"China + Anti-Commodities Plays"

 

KCS Daily Strategy : คาดตลาด "Sideways/Up" ต้าน 1425/1431จุด รับ 1406/1400จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขึ้นต่อ เป็นวันที่ 11 ในรอบ 13 วันทำการ จากความเชื่อมั่นต่อวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุด ขณะที่ความร้อนแรงของเศรษฐกิจค่อยๆ ชะลอลง ล่าสุดยอดค้าปลีก ต.ค. 2023 ลดลง -0.1%m-m ดีกว่าคาดเล็กน้อย แต่ชะลอจาก prev. +0.9% ผสานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯสูงกว่าคาด กดดันราคาน้ำมัน -2.0% ส่วนเอเชียมีภาพบวกจากจีนที่เริ่มฟื้นตัว และสัญญาณท่าทีของ Xi ต่อ Biden ที่อยากฟื้นความสัมพันธ์ของชาติ ขณะที่ภายในเศรษฐกิจไทย 4Q23 เริ่มเร่งตัว และมีสัญญาณ S Curve ใหม่ ด้านดิจิทัล หลังภาครัฐพยายามดึงการลงทุนสู่ภายใน ล่าสุด Fund Flows มีสัญญาณบวกซื้อทั้งหุ้นและพันธบัตรไทย อีกทั้ง Long TFEX +49,278 สัญญา สูงสุดตั้งแต่ 15 มี.ค. 2023 หนุน SET ฟื้นต่อ กลุ่มเด่นวันนี้ คือ กลุ่ม Anti-Commodities กลุ่มอิงจีน และ Digital แนะนำ SCGP, PTTGC, GULF

 

Daily outlook : "Sideways/Up" ต้าน 1425/1431จุด รับ 1406/1400จุด

What happened around the world ?

• (*/+) US Stocks : Dow jones 0.47%, S&P500 0.16% New high ตั้งแต่ ก.ย.23 Nasdaq 0.07% S&P500 หลักๆหนุนจากกลุ่ม Consumer staple, ICT, Financial

•(*-) US Econ : 1)Retail Sales ต.ค. อยู่ที่ -0.1%m-m ดีกว่าคาด แต่ชะลอแรงจาก prev. +0.9% หมวดที่หดตัวได้แก่ Motor Vehicle(-0.95%), Gasoline (-0.27%),หมวดบ้าน Furniture(-2.01%) และ Building Materials(-0.28%) ส่วนที่ปรับตัวขึ้นคือ Electronics (+0.64%), F&B (+0.65), Health & Personal Care (+1.06%) 2)เงินเฟ้อ PPI ต.ค. อยู่ที่ -0.5% ต่ำกว่าคาดที่ 0.1% prev.+0.4%จากหมวดพลังงานที่ลงแรง Core PPI ต่ำสุดตั้งแต่ ม.ค. 21

• (*/+) US Government Shutdown :วุฒิสภาสหรัฐ(senate)วันนี้กำลังพิจารณาการโหวตมติผ่านร่างกฎหมายระดมทุนของประเทศ" (Stopgap Government Funding Bill) (ตลาดประเมินจะผ่าน) หากผ่านและส่งให้ประธานาธิบไบเดนอนุมัติและจะทำให้หน่วยงานของรัฐต่อไปจนถึงวันที่ 19 ม.ค.24 ทำให้ความกังวลที่จะเกิด Government shutdown คลีคลาย

•(*/)China Econ : ตัวเลขกิจกรรมเศรษฐกิจเดือน ต.ค. 1) ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม +4.6%y-y ดีกว่าคาดที่ +4.5%y-y 2)ดัชนีค้าปลีก(Retail Sales) +7.6%y-y ดีกว่าคาดที่ +7.0%y-y ส่วน 3)Fixed Asset Investment Ex Rural +2.9%y-y ytd ต่ำกว่าคาดที่ +3.1%y-y ytd เล็กน้อย 4)Property Investment-9.3%y-y ytd หดตัวสูงกว่าคาดที่ -9.1%y-y ytd KCS ประเมินตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ออกมาเป็นภาพบวกหุ้น China Plays SCGP, IVL, PTTGC, DOHOME, GLOBAL

•(*/) Biden & Xi Jin ping : การพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีไบเดนสหรัฐ – สีจิ้นผิงของจีน ล่าสุดได้พบกัน ก่อนการประชุม APEC โดยโทนออกมาในทิศทางที่บวก key หลักคือ สีจิ้นผิงเผย 1)ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สำคัญที่สุดของโลก และมองจะเติบโตด้วยกันได้ 2.)ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไม่เคยราบรื่นตลอด 50 ปีที่ผ่านมา และมักจะเผชิญกับปัญหาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การหันหลังให้กันไม่ใช่ทางเลือก โดยรวม KCS มองบวกการค้าโลกและหุ้น Global Plays

•(*)Monitor : สหรัฐ 17 พ.ย. ยอดเริ่มสร้างบ้านใหม่ ต.ค. -0.6%m-m 18 พ.ย. ยอดขออนุญาตสร้างบ้าน ต.ค. -1.6%m-m

• (*) US Bond & Dollar : แนวโน้มระยะสั้นรีบาวน์หลังจากปรับลงแรงช่วงก่อนหน้าโดยทิศทางยังเป็นขาลง โดยอายุ 10 ปี ปรับขึ้น +9 bps ปิดที่ 4.53% สอดคล้องกับ 2 ปี ปรับขึ้น +10 bps อยู่ที่ 4.9% ระยะสั้นเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่ม กลุ่มธนาคาร, ประกันชีวิต มองเป็นเพียง Trading ส่วน Dollar Index แข็งค่าเล็กน้อยอยู่บริเวณ 104.2+/- จุด แต่ทิศทางยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ

(•/-) Oil : น้ำมันดิบ Brent -1.54% ปิดที่ US$ 81.07/barrel น้ำมันดิบ West Texas -2.04% ปิดที่ US$ 76.66/barrel แรงกดดันจาก1)ยอดค้าปลีกสหรัฐออกมาชะลอลง 2)ตัวเลขGDP ญี่ปุ่น 3Q23 (รอบที่ 1) ออกมาชะลอ -0.5%q-q แย่กว่าตลาดคาด ชะลอจาก 1.1% ใน 2Q23 3) ปริมาณการกลั่นน้ำมันในจีนชะลอเดือน ต.ค. 4) Stock น้ำมันดิบสหรัฐฯสูงกว่าคาด เป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นพลังงาน อาทิ PTT, PTTEP, BANPU ในทางตรงข้ามบวกต่อหุ้นกลุ่ม Anticommodity อาทิ GULF, GPSC, TASCO

 

What happened in Thailand?

• (*) Flow: เงินทุนต่างชาติไหลออก ซื้อหุ้น +0.14 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +113.3 ล้านเหรียญฯ TFEX เปิด Net Long 49,278สัญญา สูงสุดตั้งแต่ มี.ค. 23 และสูงเป็นอันดับ 3 นับจากปี 2017 เงินบาทแข็งค่า 35.5 +/- บาท

• (*/+) TH Bond: กระแสเงินต่างชาติกลับมาไหลเข้าตลาดพันธบัตรเร่ง วานนี้พลิกซื้อวันแรก ในรอบ 4 วันทำการ ซื้อ 4.0 พันล้านบาท ถ่วง Bond Yield อายุ 10ปีไทย ปรับตัวลง -12 bps สู่ 3.00% ทำให้ปรับลงจากจุดสูงสุดรอบนี้เฉียด -40 bps มองทิศทางดังกล่าวจะเริ่มทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงค่อยๆน่าสนใจมากขึ้น โดยจากการศึกษาของ KCS ทุกๆ -10 bps ของ Bond Yield ที่แกว่งลง จะบวกต่อหุ้นราว 25 +/- จุด มองหุ้นน่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มที่ได้ประโยชน์ Yield ปรับลง GULF, GPSC, KCE, MTC, BBIK, BE8 กลุ่มที่ตลาดจะเน้นต่อ คือ พร้อมฟื้นตัวไปกับภาพใหญ่เศรษฐกิจ EM Asia จีน ไทยที่เร่งตั้งแต่ 4Q23 และอยู่ในโซนลงทุน กลุ่มอิงจีน อาทิ SCGP, IVL, PTTGC, DOHOME, GLOBAL กลุ่ม Domestic+ภาคบริการ อาทิ AOT, ERW, CPALL, CPAXT, CRC

• (+) FDI : Google และ Microsoft ประกาศลงทุนในไทย เม็ดเงินรวม 2.0 แสนล้านบาท (1 แสนล้านบาท เท่าๆกัน) หรือราว 5.6 พันล้านเหรีญฯ Microsoft เน้นลงทุน Data Center และพลังงานสะอาด ส่วน Google เน้นโครงสร้างพื้นฐาน Digital ในส่วน Data Center เช่นเดียวกัน และครอบคลุมฝั่ง AI เรามองบวกเพราะ Digital จะเป็นอีกอุตสาหกรรมที่ช่วยต่อยอด S Curve ใหม่ของไทยจากปัจจุบันที่เริ่มเห็นชัดฝั่ง EV นอกจากนี้ ยังไม่รวมที่รัฐบาลกำลังเร่งเจรจากับอีกหลายยักษ์ใหญ่ อาทิ Tesla, Walmart, Western Digital และ Amazon

อิงยอดเข้ามาลงทุนที่ยืนยันเบื้องต้นแล้วจะเปิด Upside มีนัยฯ ต่อ FDI อิงค่ามูลค่า FDI ไทยเฉลี่ยปี 2005-23 อยู่ราวปีละ 8.5 พันล้านเหรียญฯ มองบวกต่อกลุ่มที่มีศักยภาพต่อยอดจากธุรกิจ Data Center อาทิ GULF, ADVANC, TRUE, THCOM, INSET อุตสาหกรรม Digital Transformation ที่เร่งขึ้น อาทิ BBIK, BE8 และกลุ่มนิคม WHA, AMATA

• (+) Debt : นายกฯ เตรียมแถลงแพ็คเกจใหญ่แก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ (หนี้ กยศ. หนี้เกษตรกร หนี้ SME) ปลาย พ.ย. นี้ มองจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มเช่าซื้อ แม้ยังต้องติดตามรายละเอียดแนวทาง แค่หากอิงแนวทางที่เริ่มออกมาในส่วน กยศ. ตาม พ.ร.บ. กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (บังคับใช้ 20 มี.ค. 23) เช่น ถ้าจ่ายหนี้เกิน 150% ของเงินต้นแล้วหยุดได้ทันที หรือ ปรับวิธีคำนวณหนี้ใหม่ เช่น นำเงินที่จ่ายตัดเงินต้นก่อน มองลุ้นเป็น Upside เพิ่มเติมด้านคุณภาพสินทรัพย์ ต่อจากภาพวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นสิ้นสุด บวก SAWAD, MTC เน้น MTC

• (*/+) SET 3Q23 Earnings: อิง Bloomberg มีการบันทึกหุ้นที่รายงานกำไรงวด 3Q23 แล้วมีทั้งสิ้น 558 จาก 678 บริษัท คิดเป็น 92% ของมูลค่าตลาด กำไรเพิ่มขึ้น 23%y-y อยู่ที่ 2.71 แสนล้านบาท เบื้องต้นมองกำไรตลาดงวด 3Q23 ราว 2.7-2.75 แสนล้านบาทอยู่ในเกณฑ์ดี ในกลุ่มที่มีการคาดการณ์กำไร กำไรนั้นดีกว่าคาด 4.1% (vs วานนี้ ดีกว่าคาด 2.8%)

 

Daily Strategy : SCGP, PTTGC, GULF

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways/Up" มองตลาดวันนี้แรงหนุนหลักมาจาก EM Asia มี Upside ฝั่งจีนหลังความสัมพันธ์จีน - สหรัฐฯ ที่มีสัญญาณการรื้อฟื้นไปในทางบวก และความเชื่อมั่นวงจรดอกเบี้ยปลายทาง ผสาน หุ้นนำวันนี้ 1) กลุ่มโยงจีน อาทิ SCGP, PTTGC, DOHOME, GLOBAL, IVL 2) กลุ่ม Anti-Commodities อาทิ โรงไฟฟ้า GULF, GPSC วัสดุ TASCO ค้าปลีก CPALL, CPAXT ตอบรับราคาน้ำมันปรับลง -2.0% 3) กลุ่มดิจิทัล GULF, BBIK, BE8 ตอบรับ S Curve ใหม่ Microsoft, Google ลงทุนไทย

 

หุ้นที่อยู่ในกลุ่ม THAIESG Index จะน่าสนใจขึ้น และมีโอกาสถูก Active Fund ในประเทศดึงสถานะกลับก่อน เน้นในกลุ่ม i) ราคาลงแรงกว่า THAIESG Index -14%YTD ii) ถูก Short sales สูง หุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่น่าจะเป็นเป้าหมายกองทุน ได้แก่ CPALL, GULF, CRC, GPSC, PTTGC, IVL, SCGP, OR, CBG, HMPROหุ้นได้รับประโยชน์มาตรการฟรี วีซ่าจีน รัสเซีย ไต้หวัน อินเดีย (AOT, ERW, CENTEL, ADVANC, CPAXT, CPALL, CRC)
หุ้นกลุ่มเก็งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ Digiial Wallet+E-Refund, เร่ง FDI และ สร้าง S Curve จาก Soft Power (CPAXT, CPALL, CRC, DOHOME, GLOBAL, ADVANC, , WHA, AMATA, MAJOR)
หุ้น China Plays ที่เริ่มเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแรงขึ้นและเริ่มเห็นการฟื้นตัวภายใน (PTTGC, IVL, SCGP, DOHOME, GLOBAL)
หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกเริ่มฟื้น และพอประคองได้ (HANA, KCE, IVL)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยสิ้นสุด และ Bond Yield เป็นปลายทาง (GULF, GPSC, BE8, MTC, KCE, HANA)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์น้ำมันเริ่มแกว่งลงตอบรับความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มโตแผ่ว จีนฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป (SCGP, GULF, GPSC, IVL, TASCO, CPAXT)

• Nov 23 Best Picks : MAJOR, SCGP, GULF, GPSC, KCE, ERW, CPALL

• 4Q23 Stock Picks : AOT, ERW, CPAXT, BCH, WHA, SCB, KCE, PTT, SCGP, IVL, JMT Mid-Small Cap Play : SPA, BE8, GLOBAL, TNP