AT THE OPEN (#ATO)

SET Index ประคองฐาน
กลยุทธ์ Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
คาด SET Index แกว่งตามกรอบ 1360-1375 จุด ประเด็นต่างประเทศเป็นไปในทางบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังเดินหน้าปรับขึ้นในช่วงเฉลี่ย 0.3% จากหุ้นกลุ่ม Tech และราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ปรับขึ้นราว 1.6% จากรายงานยูเครนโจมตีโรงงานน้ำมันในรัสเซีย สภาพแวดล้อมข้างต้นมองเป็นบวกต่อหุ้นอิเล็คทรอนิกส์ (DELTA HANA KCE) และกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่น (PTTEP BCP TOP SPRC) แต่อย่างไรก็ตามทิศทาง Fund Flow ยังมีทิศทางไหลออกจากตลาดหุ้นบ้านเรายังเป็นปัจจัยที่จำกัดการปรับขึ้น

ส่วนปัจจัยในประเทศการรายงานงบ 4Q66 กลุ่ม ธ.พ. 7 แห่งที่เราศึกษาทำกำไรสุทธิ 4.27 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 35%YoY แต่หดตัว -13%QoQ ถือว่าต่ำกว่าตลาดคาดราว 8-9% โดย ธ.พ.ที่ทำกำไรดีกว่าคาด SCB TTB ต่ำกว่าคาด KKP KBANK KTB BBL และตามคาด TISCO โดยเราเลือก TTB BBL เป็น Top Pick จากคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง ขณะที่ระยะถัดไปตลาดให้น้ำหนักไปที่การรายงานงบของภาค Real Sector ซึ่งวันนี้ SCGP จะรายงาน โดยเราคาดกำไรสุทธิที่ 1.32 พันล้านบาท กลยุทธ์การลงทุน Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Summary
SET Index ติดลบแรง 12.59 จุด หรือ 0.91% โดยกลุ่มที่ Underperform คือ กลุ่ม ธ.พ. -1.8% จากผลประกอบการที่แย่กว่าคาด โดย KTB -10.5% KBANK -4% นอกจากนี้เป็น Sentiment ลบที่ลามต่อเนื่องไปยังกลุ่มไฟแนนซ์ที่ปรับลงแรง -2.4% จาก JMT -8% MTC -4.7% และ TIDLOR –3.2% ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้นสวนทางตลาดกลุ่ม ร.พ. +0.53% และกลุ่มอิเล็คฯ +0.16%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BCP COCOCO

COCOCO Earnings Growth ดูสดชื่น
แนวโน้ม 4Q66 กำไรขยายตัว QoQ แม้จะเป็น low season ได้แรงหนุนจากยอดส่งออก (สัดส่วนประมาณ 80% ของยอดขาย) โดยเฉพาะตลาดจีน นอกจากนี้ GPM ของธุรกิจน้ำมะพร้าวจะมาฟื้นได้ดีเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหลังบริษัทกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
กำไรสุทธิ 2567E จาก Bloomberg Consensus คาดเติบโต 34%YoY เด่นกว่ากลุ่มเครื่องดื่มอย่าง SAPPE PLUS ที่กำไรโตเฉลี่ย 15 เท่า ขณะที่ Forward PER67E COCOCO อยู่ที่ 18 เท่าถูกกว่า PLUS, SAPPE ที่ Forward PER67E ที่ PER 20-21 เท่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 12.50

BCP ค่าการกลั่นยืนสูงหนุนราคาหุ้น
คาดทิศทางค่าการกลั่นในช่วง 1Q67 จะทรงตัวในระดับสูงบริเวณ 7 เหรียญจากความตึงเครียดในทะเลแดงที่กระทบภาคขนส่ง Supply รัสเซียที่ยังมีข้อจำกัดการส่งออก สภาพอากาศหนาวในสหรัฐฯและการ Restocking สินค้าของจีนก่อนตรุษจีนเพิ่มความต้องการใช้
สถานการณ์ข้างต้นมองเป็นบวกต่อกลุ่มโรงกลั่นซึ่งเราชอบ BCP จาก 3 เหตุผล 1)ได้เปรียบคู่แข่งอย่างต่อเนื่องในแง่ของค่าการกลั่น 2) ได้รับประโยชน์จากกำไรเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการพร้อมอัพไซด์จากการ synergy และ 3) Valuation ถูกเพราะซื้อขายบน PER 67E ถูกเพียง 5 เท่าและ Dividend Yield 67E ที่ 6.2%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 59.00 บาท

KEY FACTOR
วาระในการประชุม ครม.สัญจร วันนี้ ประกอบไปด้วย Quick Win ลงทุนใน 6 จังหวัดอันดามัน ประกอบด้วย 20 โครงการภาครัฐ-เอกชน วงเงินรวม 797 ล้านบาท รวมทั้งการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมโครงการ แลนด์บริดจ์ น่าจะทำให้ตลาดกลับมาให้น้ำหนักการลงทุน/ใช้จ่ายภาครัฐที่จะทยอยเริ่มดำเนินโครงการ สอดคล้องการการพิจารณางบประมาณที่จะแล้วเสร็จช่วงปลาย เม.ย. น่าจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยจำกัด Downside ตลาดในระยะสั้น
ในขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยที่เมื่อวานนี้ แม้ว่าจะยัง underperform ตลาดภูมิภาค จากแรงกดดันของหุ้นพลังงาน (กังวลต่อภาวะอุปสงค์) ธนาคารฯ (หุ้นแบงก์ใหญ่ผิดหวังการรายงานงบ 4Q66) ค้าปลีก (มีความไม่แน่นอนมาตรการกระตุ้นการบริโภค Digital Wallet) และการเงิน (แนวโน้มดอกเบี้ยน่าจะลดลงไม่เร็วตามคาด) แต่ก็ถือเป็นกลุ่มที่มีปัจจัยกดดันเฉพาะตัว ดังนั้น ในช่วงที่ตลาดผันผวนจึงยังน่าจะเป็นโอกาสในการตั้งรับสะสมลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนและแนวโน้มงบ 4Q66 น่าจะออกมาดี

Eyes on
ในสัปดาห์ ส่งออกไทยเดือน ธ.ค., การรายงานงบ 4Q66
22 ม.ค. จีนประกาศดอกเบี้ย LPR 1 ปี และ 5 ปี
24 ม.ค. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการ ของสหรัฐฯ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone
25 ม.ค. GDP 4Q66 ของสหรัฐฯ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ, ประชุม ECB