"China Plays"

 

KCS Daily Strategy : คาดตลาด "Sideways Up" ต้าน 1405/1410จุด รับ 1384/1380จุด Dow Jones +0.15% ทำ All Time High ต่อ หนุนหลัก คือ ความคาดหวัง Liquidity ที่มากขึ้น จากความเชื่อมั่นวงจรดอกเบี้ยโลกพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 US Bond Yield 10ปี ปรับลงอีก -1 bps สู่ 3.91% (จุดสูงสุด 5.02%) ผสานการลุ้นสภาพคล่องเพิ่มเติม ที่นักเศรษฐศาสตร์โลกเริ่มประเมินถึงโอกาสที่มาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) จีนอาจจะเกิดขึ้น ในอีก 1-2 เดือนนี้ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจจีน กระแสการลงทุนโน้มเอียงมา EM-Asia หลังเศรษฐกิจสหรัฐโตช้าลง ขณะที่เอเชียขยายตัวเด่นกว่า ล่าสุดจีนมีสัญญาณฟื้นตัว ทั้งภาคอุตสาหกรรม, ค้าปลีก ส่วน SET Valuation ยังอยู่ Value Zone ขณะที่ GDP ไทยปี 2024 จะเติบโตเร่งขึ้น 3.4% > ระดับศักยภาพ 3.0% หนุนนักลงทุนต่างชาติกลับสถานะซื้อต่อเนื่อง 2 วันทำการเฉียด 1.0 หมื่นล้านบาท หุ้นนำตลาด คือ กลุ่มได้ประโยชน์ Yield ลง (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ Growth ชิ้นส่วน) ผสาน กลุ่มเชื่อมโยงจีน แนะนำ CPALL, SCGP, IVL

Daily outlook : "Sideways Up" ต้าน 1405/1410 จุด รับ 1384/1380 จุด

What happened around the world ?

• (*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐ Dow jones +0.15%, S&P500 -0.01% Nasdaq +0.35% จาก โดยดัชนี S&P500 กลุ่มที่นำตลาด คือ กลุ่ม Tech และ High Growth อาทิ sector IT, Consumer Discretionary, ICT ฯลฯ

• (*) US Econ : ตัวเลขเศรษฐกิจภาคผลิต(Manufacturing) สหรัฐยังมีสัญญาณที่อ่อนแอ อาทิ 1)Industrial Production เดือน พ.ย.-0.39%y-y แต่ +0.24%m-m ปัจจัยหลักมาจาก Nondurable Manufacturing ติดลบทุกรายการยกเว้นหมวดยานยนต์ที่กลับมา +7.12%m-m หลังจากสิ้นสุดการ Strikes ไปเมื่อเดือนที่แล้ว 2) Fed สาขา New York เผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) เดือน ธ.ค. ลงแรงสู่ -14.5 จุดต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าที่ตลาดคาด +2.0 จุด prev. +9.1 จุดในเดือน พ.ย.23 3) สถาบัน S&P Global รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิต(ตัวเลขเบื้องต้น) เดือน ธ.ค. ลดลงต่อมาอยู่ที่ 48.2 ต่ำกว่าคาดและต่ำสุดตั้งแต่ ก.ย.23 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐฝั่งภาคบริการยังแข็งแกร่งสะท้อนผ่านรายงาน PMI ภาคบริการ(S&P)เดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ 51.3 จุด สูงสุดตั้งแต่ ส.ค.23

•(*) Fed Speak : John William ประธานFed สาขา New York (Voter) เผยยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า KCS ประเมิน Negative Sentiment ต่อตลาดหุ้นระยะสั้น ประเมินมุมมองวงจรดอกเบี้ยสหรัฐปี 2024 เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเป็นขาลง สะท้อนผ่าน Dotplot ในการประชุม Fed ล่าสุดสะท้อนคณะกรรมการ Fed ส่วนใหญ่

• (*) War : ปลายสัปดาห์กลุ่มกบฏฮูตี(หนุนจากเยเมน) โจมตีเรือที่เคลื่อนผ่านเส้นทางช่องแคบบับเอลมันเดบ (Bab-el-Mandeb Strait) ในทะเลแดง เส้นทางเดินเรือรหว่างยุโรปและเอเชีย ส่งผลให้ Maersk บริษัทขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่ที่สุดในโลกสัญชาติเดนมาร์กรวมถึงบริษัทเดินเรือรายใหญ่ MSC ของอิตาลี-สวิตเซอร์แลนด์และบริษัท CMA-CGM จากฝรั่งเศสได้ประกาศระงับการเดินเรือในเส้นทางช่องแคบเอลมันเดบ ระยะสั้น KCS ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกหนุนค่าระวางเรือ Container มีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นต่อตัวเลขล่าสุด 14 ธ.ค. อิง เส้น Shanghai to Rotterdam อยู่ที่ 1,442 +23.1%mtd มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นเรือ อาทิ RCL รวมถึงกลุ่มขนส่งโลจิสติกส์ ที่รับจัดการขนส่งทางเรือ อาทิ LEO, SONIC, III

•(*/+) China Econ : ตัวเลขกิจกรรมเศรษฐกิจจีนเดือน พ.ย. ออกมาดีกว่าคาดในส่วนของภาคอุตสาหกรรมและเริ่มมีภาพการฟื้นตัวของการลงทุนภาคอสังหาดีกว่าคาดเล็กน้อย 1)ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) +6.6%y-y ดีกว่าคาดที่ +5.7%y-y 2)ดัชนีค้าปลีก (Retail Sales) +10.1%y-y ต่ำกว่าคาดที่ +12.5%y-y แต่สูงกว่าเดือนก่อนที่ +7.6%y-y 3)การลงทุนในสินทรัพย์คงทน (Fixed Asset Investment Ex Rural) +2.9%y-y ytd ต่ำกว่าคาดที่ +3.0%y-y ytd เล็กน้อย 4) การลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ (Property Investment) -9.4%y-y ytd หดตัวต่ำกว่าคาดที่ -9.5%y-y ytd KCS ประเมินตัวเลขที่สูงกว่าคาดและดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจจีนที่ออกมาเป็นภาพบวกและคาดจะฟื้นตัวได้ต่อ ทำให้เราแนะนำหุ้นกลุ่ม China Plays อาทิ SCGP , PTTGC, IVL, DOHOME, GLOBAL

(*/+) China -US Tradewar : รัฐบาลจีนขยายคำสั่งห้ามใช้ IPhone -Samsung ในหน่วยงาน-บริษัทของรัฐทั่วประเทศ(เป็นประเด็นเดิมที่เคยเกิดขึ้นในปี 2023 แต่เป็นการขยายความเข้มงวด) มองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้น Tech ในสหรัฐระยะสั้น ในทางตรงข้ามมองเป็นบวกต่อกลุ่มนิคม อาทิ AMATA, WHA

• (*) To monitors : 19 ธ.ค. ประชุม BOJ คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับ -0.1% 21 ธ.ค. ยอดส่งออก&นำเข้า 20 วันแรก ธ.ค. vs prev. ส่งออก -6.2%y-y นำเข้า +2.2%y-y Taiwan Trade: 20 ธ.ค. ยอดคำสั่งซื้อสินค้าส่งออก พ.ย. เดือนก่อน -4.6%y-y ฝั่งจีนตลอดอาทิตย์ติดตาม ธนาคารกลางจีนมีโอกาสดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในช่วงปี 2024 (คาดอย่างเร็วคือ ต้น 1Q24) คาดหมายจะเห็นมาตรการ QE

• (*) US Bond & Dollar : แนวโน้มยังเป็นขาลงชัดเจน วันศุกร์อายุ 10 ปี ปรับลงต่อเล็กน้อย -1 bps อยู่ที่ 3.91% ยกเว้น 2 ปี ปรับขึ้น +7 bps อยู่ที่ 4.44% ขณะที่ Dollar Index ระยะสั้น Rebound แข็งค่าบริเวณ 102.1+/- จุด

• (*/+) Oil : Brent -0.08%d-d ปิดที่ US$ 76.55 /barrel, West Texas -0.21%d-d ปิดที่ US$ 71.43 /barrel

 

What happened in Thailand?

• (*/+) SET: SET ปรับตัวขึ้นต่อ +0.88% กลุ่มหนุน คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, PTTEP, EA, GPSC) โรงไฟฟ้าปรับขึ้นจากจิตวิทยาบวกเงินบาทแข็งค่าเร็ว PTTEP หนุนจากน้ำมันฟื้นตัว +3.2% กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, BJC) มองได้ประโยชน์กำลังซื้อจากวงจรดอกเบี้ยกำลังเข้าสู่ขาลง กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, HANA) จิตวิทยาลบเงินบาทแข็งค่าเร็ว กลุ่มรับเหมา (CK, ITD) กระทบจากจิตวิทยาลบราคาน้ำมัน +3.2%

• (+) Flow : เงินทุนต่างชาติไหลเข้า ซื้อหุ้น +91.7 ล้านเหรียญฯ ทั้งนี้ ยอดซื้อดังกล่าวไม่รรวมยอด Rebalance ของดัชนี FTSE ที่เป็น Net Sell ราว -57.5 ล้านเหรียญฯ หากรวมประเมินจะเป็นยอดซื้อหุ้นสูงถึงราว +149.2 ล้านเหรียญฯ เป็นการซื้อใน 1 วันสูงสุดตั้งแต่ 15 ก.พ. 23 ขายพันธบัตร -6.26 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Long ที่ 6,455 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยสู่ 34.9 +/- บาท

• (*/+) SET50/100 Rebalance: KCS คาดช่วงสัปดาห์นี้ – สัปดาห์หน้า SET จะประกาศรายชื่อหุ้นเข้า - ออก SET50/100 ชุดใหม่ ทั้งนี้ ปัจจุบันเราประเมิน ดังนี้

หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 SET100 กลยุทธ์แนะนำซื้อ KCE และ เก็งกำไร ITC, RBF, ICHI และให้เลี่ยงหุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET50-SET100 เนื่องจากมีความเสี่ยงในการลดน้ำหนักจาก Index Fund

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 1 บริษัท คือ KCE (โอกาส 100%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 1 บริษัท คือ TLI (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 10 บริษัท คือ ITC, BA, SAPPE, SISB, RBF, ICHI, JAS, MOSHI, TKN, SC

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 10 บริษัท คือ ACE, CKP, MBK, PSL, SABUY, STEC, THANI, THG, TIPH, TLI

Note1: เราให้น้ำหนักที่ DELTA (โอกาสอยู่ต่อ 90%) และ INTUCH (โอกาสอยู่ต่อ 70%) จะอยู่ในดัชนี SET50 ต่อ ด้วยเหตุผลการสร้างดัชนีที่มีเสถียรภาพ (หุ้นทั้ง 2 มีขนาดใหญ่ Top 20 ของตลาดหุ้นไทย และด้านสภาพคล่องนั้นค่อนข้างใกล้เกณฑ์) ทั้งนี้หาก DELTA และ INTUCH หลุด หรือตัวใดตัวหนึ่งหลุด หุ้นที่มีโอกาสเข้ามาแทนคือ ITC (โอกาสเข้า 30%) และ BCP (โอกาสเข้า 10%) ตามลำดับ

กลยุทธ์ แนะนำ ซื้อ หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 คือ KCE เด่นสุด ตามมาด้วยเก็งกำไร ITC, RBF, ICHI ที่มีโอกาสเข้า SET100 และให้เลี่ยงหุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET50-SET100 เนื่องจากมีความเสี่ยงในการลดน้ำหนักจาก Index Fund

• (*/+) TH Tourism: หลังจาก ททท. เดินทาง Roadshow ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ พบว่า นักท่องเที่ยวจีนยังชื่นชอบการเดินทางมาท่องเที่ยวไทยเป็นลำดับต้นๆของโลก แต่ระบุว่าความกังวลความปลอดภัยช่วงที่ผ่านมามีผลกระทบบ้าง แต่การเดินทางไปครั้งนี้เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่น ขณะที่โจทย์ถัดมาคือ การขยายมาตรการฟรีวีซ่า ปัจจุบันกำลังสิ้นสุด 29 ก.พ. 24 ทั้งนี้ เพื่อให้ไม่เกิดข้อเสียเปรียบกับ มาเลเซียที่มีมาตรการดังกล่าวถึงสิ้นสุดปี 2024 และสิงคโปร์ที่ใกล้จะประกาศ เราประเมินรัฐบาลมีโอกาสที่จะต่ออายุมาตรการออกไป มองทำให้เป็นภาพหนุนกลุ่มท่องเที่ยวปี 2024 ต่อ ผสานหุ้นท่องเที่ยวที่ตอบรับความกังวลนักท่องเที่ยวแผ่วระยะสั้นไปจนตลาดได้ลดความคาดหวังแล้ว มองน่าสะสมหุ้นในกลุ่มที่กำไรปี 2024F เติบโตสูง AOT, CENTEL

• (*/+) High potential Business 2024F: กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผย 4 กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเด่นในปี 2024 1) กลุ่มท่องเที่ยว (ร้านอาหาร และ ธุรกิจเกี่ยวกับการประชุม การแสดงสินค้า คอนเสิร์ต) 2) กลุ่มสุขภาพ (ความงาม และดูแลผู้สูงอายุ) 3) กลุ่ม Lifestyle (ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง สิ่งแวดล้อม) และ 4) กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับบริการดิจิทัลและซอฟต์แวร์ มองจิตวิทยาบวกหุ้นที่เกี่ยวโยง อาทิ AOT, CENTEL, KLINIQ, MASTER, ITC, TU, IVL, BE8

• (*/+) Household Debt: ความคืบหน้าการแก้ไขหนี้ครัวเรือนนอกระบบ หลังเปิดลงทะเบียน16 วัน ล่าสุดมีประชาชนลงทะเบียน 97,803 ราย เจ้าหนี้ 68,546 ราย มูลหนี้ 5.79 พันล้านบาท พบว่า กลุ่มหนี้ที่ทยอยแก้ไขได้เร็ว คือ กลุ่มที่จ่ายดอกเบี้ยจนสูงกว่าเงินต้นแล้ว (ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขที่การแก้ไขสำเร็จ) มองจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มอิงบริโภค CPALL, CPAXT, DOHOME กลุ่มเช่าซื้อ JMT, SAWAD

• (-) Property: สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เผยว่าในปี 2024 ธนาคารเพิ่มความเข้มงวด+ระมัดระวังต่อการให้สินเชื่อบ้านกลุ่ม 1-3 ล้านบาท เพราะเริ่มมีปัญหาการชำระหนี้ ขณะที่ฐานดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ยังทำให้ยอดปฏิเสณะสินเชื่อใหม่กลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้น มองลบและเป็นความเสี่ยงที่กำไรระยะถัดไปกลุ่มอสังหาฯ จะเกิด Downside โดยดัชนี SETPROP YTD ปรับตัวลง -17.4% ใกล้เคียง SET เชิงกลยุทธ์ ตั้งรับกลุ่มที่จับตลาดระดับบนเป็นหลัก อาทิ SC SIRI

 

 

Daily Strategy : CPALL, SCGP, IVL

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways Up" แรงขับเคลื่อนหลักความคาดหวังเชิงบวกต่อสภาพคล่อง (Liquidity) โลกที่เพิ่มขึ้น 1) ความเชื่อมั่นวงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลงนับจากปี 2024 2) ลุ้นมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) จีนที่นักเศรษฐศาสตร์โลกเริ่มประเมินความเป็นไปได้ที่จะเห็นเพิ่มสูงขึ้น ฟื้นฟูองค์ประกอบที่ยังสร้างปัญหาเศรษฐกิจ และ 3) ภาคเศรษฐกิจจีนบางส่วนเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด มองหุ้นนำ กลุ่มได้ประโยชน์วงจรดอกเบี้ยกลับทิศ กลุ่มเชื่อมโยงจีน

 

หุ้นได้รับประโยชน์มาตรการฟรี วีซ่าจีน รัสเซีย ไต้หวัน อินเดีย (CPALL, CPAXT, ERW, ADVANC, ERW, CRC)
หุ้นกลุ่มเก็งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ Digiial Wallet+E-Refund, เร่ง FDI และ สร้าง S Curve จาก Soft Power (CPALL, CPAXT, CRC, DOHOME, GLOBAL, ADVANC, WHA, AMATA, MAJOR)
หุ้น China Plays ที่เริ่มเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแรงขึ้นและเริ่มเห็นการฟื้นตัวภายใน (PTTGC, IVL, SCGP, DOHOME, GLOBAL, AOT, ERW)
หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกเริ่มฟื้น และพอประคองได้ (KCE, IVL, SCGP, PTTGC, SJWD, MENA, WICE)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC ,SAWAD, JMT, CPALL, TRUE, MINT, ERW, CK, BGRIM)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์น้ำมันแกว่ง 80 +/- เหรียญฯ ภายใต้ภาพความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มโตแผ่ว จีนค่อยๆฟื้นตัว ขณะที่การคุมซัพพลายต่อเนื่อง (CPALL, CPAXT, SCGP, GULF, IVL, TASCO)

• DEC23 Best Picks: AOT, CPALL, BGRIM, GPSC, IVL, SCGP, SAWAD

• 4Q23 Stock Picks : AOT, ERW, CPAXT, BCH, WHA, SCB, KCE, PTT, SCGP, IVL, JMT Mid-Small Cap Play : SPA, BE8, GLOBAL, TNP