Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

353

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม Market wrap & Outlook

 

สรุปภาพตลาดวานนี้ วานนี้ SET ย่อตัวลงเล็กน้อย กดดันโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร KKP (งบฯ ต่ำคาดมาก) KBANK SCB (ถูก Sell-on-fact ไปด้วย) การเงิน MTC SAWAD AEONTS NCAP และหุ้นใหญ่อื่นๆ AOT SIRI CPALL EA TRUE ส่วนหุ้นบวกพยุงตลาด DELTA และกลุ่มปิโตรฯ PTTGC IVL TOP

แนวโน้มตลาดวันนี้ SET ย่ำฐาน
“หลังจากดัชนีขึ้นมาทดสอบแนวต้าน บริเวณ 1,525-1,540 จุด ตามที่เราประเมินแล้ว ระยะสั้นอาจเห็นความผันผวน หรือ โอกาสพักฐาน เกิดขึ้นได้”
แต่การพักตัวของดัชนีฯรอบนี้ไม่น่ากังวล เพราะเราเห็นชัด ว่าการพักฐานเกิดจาก ประเด็นลบหุ้นรายกลุ่ม และรายตัว ไม่ได้เกิดจากความเสี่ยงในระดับมหภาค เหมือนรอบที่ดัชนีฯลงแรงช่วงครึ่งหลังของเดือน มิย. คือลงจาก 1,570 จุด มาถึง 1,460 จุด หรือรอบก่อนๆ
ปัจจัยมหภาค น่าจะมีความชัดเจน เช่น การเมืองในประเทศ รอลุ้นได้นายกฯ, ผลประชุมเฟด รวมถึงได้เห็นงบการเงินที่ทยอยประกาศดีเกินคาด และ เงินปันผลระหว่างกาล จะเป็นตัวช่วยเสริมแกร่งให้กับตลาดรอบนี้ เราจึงให้น้ำหนักการ ปรับฐานไม่น่ากังวล พร้อมทั้งมองกรอบสัปดาห์นี้ 1,515-1,540 จุด เป็นการ ย่ำฐานเพื่อเตรียมฝ่าด่าน 1,540 จุด และเปลี่ยน เข้าสู่โหมดของการฟื้นตัว ทดสอบแนวต้านถัดไป 1,570

กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ Buy on dips เน้นทั้งหุ้นที่รายงานงบดี (เช่น ที่เรายกตัวอย่างหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก เกณฑ์แก้หนี้ครัวเรือน, หุ้นปลายน้ำปิโตรฯ) และ หุ้นปันผลสูง

วิเคราะห์ทางเทคนิค SET Index ขึ้นสลับพัก ติดโซนต้าน 1,550 จุด นอกจากนี้ตัวเลขมหัศจรรย์ Fibonacci retracement ชี้จุดรับ-ต้าน ที่ 23.6%-38.2% บริเวณ 1,515-1,550 จุด ใกล้เคียงกัน ขณะที่โมเมนตัม RSI>50 แสดงภาวะความแข็งแกร่งด้านราคา สรุปโมเมนตัมยังดีอยู่ แรงไม่ตก! ส่วนแนวโน้มตลาด SET Index…คาดว่าพักตัวปรับฐานย่อย minor correction…ลงไม่ลึก โซนรับ 1,515 จุด (higher low) สู้ไหว!

 

What to watch FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 94.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และให้น้ำหนักเพียง 5.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%
คาด BOJ เพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในการประชุมสัปดาห์นี้
BOJ จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 27-28 ก.ค.นี้ ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า BOJ อาจจะปรับนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ หลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานพุ่งขึ้น 3.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าเป้าหมายของ BOJ ที่ระดับ 2% เป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน
BOJ เคยสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดการเงิน ด้วยการขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลญี่ปุ่นให้เคลื่อนไหวในช่วง -0.5% ถึง +0.5% จากเดิมที่ -0.25% ถึง +0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. 2565 ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดเงินและถูกมองว่า BOJ กำลังส่งสัญญาณยุติการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (ultraloose monetary policy)
จีนประกาศแผนกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน-เล็งดึงดูดเงินลงทุนเข้าโครงการรัฐ
คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ประกาศมาตรการเมื่อ 24 ก.ค. โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม, ยกระดับ และกระตุ้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาคเอกชน พร้อมยืนยันว่า NDRC จะเสริมเพิ่มการสนับสนุนด้านการเงินแก่โครงการต่าง ๆ ของเอกชนด้วย
NDRC ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า NDRC ต้องการดึงดูดเงินทุนจากภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนในการก่อสร้างโครงการสำคัญระดับชาติมากขึ้น โดยเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่ การขนส่ง ประปา พลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่สำหรับการผลิตขั้นสูง และเกษตรกรรมสมัยใหม่ ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดอีกครั้งในภายหลัง
เดือนนี้ คกก.ถาวรประจำกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) จะจัดประชุมใหญ่ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่รอดู มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ฤดูกาลประกาศงบการเงิน สัปดาห์นี้ วันอังคารคาด SCGP พุธ SCC และพฤหัสฯ TRUE
การเมืองในประเทศ: รอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่


หุ้นแนะนำวันนี้ SCGP วันนี้ งบ ออก (38 40 37 คือรับต้านและจุดสต๊อป) แต่งบ 2Q66 เต็งของจริงคือ 1,500 ล้านบาท ได้เวลาลุกขึ้นจากจุดต่ำสุดแล้วของจริง
(S 38 R 40 SL 37)

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Commodities
กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และส่วนต่างฯ โดยส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้น
ในสัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมันดิบดูไบ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย $0.6 WoW เป็น $80.6/บาร์เรล จากคาดการณ์การผลิตจากกลุ่ม Shale oil ลดลง ท่ามกลางความคาดหมายว่าเฟดจะยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นในไม่ช้า

ส่วนค่าการกลั่น (อิงสิงคโปร์) ขยายตัวต่อ $1.53 WoW เป็น $6.82/บาร์เรล (สูงสุดในรอบ 4 เดือน) หนุนโดยกลุ่มน้ำมันเบนซีน น้ำมันเครื่องบินและดีเซล (อุปสงค์ในภูมิภาคแกร่งต่อ และสต็อคสิงคโปร์ลดลง) แต่กลุ่มน้ำมันเตาลดลง ตามต้นทุนที่สูงขึ้น
ส่วนต่างราคา (Spread) ส่วนใหญ่ขยายตัว ตามราคาสินค้าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นข้างต้น (อาจจะมีกลุ่ม MEG ที่ย่อตัวลงจากต้นทุน Ethylene เพิ่ม)
ราคาถ่านหินเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1% WoW เป็น $130.1/ตัน หนุนโดยอุปสงค์จากจีน แต่ก็ยังมีความกังวลต่ออุปทานฝั่งอินเดีย-อินโดฯ กดดันราคาอยู่
สุดท้ายค่าระวางเรือเทกอง (BDI) ย่อตัวลง 5% WoW เป็น 1,014 จุด กดดันโดยกลุ่ม Capesize และ Panamax แต่กลุ่ม Supramax (ตัวหลักของ TTA PSL) กลับมาปรับตัวขึ้น 2% WoW

Fundamental View: เราชอบ TOP มากสุดในกลุ่มโรงกลั่น และชอบ IVL มากที่สุดในกลุ่มเคมีภัณฑ์

 

 


Bank Sector
กลุ่มธนาคาร
การเติบโตแกร่ง มูลค่าหุ้นถูก
สรุปภาพรวมกำไรสุทธิกลุ่มธนาคาร 2Q23 อยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% YoY และ 4% QoQ สูงกว่าที่เราคาด 8% และตลาดคาด 5% โดยกำไรของ SCB TTB KTB และ BBL สูงกว่าที่เราคาด กำไรสุทธิของ KBANK และ TISCO เป็นไปตามที่เราคาด มีเพียง KKP ที่กำไรต่ำกว่าคาด ภาพรวมคุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มแบงค์ยังแข็งแกร่ง

สำหรับแนวโน้มกำไร 3Q23 ของกลุ่มธนาคารจะเติบโต 11% YoY (แต่ลดลง 5% QoQ จากแนวโน้มกำไรจากเครื่องทางการเงินลดลง) การเติบโตจะหนุนโดยส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) และสินเชื่อที่สูงขึ้น โดยธนาคารที่จะรายงานกำไรเติบโตโดดเด่น YoY ได้แก่ BBL KTB TTB และ SCB

Fundamental View: โดยรวม Valuations กลุ่มธนาคารส่วนใหญ่ยังถูก เราชอบ BBL และ SCB มากที่สุดในกลุ่มธนาคาร

Utilities Sector
กลุ่มโรงไฟฟ้า
กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง
เราคาดกำไรหลักรวมของกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ให้คำแนะนำสำหรับ 2Q23 ที่ 6.73 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% YoY (ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยสูงขึ้น และมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา) และ 15% QoQ (High season กลุ่ม IPP, กำลังการผลิตใหม่เข้ามา และกำไรกลุ่ม SPP เพิ่มขึ้นตามค่า Gas ที่ลดลง) โดยไตรมาสนี้ SPP (BGRIM GPSC WHAUP) เด่นสุดทั้งการเติบโต YoY จากฐานต่ำ และ QoQ ส่วนแนวโน้ม 3Q23 จากแนวโน้มราคา Gas ที่ยังลดลงระดับใกล้เคียงกัน คาดว่าผลประกอบการ SPP จะยะงเพิ่มขึ้นต่อเล็กน้อย QoQ อย่างไรก็ตาม หาก กกพ. มีมติหั่นค่าไฟฟ้ารอบ ก.ย.-ธ.ค. ลงไปจากระดับสมมติฐานปัจจุบันี่ 4.45 บาท/kWh และ/หรือราคา Gas ไม่ลงต่อ (หรือลงต่อช้า) จะมี Downside ต่อคาดการณ์กำไรงวด 2H23 แทน (ปัจจุบันเราประเมินว่า Pool gas จะลดลงจากการเพิ่มสัดส่วนการผลิตแหล่งเอราวัณที่เฉลี่ยต้นทุนต่ำกว่า)

Fundamental View: เราชอบ GULF มากที่สุดในกลุ่ม จากแนวโน้มกำไรที่จะปรับตัวขึ้นทำ New High ช่วง 4Q23 จากการรันกำลังการผลิตใหม่ และได้ประโยชน์จากต้นทุน Gas ลดลงด้วย

 

 

 

 

 

 

TFG
ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป
ปรับกำไรลงจากราคาหมูที่อ่อนตัว
เราประเมินกำไรสุทธิ 2Q23 ที่ 150 ล้านบาท ลดลง 88% YoY และ 65% QoQ หากตัดรายการพิเศษคาดกำไรหลักที่ 250 ล้านบาท ลดลง 84% YoY และ 51% QoQ โดยได้รับแรงกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากทั้งธุรกิจไก่และหมู โดยในส่วนของไก่เกิดจาดปริมาณขายที่จะลดลง 26% YoY และ 12% QoQ เกิดจากการส่งออกที่ลดลง (โดยเฉพาะไปญี่ปุ่น ยุโรป และจีน ซึ่งฐานสูงใน 1Q23) ส่วนหมูเกิดจากราคาหมูที่ปรับตัวลดลงมากช่วงที่ผ่านมาเฉลี่ย 28% YoY และ 11% QoQ
ทั้งนี้ เรามีการปรับประมาณกำไรปี 2023 ลง 76% มาที่ 689 ล้านบาท เพื่อสะท้อนสมมติฐานราคาหมูใหม่ที่ 80 บาท/กก. (เฉลี่ยทั้งปี) และอัตรากำไรขั้นต้นใหม่ที่ 9.5% (เดิม 13.9%)

Fundamental View: ปรับราคาเป้าหมายลงจาก 5.90 บาทเป็น 4.50 บาท ตามการปรับลดกำไร


Quant Portfolio
อัพเดทพอร์ตการลงทุน
พอร์ตการลงทุนของเราให้ผลตอบแทน -0.7% นับจากวันที่เราออกบทวิเคราะห์ฉบับล่าสุดในวันที่ 21 ก.ค. ซึ่งต่ำกว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยที่ -0.5% ในบทวิเคราะห์ฉบับนี้เรามีการปรับหุ้นในพอร์ต โดยถอดหุ้น KBANK และ KKP ออกจากพอร์ต และเพิ่มหุ้น CPALL และ SCGP เข้ามาในพอร์ตการลงทุนของเรา

 

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

นกรู้ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นทรงหุ้นหลายตัว ราคาปรับตัวลง ก่อนผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ออกมา สะท้อนถึง กลไก ....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้