AT THE OPEN (#ATO)

SET Index พัก…ยังมองเป็นโอกาสตั้งรับ
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

Market Strategy
คาด SET Index พักในกรอบ 1370-1390 จุด รายงาน JOLTS Job Openings เดือน ต.ค. อยู่ที่ 8.7 ล้านตำแหน่งเป็นระดับต่ำสุดนับจาก มี.ค.64 สะท้อนภาคแรงงานเริ่มชะลอความร้อนแรงและความเสี่ยงเงินเฟ้อฯ แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้เริ่มชินชาปิดบวก/ลบในช่วง -0.02% ถึง +0.31% หลังตอบสนองเชิงบวกกับประเด็นนี้ไปมากและให้น้ำหนักไปที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร พ.ย.ในวันที่ 8 ธ.ค.66

วานนี้ Moody’s ปรับมุมมองต่อพันธบัตรรัฐบาลจีนจาก Stable เป็น Negative จากการใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลังต่อการแก้ปัญหารัฐบาลท้องถิ่นและภาคอสังหาฯ ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ แต่ยังคงอันดับเครดิตเรทติ้งที่ A1 ตามเดิม กดดันตลาดหุ้นจีนวานนี้ปรับลง 1.9% เราเชื่อจะเป็นความผันผวนระยะสั้น แต่ระยะกลาง-ยาวให้น้ำหนักไปที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนมากกว่า ซึ่งวานนี้มีสัญญาณบวกจากดัชนี CAIXIN ภาคบริการเดือน พ.ย. ทำจุดสูงสุดรอบ 3 เดือน 51.5 มากกวาตลาดคาด 50.7

การประชุม ครม. ล่าสุดเห็นชอบมาตรการ Easy e-Receipt (e-Refund เดิม) มีผล 1 ม.ค.-15 ก.พ. 67 ซึ่งเป็นบวกหุ้นกลุ่มค้าปลีก

Market Summary
SET Index วันจันทร์ที่ผ่านมาปรับขึ้น 0.23% ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 3.55 หมื่นล้านบาท หนุนหลักมาจากการรีบาวน์ของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับลงในช่วงก่อนหน้าอาทิ กลุ่มขนส่งได้แรงหนุนมาจาก AOT ที่รีบาวน์ +2.56% กลุ่มโรงพยาบาลได้แรงประคองจาก BDMS ที่ปรับขึ้น 1.94% และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้น 0.39% นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 979 ล้านบาท ด้านนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อบางๆ 8.88 ล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BDMS , PTT

PTT ถูกเกินไป
เราคาดกำไรปกติในช่วง 2567-68Fเติบโตเฉลี่ย 8% ขับเคลื่อนจากอัตราการทำกำไรของธุรกิจก๊าซที่เพิ่มขึ้นจากผลบวกของต้นทุนราคาก๊าซลดลงและการเติบโตของกำไรของบริษัทลูก
นอกจากนี้ระดับราคาปัจจุบันให้ผลตอบแทนเงินปันผลในระดับสูง 5.3-6.2% ระหว่างปี 2566-68F เป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside
PTT ซื้อขายบน PBV 0.91x ต่ำกว่า PTTEP ที่ PBV 1.12x หรือ Discount อยู่ที่ 0.21x ถือเป็นระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ PTT ซื้อขายบน PBV Premium กว่า PTTEP อยู่ 0.11x จึงมีโอกาสเม็ดเงินเข้ามาที่ PTT มากขึ้น จากในมุม Valuation ที่ถูกเกินไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 42.00 บาท

BDMS ราคาไม่สะท้อนผลประกอบการ
กำไรยังมีแนวโน้มเติบโต จากการขยายทั้งผู้ป่วยต่างชาติและผู้ป่วยในประเทศได้ประโยชน์จากสาขา ร.พ. ที่ครอบคลุม ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีแผนขยายตลาดไปกลุ่มผู้ป่วยประกันสังคม โดยตั้งเป้าผู้ประกันตน 1 ล้านรายในปี 2025 และการเพิ่ม intensity รักษาโรคซับซ้อนตามการขยายของ ร.พ. เครือข่ายที่เป็นศูนย์เฉพาะทาง (Center of Excellent)
ด้านราคาหุ้นปรับลด -10%YTD สวนทางกำไรปี 66-67F ที่มีแนวโน้มเติบโต 7%-9% ขณะที่กำไร 9M66 คิดเป็น 77% ของ Consensus จึงคาด Downside ในการปรับลงจำกัด
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 27.50 บาท

KEY FACTOR
ช่วงที่เหลือของสัปดาห์ติตดามการรายงานตัวเลขภาคแรงงาน

ในวันนี้ (6 ธ.ค.) และต่อเนื่องวันไปจนปลายสัปดาห์ (8 ธ.ค.) ทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกน่าจะกลับมาจับตาการรายงานตัวเลขภาคแรงงานรายเดือนของสหรัฐฯ ประกอบด้วย การจ้างงานเอกชน ADP (คาด 1.3 แสนราย) การจ้างงานนอกภาคเกษตร (คาด 1.9 แสนราย) และอัตราการว่างงาน (คาด 3.9%) ซึ่งแม้ว่าตัวเลขทรงตัว-ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า แต่ภาพรวมยังถือว่าภาคแรงงานสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยง และน่าจะทำให้มุมมองตลาดยังคงให้น้ำหนัก โอกาสดอกเบี้ยผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว และมีโอกาสปรับลงเร็วกว่าคาด

ในขณะที่ปัจจัยในภูมิภาคเอเชียที่เมื่อวาน (5 ธ.ค.) โดนกดดันจาก sentiment เชิงลบ Moody’s ปรับ Outlook จีนจาก Stable เป็น Negative ให้น้ำหนักความเสี่ยงทางการคลัง ซึ่งกดดันดัชนี Shanghai Composite Index ปรับตัวลง -1.67% ส่วน Hang Seng Index ปรับตัวลง -1.91% อย่างไรก็ตามหุ้น ASEAN แกว่งในกรอบแคบ -0.4% ถึง +0.39% และหากพิจารณาจากสถิติในอดีตที่ Moody’s ปรับ Outlook จีนลง 1) 24 พ.ค. 2560 (ปรับลด Rating จาก Aa3 เป็น A1) 2) 2 มี.ค. 2559 (คง Rating ที่ Aa3 แต่ปรับ Outlook จาก Stable เป็น Negative) 3) 16 เม.ย. 2556 (คง Rating ที่ Aa3 แต่ปรับ Outlook จาก Positive เป็น Stable) โดยทั้งสามครั้งดังกล่าวตลาดหุ้นไทยและจีนปรับตัวขึ้นให้ผลตอบแทนเป็นบวกหลังผ่านไป 1 เดือน ก่อนจะให้น้ำหนักแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงถัดไปเป็นตัวสำคัญ

Eyes On
5 ธ.ค. Caixin PMI บริการ
6 ธ.ค. การจ้างงานภาคเอกชน ADP
7 ธ.ค. นำเข้าส่งออกจีน
8 ธ.ค. เริ่มขายกองทุน TESG, การจ้างงานนอกภาคเกษตร