Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : BCPG แนะนำNeutral ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท

516


3Q66 คาดกำไรทำพีคของปี ก่อนจะอ่อนตัวใน 4Q66

คาดกำไรสุทธิงวด 3Q66 ฟื้นตัวมีนัยฯ 142.4%QOQ มาอยู่ที่ 487.5 ล้านบาทหนุนหลักจากกำไรปกติที่เติบโตต่อเนื่อง 136.7%QOQ มาอยู่ที่ 432.3 ล้านบาทจากกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และ SOLAR ญี่ปุ่น ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล รวมถึงรับรู้ 2 โครงการใหม่ใน USA และธุรกิจคลังน้ำมันได้เต็มไตรมาส ช่วงสั้น 4Q66 คาดกำไรปกติอ่อนตัว QOQ หลังออกจากช่วง PEAK ของน้ำ และฤดูร้อนในสหรัฐฯมาแล้ว อีกทั้งยังเข้าสู่LOW SEASON ของ SOLAR ในไทยและญี่ปุ่นปรับลดประมาณการ และมูลค่าพื้นฐานปี 2567 อยู่ที่ 11.0 บาท/หุ้น แม้ภาพระยะยาวอาจยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก เพื่อทยอยหาโครงการใหม่เข้ามาเติมเต็มกำไรจาก ADDER ที่หมดไป แต่ราคาหุ้นปัจจุบันปรับฐานลงตามกลุ่มโรงไฟฟ้า จนเห็นUPSIDE เปิดกว้าง อาจเน้นกลยุทธ์หาจังหวะเข้า TRADING ช่วงสั้น ตามรอบผลประกอบการงวด 3Q66 ที่คาดเติบโตโดดเด่นขึ้นทำระดับสูงสุดรายไตรมาสของปี


3Q66 คาดกำไรปกติฟื้นตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล
ฝ่ายวิจัยคาด กำไรสุทธิงวด 3Q66 จะฟื้นตัวมีนัยฯ 142.4%qoq มาอยู่ที่487.5ล้านบาท หนุนหลักจากกำไรจากการดำเนินงานปกติที่คาดจะเติบโตโตต่อเนื่อง
136.7%qoq มาอยู่ที่ 432.4 ล้านบาท จากรายได้จากการขายและบริการที่คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 37.2%qoq มาอยู่ราว 1.5 พันล้านบาท โดยหลักคาดเป็นผลมาจากกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ Nam San 3A-3B กำลังการผลิตรวม 114 MWeที่กลับมาดำเนินการผลิตได้เต็มที่ทั้งไตรมาส เทียบกับงวด 2Q66 ที่เดือนเครื่องได้ราว 15 วัน จากการเตรียมสายส่งเพื่อส่งขายไฟฟ้าไปยังประเทศเวียดนามประกอบกับเป็นช่วง High season ของฤดูกาลน้ำ ส่งผลให้กลุ่มโรงไฟฟ้าดังกล่าวผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น QoQ รวมถึงคาดกลุ่มโรงไฟฟ้า solar ในประเทศญี่ปุ่น จะผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น ตามค่าความเข้มแสงที่สูงขึ้นจากงวดก่อนหน้า ประกอบกับกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทยคาดจะผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น ตามการเริ่มต้นเข้าสู่ช่วงฤดูมรสุม ถึงแม้คาดว่า กลุ่มโรงไฟฟ้า solar ในประเทศไทยจะผลิตไฟฟ้าได้ลดลงจากค่าความเข้มแสงที่อ่อนตัว QoQ และอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลงตามกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีค่าไฟอิงกับค่า Ft ได้รับผลกระทบจากการประกาศปรับลดค่า Ft ในงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2566 ก็ตาม ประกอบกับคาดยังมีรายได้จากธุรกิจคลังน้ำมัน และท่าเทียเรือที่เพิ่มขึ้นจากงวดก่อนหน้า ตามการรับรู้โครงการดังกล่าวได้เต็มที่ทั้งไตรมาส (ซื้อหุ้นแล้วเสร็จ 31 พ.ค. 2566) ส่งผลให้กำไรขั้นต้นคาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 56.2%qoq มาอยู่ที่ 820.8 ล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในงวดนี้คาดจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 54.0% จากเดิม 48.1% ในงวด2Q66

อีกทั้ง คาดมีการบันทึกกลับเป็นส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 119.2ล้านบาท จากงวดก่อนหน้าที่บันทึกเป็นส่วนแบ่งขาดทุน 30.8 ล้านบาท หนุนหลักจากผลประกอบการของกลุ่มโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯที่ปรับตัวดีขึ้น หลังความต้องการใช้ไฟฟ้าในสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน รวมถึงยังรับรู้โครงการ Liberty และ Patriot กำลังการผลิตรวม 426.0 MWe ได้เต็มไตรมาสในครั้งแรก (เข้าซื้อหุ้นแล้วเสร็จเมื่อ 12 ก.ค. 2566) แม้คาดจะมีการบันทึกผลขาดทุนจากโครงการลม Monsoon ราว 60 ล้านบาท ตามการเริ่มรับรู้ความคืบหน้าการการก่อสร้างของโครงการดังกล่าว ก็ตามแต่อย่างไรก็ตาม คาดยังมีแรงกดดันจากรายได้ดอกเบี้ยรับที่คาดจะลดลง37.9%qoq มาอยู่ที่ 61.2 ล้านบาท จากเงินฝากและเงินลงทุนที่คาดจะปรับตัวลงสู่ระดับปกติ รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่คาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 42.0%qoq มาอยู่ที่ 352.1 ล้านบาท ตามการรับรู้ดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการออกหุ้นกู้ในช่วงเดือน
มิ.ย. และอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในท้องตลาดที่สูงขึ้น

ในส่วนของรายการพิเศษ สุทธิแล้วคาดบันทึกเป็นกำไรจาก Fx เพียงรายการเดียวที่ 55.2 ล้านบาท เทียบกับงวด 2Q66 ที่สุทธิแล้วเป็นกำไรรายการพิเศษ 18.5 ล้านบาท ประกอบด้วย 1)กำไรจาก Fx 91.0 ล้านบาท 2) ค่าใช้จ่ายภาษีที่เกี่ยวข้องกับFx 64.7 ล้านบาท 3)ค่าใช้จ่ายพิเศษอื่นๆ 7.8 ล้านบาท
โดยรวมแล้วคาดกำไรปกติงวด 9M66 อยู่ที่ 774.6 ล้านบาท ปรับตัวลดลง54.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วน 54.6% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2566 เดิมที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้


ปรับลดประมาณการ...งวด 4Q66 คาดกำไรอ่อนตัว QoQ
ฝ่ายวิจัยปรับปรุงประมาณการกำไรปี 2566 เป็นต้นไป โดยปรับลดประมาณกำไรปี 2566-67 ลง 25.6% และ 18.6% จากเดิม มาอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท และ 1.6พันล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อน

1) การรับรู้ดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นตามการออกหุ้นกู้ราว 8.2 พันล้านบาทในช่วงปลายเดือน มิ.ย. 2566 โดยฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มการรับรู้ดอกเบี้ยจ่ายในปี 2566-67ขึ้น 14.1% และ 24.5% จากเดิมมาอยู่ราว 1.0 และ 1.2 พันล้านบาทตามลำดับ

2) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมที่อยู่ในระดับต่ำกว่าที่ประเมินไว้ จากภาพรวมผลประกอบการของกลุ่มโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯในช่วง 9M66 ที่ยังต่ำกว่าคาด โดยปรับลดการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของกลุ่มโรงไฟฟ้าดังกล่าวในปี 2566 ลง 26.4%จากเดิมมาอยู่ที่ 251.2 ล้านบาท รวมถึงรวมผลขาดทุนจากโครงการ Monsoonที่คาดจะเกิดขึ้นในงวด 3Q66 เข้ามาในประมาณการ

3) โครงการ LHSE ใน สปป.ลาว ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีรายละเอียดความคืบหน้าที่ชัดเจน ฝ่ายวิจัยจึงถอดโครงการดังกล่าวออกจากประมาณการ ตั้งแต่ปี 2567เป็นต้นไป

ภายใต้ประมาณการใหม่ ส่งผลให้กำไรปกติปี 2566 ปรับตัวลดลง 48.9%yoyกดดันหลักจากรายได้Adder โครงการ BCPG2 30 MWe (หมดอายุเดือน ก.ค.
2565) ที่หมดลงเต็มที่ทั้งปี รวมถึง Adder จากโครงการ BSE-BNN, BSE-BPHกำลังการผลิตตามสัญญา โครงการละ 16 MWe ที่ทยอยหมดลงในเดือน มี.ค.และ เม.ย. 2566 ตามลำดับ รวมถึงไม่มีการรับรู้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ประเทศอินโดนีเซีย 273.3 MWe เทียบกับปี2565 ที่รับรู้โครงการดังกล่าวได้ราว 2 เดือน ประกอบกับผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดเดินเครื่องราว 5 เดือน และปริมาณน้ำฝนในช่วง3Q66 ที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ แม้จะเข้าสู่ช่วงhigh season ของฤดูฝนก็ตามขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติจะกลับมาฟื้นตัวได้ใหม่ราว 47.8%yoy ภายใต้สมมติฐานกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำกลับมาเดินเครื่องได้เต็มที่ทั้งปี และปริมาณน้ำฝนที่เริ่มฟื้นตัวกลับสู่สภาวะปกติ นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากการรับรู้โครงการโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯทั้งหมด 4 โครงการ ที่ทยอย COD เข้ามาในปี 2566กำลังการผลิตรวม 857 MWe และธุรกิจคลังจัดเก็บน้ำมันได้เต็มที่ทั้งปีช่วงสั้นคาดกำไรปกติงวด 4Q66 จะอ่อนตัวลง QoQ กดดันจากปริมาณขายไฟฟ้าในกลุ่มโรงไฟฟ้า Nam San 3A-3B ที่ปรับตัวลดลง หลังจากผ่านพ้นช่วงhigh season ของน้ำมาแล้วในงวด 3Q66 ประกอบกับกลุ่มโรงไฟฟ้า solar ในประเทศไทย และญี่ปุ่นจะเข้าสู่ช่วง low season ส่งผลให้คาดจะผลิตไฟฟ้าได้น้อยลงตามค่าความเข้มแสงที่อ่อนตัว ประกอบกับค่า Ft เฉลี่ยในงวด 4Q66 ที่ลดลง นอกจากนี้คาดจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลง หลังจากกลุ่มโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะเริ่มออกจากฤช่วงการใช้ไฟฟ้าสูงในในฤดูร้อน แม้คาดยังมีแรงหนุนบางส่วนจากกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทย ที่คาดจะผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่ช่วงhigh season ของลมก็ตาม แต่คาดชดเชยได้ไม่หมด

การประกอบธุรกิจตามหลักความยั่งยืน (ESG) ของ BCPG:
ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) : ขยายการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เพิ่มโอกาสและทางเลือกให้แก่ผู้สนใจหันมาใช้พลังงานทางเลือก
นอกจากนี้ BCPG ยังให้ความสนใจกับการบริหารจัดการพลังงาน โดยเฉพาะผลกระทบจากการใช้พลังงานในสองส่วนสำคัญ ได้แก่ การใช้พลังงานเพื่อการ
ปฏิบัติงานและการใช้พลังงานเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า โดยในปี 2564 กลุ่มบริษัทฯ ได้พัฒนาแผนกลยุทธ์ในการลดการใช้พลังงานภายในองค์กรซึ่งสอดคล้องกับ
เป้าหมายในการปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์สุทธิเป็นศูนย์

ด้านสังคม (Social) : BCPG จัดทำแผนกิจกรรมพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Breath of the World ต่อลมหายใจให้โลก เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต
พัฒนาความเป็นอยู่ รวมถึงรักษาความสัมพันธ์ที่ดีและต่อเนื่องยาวนาน และสร้างความไว้วางใจให้กับสังคมและชุมชนในพื้นที่ปฏิบัติการ โดยในปี 2564 บริษัทฯ ได้จัดทำโครงการและดำเนินกิจกรรมหลากหลายด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน อาทิ โครงการบีซีพีจีมอบน้ำใจ การแบ่งปันที่ไม่มีวันสิ้นสุด มอบหน้ากากอนามัยและน้ำดื่ม รวมถึงอุปกรณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยโควิด, โครงการ Energy For Everyone ซึ่งติดตั้ง The first floating solar EV Charging Station สถานีชาร์จไฟฟ้าจากโซลาร์เซลแห่งแรก ให้กับคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมถึงติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กับสถานีตำรวจนครบาลพระโขนงและโรงพยาบาลบ้านสร้างจ.ปราจีนบุรี เป็นต้น


ธรรมาภิบาล (Governance) : บริษัทฯมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ต่อต้านคอร์รัปชัน และการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมให้คณะทำงาน ส่งผลให้ปี 2564BCPG ได้รับมอบรางวัลต่างๆ ในด้านการกำกับดูแลกิจการ เช่น ได้รับการประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน (Corporate GovernanceReport of Thai Listed Companies - CGR) ประจำปี 2564 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ในระดับดีเลิศ (Excellence) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4,ได้คะแนนประเมิน 100 คะแนน จากผลประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 (AGM Checklist) โดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย, ได้รับการรับรองต่ออายุสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต
(Thailand’s Private Sector Collective Action Coalition Against Corruption:CAC) อีกวาระหนึ่ง มีอายุสมาชิก 3 ปี โดยครบกำหนดสิ้นสุดอายุ ณ วันที่ 31ธันวาคม 2566 เป็นต้น


ประเด็นความเสี่ยง

1. ความล่าช้าจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้า อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายมากกว่าที่คาดการณ์ (COST OVERRUN)
กระทบต่อ IRR ได้
2. ความเสี่ยงจากการชำรุดอุปกรณ์ของเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า
3. การหยุดฉุกเฉินของโรงไฟฟ้า (UNPLANNEDSHUTDOWN)

ที่มา: BCPG

 


RESEARCH DIVISION
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
นลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์018350
ธัญญา อุดม
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 066756

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

พระโค By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ วันพืชมงคล พระโค กินน้ำ หญ้าและเหล้า ส่วนตลาดหุ้นไทย วันนี้ ยังคงซึม ท่ามกลาง ....

IND เยี่ยมชมโครงการก่อสร้างทางรถไฟ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ

IND เยี่ยมชมโครงการก่อสร้างทางรถไฟ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้