AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ประคองฐาน
กลยุทธ์เลือกหุ้นปันผลสูงหรือESG สูง

Market Strategy
ปัจจัยแวดล้อมเป็นบวกขึ้นมาเล็กน้อยจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่กลับมายืนในแดนบวกช่วง 0.17% ถึง 1.37% จากการรายงาน Initial Jobless Claim เพิ่มขึ้น 2.2 แสนตำแหน่ง ใกล้เคียงตลาดคาด ด้านน้ำมันดิบ Brent ปิดทรงตัวทำให้แรงกดดันต่อกลุ่มพลังงานเบาลง

การส่งออกจีนเดือน พ.ย. ขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือนที่ 0.5%YoY และดีกว่าตลาดคาดทรงตัว สะท้อนถึงภาพเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม การนำเข้าที่ -0.6%YoY ต่ำกว่าตลาดคาดขยายตัว 3.3%YoY อาจเป็นสัญญาณลบชี้นำต่อตัวเลขภาคส่งออกบ้านเราในเดือน พ.ย.

การรายงานเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือน พ.ย. หดตัว -0.44%YoY แต่เรามองเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะการปรับลงของเงินเฟ้อฯ มาจากจากค่าไฟ ค่าน้ำมันเป็นผลจากมาตรการรัฐฯ ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวได้ 0.58%YoY
สภาพแวดล้อมข้างต้นประเมินทิศทาง SET Index วันนี้พักตัวโดยมี Downside จำกัดตามกรอบ 1370-1390 จุด กลยุทธ์เลือกหุ้นที่ ESG สูงหรือปันผลสูง

Market Summary
SET Index วานนี้ปรับลง 10.82 จุด จากนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนัก 3.98 พันล้านบาท โดยกลุ่มที่กดดันมาจากกลุ่มพลังงานที่ปรับลงตามราคาน้ำมันดิบนำโดย PTTEP -1.75% , BANPU -5.41% และ BCP -3.39% ขณะที่กลุ่มที่ปรับขึ้นสวนทางคือกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงานลง อย่างกลุ่มวัสดุก่อสร้าง +0.47% และกลุ่มท่องเที่ยวโรงแรม +0.6%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ HMPRO, INTUCH

INTUCH ปันผลเด่น
เราเริ่มต้นวิเคราะห์หุ้น INTUCH ด้วยคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4-5% ในปี 66-68E และยังมีอัพไซด์จากรายได้เงินปันผลจากการลงทุนในอนาคต แม้เราคาดว่ากำไรหลักของ INTUCH ทั้ง 100% จะมาจาก ADVANC ในปี 66 แต่ INTUCH ก็กำลังแสวงหาการลงทุนในบริษัทต่างๆ เพื่อเพิ่มแหล่งรายได้จากเงินปันผล
ราคาเป้าหมายอิงวิธี SOTP ของ INTUCH อยู่ที่ 80.7 บาท ซึ่งได้มาจากมูลค่ายุติธรรมของ ADVANC เป็นหลัก โดย INTUCH มี ESG Rating ที่ระดับ AA จึงมีโอกาสที่ได้แรงซื้อจากกองทุน TESG อีกด้วย
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 80.70 บาท

HMPRO หุ้นดีที่ถูกลืม
คาดกำไร 4Q66 จะปรับขึ้นได้ QoQ และ YoY จากการเข้าสู่ช่วงเทศกาลจับจ่ายปลายปี
ส่วนปีหน้าเรามองทิศทางผลประกอบการยังเติบโตได้จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ นอกจากนี้จะได้ประโยชน์จากมาตรการ Easy e-Receipt เนื่องจากรายได้ภายในประเทศคิดเป็นสัดส่วน 98%,สาขาครอบคลุมทั้งในกรุงเทพ/ต่างจังหวัดและค่าใช้จ่ายต่อบิลสูง ซึ่งมองเป็น Upside ต่อประมาณการในปีหน้า โดยพบว่าทุก 1% ที่เพิ่มขึ้นของ SSSG หนุน EPS ปรับขึ้น 1.8%
HMPRO มี ESG Rating ที่ระดับ AA มีโอกาสที่ได้แรงซื้อจากกองทุน TESG
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 18.00 บาท

KEY FACTOR
แนวโน้ม SET Index น่าจะลุ้นประคองตัวและเริ่มค่อยๆ สร้างฐานบริเวณ 1380 จุด +/- แม้จะโดนแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่หดตัว -0.44% YoY ต่ำกว่าที่ Consensus คาด -0.3% YoY อย่างไรก็ตามหากพิจารณาตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานที่ +0.58% YoY ใกล้เคียงคาด +0.6% YoY สะท้อนว่าการปรับตัวลงมาจากอิทธิพลของราคาพลังงานเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ถือว่าฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
นอกจากนี้ในวันนี้กองทุนเพื่อความยั่งยืน จะเริ่มเปิดขายเป็นวันแรก ซึ่งน่าจะทยอยหนุนเม็ดเงินลงทุนสถาบันฯ เข้าพยุงดัชนี ทั้งนี้ หากพิจารณาจากรายชื่อกองทุนที่จะเปิดขายพบว่าเงื่อนไขในการเลือกหุ้นเพื่อการลงทุนของ บลจ. ขนาดใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรก (SCBAM, KASSET, BBLAM, KTAM, Krungsri) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนแบบ Active เลือกหุ้นตามปัจจัยพื้นฐาน แต่หลายกองทุนมีเงื่อนไขบางอย่างที่ถูกระบุอยู่ในนโยบายกองทุนที่คล้ายกัน ประกอบด้วย 1) อ้างอิงตาม ESG Rating มากกว่า A ขึ้นไป 2) หุ้นที่มี Market Cap ใหญ่ที่สุด 50 อันดับแรกใน SETESG Index 3) Passive อิงดัชนี SETESG 4) หุ้น SET100 ที่มี ESG Rating ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับข้อมูลในบทวิเคราะห์ Thematic “กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืนและหุ้นที่ได้ประโยชน์” โดยมี Top picks คือ KBANK, SCGP, RBF

หุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุน TESG
-มี ESG Rating ตั้งแต่ A ขึ้นไป
-มีปริมาณการซื้อขายต่อวันเฉลี่ยสูงกว่า 300 ลบ./วัน
-มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงที่สุด 20 อันดับแรก
-คาดว่าจะอยู่ใน SETESG Index รอบ 1H67

EYES ON
8 ธ.ค. เริ่มขายกองทุน TESG, การจ้างงานนอกภาคเกษตร

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ