Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews:SAMART คว้าบิ๊กโปรเจคจากกฟผ.มูลค่า 2.38 พันลบ.

1,305

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(11 เมษายน 2566)---SAMART คว้างานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง บางละมุง 2 และจัดซื้ออุปกรณ์ระบบควบคุมและป้องกันสำหรับสถานีไฟฟ้า จอมเทียนฯ มูลค่า 2,386 ลบ.


นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) SAMART เปิดเผยว่า บริษัท เทด้า จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท สามารถ ยู-ทรานส์ จํากัด ร้อยละ 94.35 ได้รับหนังสือตกลงว่าจ้างงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง 500/230/115 kV บางละมุง 2 (GIS) และจัดซื้ออุปกรณ์ระบบควบคุมและป้องกันสําหรับสถานีไฟฟ้า 115 kV จอมเทียน สําหรับโครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกเพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า และโครงการขยายระบบส่งไฟฟ้าระยะที่ 12กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) เมื่อวันที่ 10เมษายน 2566 มูลค่าสัญญาก่อสร้างรวม 2,386,915,389.52 บาท (คํานวณตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเปิดซองราคา)และให้บริษัท เทด้า จํากัด จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการจัดทําสัญญา และลงนามในสัญญาต่อไป


***SAMART มั่นใจปี66 พลิกกำไร จากทุกกลุ่มธุรกิจฟื้นตัว ***

 

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) เปิดเผยว่า มั่นใจปี 2566 กลุ่มสามารถจะพลิกกลับมามีกำไรได้อย่างแน่นอน พร้อมตั้งเป้ารายได้รวมทั้งสิ้น 16,000 ล้านบาทเติบโตขึ้น 75% จากปีก่อน เนื่องจากทุกกลุ่มธุรกิจในกลุ่มฟื้นตัว ทั้ง Digital ICT Solution สายธุรกิจ Digital Communications สายธุรกิจ Utilities & Transportation รวมทั้งแรงหนุนจากการเปิดประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย บวกกับความพร้อมของบริษัทหลังปรับทัพเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในยุคดิจิทัล

 

ทั้งนี้ปัจจุบันทั้งกลุ่มมีมูลค่างานในมือ หรือ Backlog อยู่ที่ 21,800 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 9,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนที่จะเข้ามาสนับสนุนรายได้ในปีนี้ ส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปีถัดไป

 

สำหรับการเติบโตในแต่ละสายธุรกิจ ประกอบด้วยสายธุรกิจ Utilities & Transportations ตั้งเป้ารายได้ที่ 5,000 ล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้น 22%

 

ทั้งนี้ นายธีระชัย พงศ์พนางาม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ภายใต้สายธุรกิจ U-trans ประกอบด้วย Aviation Solutions ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบิน, Power Construction & Services ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสถานีและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง , Other Solutions & Manufacturing ซึ่งรวมบริษัท Vision and Security , โครงการ Direct Coding และบริษัทสามารถวิศวกรรม ล้วนมีผลการดำเนินธุรกิจที่เติบโตในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีรายได้รวมปี 65 เพิ่มขึ้นถึง 28%

 

ในปี 2566 ยังคาดการณ์การเติบโตที่ต่อเนื่องในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะ CATS ผู้ให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชา ซึ่งในปี 65 นอกจากจะมีรายได้ที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังได้รับการต่ออายุสัมปทานอีก 10 ปี รวมอายุสัมปทานทั้งสิ้น 49 ปี ให้บริการมาแล้ว 20 ปี จึงยังคงเหลืออายุสัมปทานถึง 29 ปี โดยปีนี้ คาดว่า CATS จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 14% และมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่รัฐบาลกัมพูชามีนโยบายเร่งส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตลอดจนมีแผนการเปิดสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ถึง 3 แห่งในเร็วๆนี้ ดังนั้น ในราวไตรมาส 3 ของปี2566 บริษัทจึงมีแผนนำบริษัท Samart Aviation Solutions หรือ SAV ซึ่งถือหุ้น CATS เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

 

ทั้งนี้ เตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล หรือแบบไฟลิ่ง SAV ใหม่ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประมาณช่วงปลายเดือน มีนาคม ถึงต้นเมษายนนี้ หลังจากที่ต้องเลื่อนแผนเข้าตลาดฯ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ดีมองว่าปีนี้ผลประกอบการของ SAV จะพลิกฟื้นกลับมาหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายไปตามลำดับ ซึ่งหลังยื่นไฟลิ่งแล้ว กระบวนการการขายหุ้น และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) คาดว่าจะอยู่ในช่วงในเดือนกันยายน 2566

 

ส่วนธุรกิจด้านสถานีและสายส่งไฟฟ้า โดยบริษัทเทด้าและทรานเส็ค ก็มีผลการดำเนินธุรกิจที่บรรลุเป้าในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มี Backlog รวมกัน 2,700 ล้านบาท และมีโอกาสสูงในการได้งานใหม่เพิ่มเติมอีกในปีนี้


ด้านโครงการ Direct Coding หลังเริ่มให้บริการในเดือน พ.ค. ปี 65 ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จำนวน 620 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และในปีนี้ คาดว่าจะรับรู้รายได้จำนวน 980 ล้านบาท สูงขึ้นจากการเปิดเมืองและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทจะรับรู้รายได้รวม 7 ปีต่อเนื่อง ซึ่งจากประโยชน์ของระบบพิมพ์รหัสควบคุมบนบรรจุภัณฑ์ หรือ Direct Coding นี้ ก็มีโอกาสขยายบริการไปสู่การจัดเก็บภาษีสินค้าอื่นๆ ในอนาคต


ปิดท้ายในสายธุรกิจ U-trans ด้วย บริษัท Vision and Security ผู้ให้บริการกล้องวงจรปิดครบวงจร มีรายได้ในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ด้วยผลงานการติดตั้งกล้องวงจรปิดภาคใต้ โดยในปีนี้ยังมีโอกาสในการติดตั้งระบบ CCTV ในโครงการอสังหารายใหญ่ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถต่อยอดและขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นในภาคเอกชนสายธุรกิจ Digital Communications มั่นใจพลิกฟื้นด้วยบริการ DTRS และบริการสายมูครบครัน


สายธุรกิจ Digital ICT Solutio โดย บมจ. สามารถเทลคอม หรือ SAMTEL ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 6,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 14% และตั้งเป้าในการเซ็นสัญญาใหม่ในปีนี้ ถึงกว่า 10,000 ล้านบาท

 

ด้านนายจง ดิลกสมบัติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. สามารถเทลคอม กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา กลุ่มสามารถเทลคอม มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นประมาณ 13% โดยมีการเซ็นสัญญาโครงการใหม่ มูลค่ารวม 5,300 ล้านบาท ส่งผลให้มีมูลค่างานในมือปัจจุบันถึง 7,300 ล้านบาท ด้วยความมั่นใจในศักยภาพของทีมงานและประสิทธิภาพของโซลูชั่นส์ที่องค์กรระดับประเทศมากมายเลือกใช้ อาทิ ERP Solutions, Cyber Security Solutions, Smart CCTV, Payment Connecting Platform, Transmission Networks และอื่นๆ จะเห็นได้ว่าทุกโซลูชั่นส์ที่บริษัทมุ่งเน้น สามารถตอบโจทย์การบริหารจัดการทรัพยากรและการพัฒนาองค์กรในยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ จึงน่าจะมีโอกาสในการต่อยอดและการขยายฐานลูกค้าใหม่ได้ตามที่คาดหวัง


ด้านสายธุรกิจ Digital Communications คาดว่าจะมีการฟื้นตัวและการเติบโตที่โดดเด่น โดยตั้งเป้ารายได้จำนวน 5,000 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ นายสุภวัส พรหมวิทักษ์ ผู้จัดการทั่วไป บมจ.สามารถดิจิตอล กล่าวว่า ธุรกิจหลักในการฟื้นรายได้ของสายธุรกิจนี้ คือ การให้บริการ Digital Trunk Radio ซึ่งต้องใช้เวลา ทั้งในการวางระบบและการขยายฐานผู้ใช้บริการ แต่ก็คุ้มค่า เพราะจะนำมาซึ่งรายได้ประจำที่มั่นคงในอนาคต ปัจจุบันการวางระบบเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่สำคัญแล้วทั่วประเทศ โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการค่อยๆ เติบโตเพิ่มขึ้น ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าจำนวนผู้ใช้บริการไม่ต่ำกว่า 120,000 ราย และมีโอกาสเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการอย่างก้าวกระโดดเมื่อโครงการ National Trunk Network มีความชัดเจน


นอกจากนี้ เพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ซึ่งถูกจริตคนไทยและคนเอเชีย ที่มีโอกาสเติบโตในยุคดิจิทัล บริษัทจึงเร่งพัฒนาบริการ Application Horoworld และ Thai Merit รวมทั้งบริการสายมูที่แตกต่างและครบวงจรอื่นๆ โดยนอกจากจะให้บริการตรงแก่ Consumer แล้ว ยังเน้นการให้บริการผ่านพันธมิตรในหลากหลายธุรกิจ อาทิ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ, ธนาคาร, Social Platform, โรงพยาบาล, สายการบิน เป็นต้น


นายวัฒน์ชัยกล่าวปิดท้ายว่า “การปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว คือ กุญแจสำคัญในการอยู่รอดและเติบโตในโลกธุรกิจ ผมเชื่อมั่นว่ากลุ่มสามารถมีรากฐานที่แข็งแกร่ง และพร้อมที่จะเผชิญกับทุกความท้าทายและการแข่งขัน ในปี 66 จะเป็นปีที่ผลประกอบการรวมของกลุ่มจะเติบโตขึ้น 75 %โดยมีเป้ารายได้รวมทั้งสิ้น 16,000 ล้านบาท และการนำ SAV เข้าจดทะเบียนใน ตลท. จะยิ่งสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและเพิ่มมูลค่าธุรกิจให้แก่กลุ่มสามารถ”


---จบ---

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

TMILL ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผู้ถือหุ้นโหวตรับปันผลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น

TMILL ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผู้ถือหุ้นโหวตรับปันผลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น

ไปไม่ไกล By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ ภาพรวมหุ้นไทย คงวิ่งไม่ไกล ไม่แรง ด้วยทั่วโลก จับตา ประธานเฟด แถลงผลประชุม 1พ.ค.67 ...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้