Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

351

 

เงินเฟ้อต่ำ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสูง
วานนี้มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ 2 รายการเริ่มจากอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย.66 ซึ่งออกมา -0.44% YOY ต่ำกว่าคาด ขณะที่มุมมองเงินเฟ้อปี2567 คาดอยู่ในกรอบ -0.3 - +1.7% YOY สะท้อนว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินนโยบายการเงินผ่อนคลาย โดยเราเชื่อว่าในปี 2567 มีโอกาสที่จะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่งตลาดการเงินก็ได้สะท้อนแนวโน้มดังกล่าว โดยการที่ BOND YIELD แทบทุกตัว (เว้นแต่ BONB YIELD 10ปี) ล่าสุดปรับลดลงมาต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อีกตัวเลขหนึ่งเป็น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เดือน พ.ย. ออกมาสูงสุดในรอบ 45 เดือน และหากมองแนวโน้มต่อไปคาดว่าจะเห็นการปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเกิดจากแรงกระตุ้นของมาตรการภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น EASY E-RECIPT ทิศทางดังกล่าวน่าจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก ซึ่งปัจจุบันยังอยู่บนฐานที่ต่ำปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานที่กล่าวมาข้างต้น ยังคงมีน้ำหนักในทางบวกต่อ SET
INDEX และน่าจะทำหน้าที่เป็นตัวจำกัด DOWNSIDE วันนี้ ประเมินกรอบ 1375 –1393 จุด หุ้น TOP PICK เลือก GULF, PLANB และ TISCO

 

เงินเฟ้อไทยต่ำ!! เปิดทางให้ใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย
วานนี้กระทรวงพาณิชย์เผยเงินเฟ้อทั่วไปของไทย (CPI) เดือน พ.ย. -0.44%YOYลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และต่ำสุดในรอบ 33 เดือน การหดตัวหลักๆ ต่อเนื่องจากมาตรการลดค่าครองชีพ รวมถึงราคาพลังงานปรับตัวลดลง บวกกับเนื้อหมู ไก่สดและน้ำมันพืช ราคาต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 11 เดือนแรก+1.33%AOA ส่วน CORE CPI ล่าสุด +0.58 %YOY ต่ำสุดในรอบ 22 เดือนขณะที่กระทรวงพาณิชย์ คาดว่าเงินเฟ้อไทยเดือน ธ.ค.66 มีแนวโน้มลดลงจากราคากลุ่มอาหาร และยังอยู่ในช่วงที่ภาครัฐช่วยลดค่าน้ำมัน-ค่าไฟ บวกกับฐานราคาช่วงเดียวกันของปี 2565 อยู่ในระดับสูง พร้อมกันนี้ยังได้ประเมินเงินเฟ้อไทยปี 67 เฉลี่ยอยู่ที่ 0.7%YOY (-0.3 ถึง 1.7%)ซึ่งได้รวมแรงกระตุ้นนโยบาย DIGITAL WALLET แล้ว


ทั้งนี้ในปี 2567 ถึงแม้รัฐบาลจะอัดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ อาทิ DIGITALWALLET, ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น แต่เงินเฟ้อไทยยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ จึงเชื่อว่าจะช่วยหนุนให้ กนง. ใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น และไม่น่าเป็นอุปสรรคต่อการลดดอกเบี้ยในปีหน้าแล้ว

สำหรับสัญญาณก่อนการปรับลดดอกเบี้ยในอดีต มักจะเห็น BOND YIELD ไทยระยะสั้น และยาว (อายุ 1-10 ปี) ที่ย่อตัวลงมากว่าดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบัน BOND YIELD ไทยระยะสั้น (1-4 ปี) ได้ปรับตัวลงมาต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ส่วน BOND YIELD ไทยระยะยาว (10 ปี) ล่าสุดอยู่ที่ 2.88% ยังอยู่เหนือดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% ทำให้ผลต่างระหว่าง BOND YIELD 10 ปี – POLICY RATE ของไทยอยู่ที่ 0.38% ซึ่งเข้าใกล้ศูนย์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจเป็นการสะท้อนมุมมองตลาดได้ว่าดอกเบี้ยบ้านเรามีโอกาสเข้าสู่ภาวะขาลงในอีกไม่ช้าน

 

สรุป ความกังวลเรื่องเงินฝืดอาจกดดัน SET INDEX ย่อตัวช่วงสั้นๆ แต่ในระยะถัดไปยังมีโอกาสฟื้นตัว หาก กนง. และรัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายและนโยบายการคลังที่เข้มข้นขึ้น อาทิ DIGITAL WALLET, ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น รวมถึงเศรษฐกิจไทยปีหน้ายังมีแนวโน้มขยายต่อเนื่องที่ 2.7 -3.7% ระยะสั้นแนะนำหุ้นที่ได้แรงหนุนจากประเด็นนี้ MTC, TIDLOR, THANI, ASK,AP, SPALI, TISCO, KKPCCI สูงสุดในรอบ 45 เดือน หุ้นกลุ่ม COMM มีโอกาสOUTPERFORM ระยะถัดไป

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค(CCI) เดือน พ.ย. 66 อยู่ที่ระดับ 60.9 จุด ปรับตัวดีขึ้นจากเดือน ต.ค.66 ที่ระดับ 60.2 จุด และเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4ซึ่งถือว่าดัชนีปรับตัวสูงสุดในรอบ 45เดือน นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 63เป็นต้นมา สำหรับปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาประชาชน โดยเฉพาะการปรับลดราคาพลังงาน และการยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยว, จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากขึ้นหลังจากเปิดประเทศ, การส่งออกของไทยที่ดีกว่าคาด และความคาดหวังของประชาชนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหากพิจารณาในเชิงราคา จะเห็นได้ว่าดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่ส.ค.64 – ปัจจุบัน สวนทางกับดัชนี COMM ที่ทยอยปรับตัวลงในช่วงเวลาเดียวกัน(กรอบสีแดง) ซึ่งนับจากอดีต(ในกรอบสีเขียว)ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค มักแปนผันตรงกับดัชนี COMM เสมอ

ขณะที่ปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่ม COMM ในระยะถัดไป คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทั้ง EASY E-RECEIPT และ DIGITAL WALLET คาดช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้โตเกิน 5%YOY และทำให้ประชาชนมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในช่วง1H67 ขณะที่ในเชิง VALUATION ถือว่าไม่แพง โดยในมุมของ PE กลุ่มที่อยู่ระดับ27.16 เท่า ซึ่งถูกกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่อยู่ระดับ 32.45 เท่า และ UPSIDE ของหุ้นในกลุ่มส่วนใหญ่สูงกว่า 20% ทั้งสิ้น
โดยหุ้นในกลุ่มดังกล่าว ที่ฝ่ายวิจัยฯ ชื่นชอบ คือ CPAXT, HMPRO, COM7, CRC,CPALL เป็นต้น

สรุป การปรับตัวขึ้นระดับสูงสุดในรอบ 45 เดือนของ CCI คาดเป็นตัวเร่งให้ดัชนีCOMM ฟื้นตัวเด่นในระยะถัดไป เฉกเช่นข้อมูลที่สอดคล้องกันในอดีต ขณะที่นโยบายภาครัฐฯยังคงเน้นไปที่การจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ทั้งนโยบาย EASY ERECEIPT และ DIGITAL WALLET คาดเป็นแรงหนุนอีกหนึ่งปัจจัยใหดัชนี COMMOUTPERFORM กลุ่มอื่นๆ โดยหุ้นในกลุ่มดังกล่าว ที่ฝ่ายวิจัยฯ ชื่นชอบ คือ CPAXT,BJC, HMPRO, COM7, CRC, CPALL เป็นต้น
หาหุ้นมี ESG RATING ดี กำไรปีหน้าโตเด่น น่าลงทุนในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนทั่วโลกยอมรับความเสี่ยงในตลาดหุ้นไทยได้น้อยกว่าประเทศอื่นๆ สะท้อนได้จากตลาดหุ้นไทยปีนี้ปรับตัวลงลึกถึง -17.38%YTD (ตลาดหุ้นโลกMSCI ACWI +15%YTD) พร้อมกับ MEYG ตลาดหุ้นไทยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4%กว้างกว่าประเทศอื่นๆ


อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยฯประเมินว่า SET INDEX อยู่ในระดับที่น่าสนใจในการสะสมแล้วและความเชื่อมั่นรวมถึงมูลค่าซื้อขายมีโอกาสค่อยๆทยอยกลับมา ด้วยปัจจัยต่างๆดังนี้
1. VALUATION ตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ปัจจุบันที่ดัชนี 1378 จุด มีP/E ที่ถูกมากเพียง 13.8 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 18.8 เท่า)

2. ตลาดหุ้นไทยมักจะไม่ลบ 2 ปีติดต่อกัน และปีนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไป -17%YTD (เป็นปีที่ลดลงมากสุดอันดับที่ 7 จากทั้งหมด 49 ปีที่ผ่านมา) น่าจะมีโอกาสฟื้นได้ในปีหน้า

3. ความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยน่าจะค่อยๆ กลับมา จากความหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังที่เข้มข้นขึ้น รวมถึงนโยบายการเงินที่ผ่อน
คลายมากขึ้น หนุนกำไรปี 2567 มีโอกาสเติบโตได้ดีถึง 12.6% โดยมีกลุ่มหุ้นที่ลงแรงปีนี้ แต่คาดกำไรเติบโตเด่นปีหน้า น่าลงทุน คือ PETRO, MEDIA,CONS, FIN, COMM เป็นต้น

4. ช่วงที่เหลือของปีคาดหวังเม็ดเงินจากกองทุน THAILAND ESG FUND หนุนตลาด 1 – 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากย้อนไปดูข้อมูลในอดีต พบว่า ดัชนีSETESG ชนะ SET ทุก TIME FRAME ทั้งระยะ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน 1 ปีและ 3 ปี และมีโอกาส OUTPERFORM ต่อเนื่อง จากการที่นักลงทุนตระหนักและให้ความสำคัญเรื่อง ESG มากขึ้นเรื่อยๆ หนุนให้เม็ดเงินใหม่ทยอยเข้ามาหนุนตลาดหุ้น

ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการคัดกรองหาหุ้นที่มี ESG RATING ดี และหุ้นกำไรปีหน้าโตเด่น น่าทยอยสะสมลงทุน คือ PTTGC, CPALL, CRC, IVL, PLANB, BJC, MTC, CK,STEC, TIDLOR

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้