4Q66 ต่ำกว่าตลาดและเราคาด ตามด้วยไฟแนนซ์จากความกังวลต่อคุณภาพสินทรัพย์ ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้นแกร่งคือกลุ่มท่องเที่ยวโรม +0.3% ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BH MINT

MINT ดูดีมี Upside
กำไร 4Q66 มีโอกาสขยายตัวทั้ง QoQ และ YoY ตามการใช้บริการโรงแรมยุโรป ธุรกิจอาหารในประเทศได้แรงหนุนจากการเข้าช่วงฤดูกาล ระยะสั้นจำนวนนักเที่ยวต่างชาติระหว่าง 15-21 ม.ค. ที่เพิ่มขึ้น 7.16 แสนราย +3%WoW และมีแนวโน้มฟื้นต่อ เมื่อเข้าสู่ช่วงตรุษจีนเป็นบวกต่อหุ้นธุรกิจโรงแรมและอาหารในประเทศ
กำไรปี 2567E คาด +18%YoY หนุนจากธุรกิจโรงแรมในยุโรปที่เชื่อว่า REVPAR จะยืนในระดับสูงฟุตบอลยูโรและโอลิมปิค ส่วนธุรกิจร้านอาหารขยายตัวได้ต่อไป ด้าน Valuation ซื้อขายบน PER67E 20 เท่าต่ำกว่า CENTEL ERW ที่เฉลี่ย 31 เท่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 35.25 บาท

BH หลบมา Defensive
ผลประกอบการในช่วง 4Q66 ที่มีโอกาสขยายตัว YoY จากผู้ป่วยต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY และ Revenue Intensity ของการรักษาที่สูงขึ้น จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนราคาหุ้น
แนวโน้มกำไรปี 2567E จะยังมีทิศทางเติบโตต่อจากผู้ป่วยต่างชาติที่ยังมีโอกาสขยายฐาน อาทิ ซาอุดิอาระเบียและประเทศอื่นๆ รวมถึงการเปิดตึกที่ Annex ช่วงกลางปีนี้ที่จะช่วยเพิ่ม Capacity รองรับผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น ส่วนความเสี่ยงสงครามตะวันออกกลางผลกระทบจำกัด
ส่วนระยะสั้นที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นมองเป็น Sentiment บวกทางอ้อมต่อ BH เช่นกัน
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 250.00 บาท

KEY FACTOR
กระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น ล่าสุดขายสุทธิติดต่อกัน 13 วันทำการ สะสม 2.4 หมื่นล้านบาท) หลังจากที่ในช่วงการรายงานงบ 4Q66 นำโดย กลุ่มธนาคารฯ และ กลุ่ม SCC ที่อ่อนแอกว่าคาด สร้าง sentiment เชิงลบ ความกังวลต่อกำไร บจ. และอาจเกิด downside ในตัวเลข GDP 4Q66 (รายงานวันที่ 19 ก.พ.) เช่นกัน

ในระยะถัดไปตลาดหุ้นไทยน่าจะรอปัจจัยกระตุ้นที่จะมาช่วยฟื้นความเชื่อมั่น นำโดย 1) ตัวเลขส่งออก และนำเข้าไทย เดือน ธ.ค. (Consensus คาด +6.4% YoY และ +6.85% YoY ตามลำดับ) 2) การขับเคลื่อนมาตรการด้านการใช้จ่ายและลงทุนภาครัฐ ซึ่งเป็นตัวที่ฉุด GDP ปีนี้ (สศค. คาด -3.4% และ 0% ตามลำดับ) 3) ความคืบหน้าการผ่านงบประมาณปี 2567 ซึ่งหากมีความชัดเจนและออกมาในโทนบวก จะเป็นปัจจัยที่ค่อยๆ เข้ามาช่วงพยุงตลาดหุ้นไทย

Eyes on
ในสัปดาห์ การรายงานงบ 4Q66
24 ม.ค. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการ ของสหรัฐฯ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone
25 ม.ค. GDP 4Q66 ของสหรัฐฯ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ, ประชุม ECB

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ