BAM : การเก็บเงินสดที่ไม่ดีส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิ
กำไรอ่อนตัวตามคาด
BAM รายงานกำไรสุทธิ 3Q23 ตามคาด 383 ล้านบาท (-47%yoy/-10%qoq) เป็นผลจากการเก็บเงินสดต่ำกว่าเป้าหมายจากทั้งหนี้เสีย (NPL) และสินทรัพย์รอการขาย (NPA) อีกปัจจัยเบื้องหลังกำไรที่อ่อนแอก็คือ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดจากดอกเบี้ยจ่าย และค่าใช้จ่ายในการประเมิน

ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้การเก็บเงินสดอ่อนแอลง
สำหรับใน 3Q23 เงินสดที่เก็บได้รวมอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท (-13%yoy/-6%qoq) ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 4.5 พันล้านบาทมาก การเก็บเงินสดช้ามีทั้ง NPL (2.1 พันล้านบาท, 16%yoy/+7%qoq) และ NPA (1.7 พันล้านบาท, -9%yoy/-19%qoq) การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลูกหนี้ต้องเลื่อนการชำระหนี้ และทำให้การตัดสินใจซื้อ NPA ล่าช้า ทั้งนี้ การขาดการขาย NPL/NPA จำนวนมากเป็นอีกปัจจัยเบื้องหลังการเก็บเงินสดที่ต่ำ

ข่าวดี คือ การขยายการซื้อ NPL
หากมองในแง่ดี BAM จะเพิ่มการซื้อ NPL เนื่องจากอุปทานขยายตัว โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย อย่างไรก็ตาม บริษัทซื้อ NPL จำนวน 5.4 พันล้านบาท (เทียบกับ 4.7 พันล้านบาทใน 2Q23) ในราคาต้นทุน เราคาดว่าอุปทาน NPL จะเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือส่วนใหญ่ของธนาคารแห่งประเทศไทยหมดลงในช่วงปลายปี ทั้งนี้ ปริมาณ NPL ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้กำไรเติบโตในอนาคตสดใสขึ้น และเป็นปัจจัยหนุนในการ ”ซื้อ” สำหรับ BAM ของเรา แม้ว่ากำไรในระยะสั้นจะอ่อนแอก็ตาม

คาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้นในปีหน้า คงคำแนะนำ “ซื้อ”
เนื่องจากยอดขาย NPL เพิ่มขึ้นและคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นในปีหน้า ซึ่งรายได้ของ BAM ก็น่าจะฟื้นตัวเช่นกัน ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมูลค่าที่เหมาะสมตาม DDM อยู่ที่ 16.00 บาท