สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (22 กุมภาพันธ์ 2565)-----------ZIGA ผนึกพันธมิตรร่วมทุนตั้ง 2 บ.ย่อย พร้อมขยายเหมืองขุดบิตคอยน์ ตั้งเป้ามีเครื่องขุด 400 เครื่องในQ1/65 บิ๊กศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประเมินรายได้ปี65 ธุรกิจเดิมโต 15-30% ธุรกิจใหม่โต2หลัก

นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน)ZIGA เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้ในปี2565 เติบโตแตะที่ระดับ 15-30% จากปีก่อน ขณะที่คาดหวังว่าธุรกิจใหม่ๆที่กำลังเริ่มต้นนั้นจะมีรายได้เติบโตเป็นตัวเลข2หลัก โดยในปีนี้อยู่ระหว่างการเดินหน้าทรานส์ฟอร์มจากธุรกิจเหล็กสู่ธุรกิจเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ โดยได้จับมือร่วมทุนกับพันธมิตร เพื่อจัดตั้งบริษัทย่อย 2 แห่ง เพื่อดำเนินธุรกิจใหม่ๆที่จะเข้ามาช่วยหนุนรายได้ของบริษัทให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด

สำหรับ บริษัทย่อย2แห่ง ที่บริษัทได้ร่วมทุนกับพันธมิตรนั้น ประกอบด้วย บริษัท เมอร์ลินตั้น อินโนเวชั่น จำกัด มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการลงทุน และพัฒนาธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับ Digital Technology ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แบ่งเป็น สัดส่วนการถือหุ้นโดย ZIGA ถือหุ้น 89.98%

และบริษัท วิสเดน กรุ๊ป จำกัด มีวัตถุประสง์หลักเพื่อการลงทุนธุรกิจที่ให้บริการทางการเงิน ที่นำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ (Financial Technology หรือ FinTech และทดลองและพัฒนานวัตกรรมทางการเงินและธุรกิจที่เกี่ยวข้องรวมถึงพัฒนาและบริหารผลิตภัณฑ์ทางการเงิน มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนการถือหุ้นโดย ZIGA ถือหุ้น 69.99%

สำหรับการร่วมมือกับพันธมิตรในครั้งนี้ เป็นการพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่การเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ และยังเป็นการเติมเต็มธุรกิจเหล็ก และธุรกิจโครงสร้างโรงเรือนกัญชง-กัญชา สนับสนุนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ต่อเนื่อง โดยบริษัทได้เริ่มต้นด้วยธุรกิจเหมืองบิตคอยน์ และได้ดำเนินการไปแล้วทำให้สามารถสร้างรายได้และรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ปลายปี 2564

โดยในไตรมาส 1/2565 บริษัทตั้งเป้าที่จะมีเครื่องขุดเพิ่มขึ้นเป็น 400 เครื่อง เพื่อมาขยายการดำเนินงานและสนับสนุนรายได้เพิ่มขึ้น และคาดว่าการลงทุนเครื่องขุดบิทคอยน์ในอนาคต จะโอกาสจะติดตั้งเครื่องขุดได้ถึง 1,000 - 10,000 เครื่อง ขึ้นอยู่กับเงินลงทุนของบริษัท ซึ่งบริษัทมีความพร้อมด้านเงินทุนโดยได้ขออนุมัติวงเงินออกหุ้นกู้ในวงเงินล่วงหน้าไว้ 4 พันล้านบาท และคาดว่าจะมีการแบ่งทยอยออกหุ้นเป็นชุดในมูลค่าที่ไม่สูง ตามวงเงินที่จำเป็นต้องการใช้ในแต่ละโครงการ เบื้องต้นคาดเฟสแรกจะระดมทุนไม่เกิน 1 พันล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการลงทุนเครื่องขุดบิทคอยน์

“การจัดตั้งบริษัท เมอร์ลินตั้น อินโนเวชั่น จำกัด และ บริษัท วิสเดน กรุ๊ป จำกัด ขึ้นมานั้น เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซี รวมถึงการลงทุนธุรกิจที่ให้บริการทางการเงิน ที่นำเอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ (Financial Technology หรือ FinTech) รวมทั้งยังมีการศึกษาไปยังธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องอีกด้วย สำหรับแผนงานในปี 2565 บริษัทฯตั้งเป้าหมายที่จะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีธุรกิจใหม่ๆช่วยผลักดันอย่างชัดเจน” นายศุภกิจ กล่าว

 

บมจ. คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ Superior Long-term Performance ผ่าน 3 ธุรกิจในเครือทั้ง "หม้อแปลงไฟฟ้า-โซลาร์เซลล์- EV Charging" เตรียมประมูลงาน กฟภ.-กฟน. มูลค่ารวม 2,500 -3,000 ล้านบาท จ่อคว้างาน 10% ของมูลค่ารวม หรือประมาณ 250-300 ล้านบาทเสริมพอร์ต มั่นใจปี2565 รายได้แตะ 1,200 ล้านบาท

 

นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ("QTC") เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในปี2565 ว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก เพื่อมุ่งสู่ Superior Long-term Performance หรือการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยปี 2565 ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้แตะที่ระดับ 1,200 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์การขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนจาก 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย

1. ธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่ง QTC เป็นผู้ผลิตหม้อแปลงแบบ Super low loss รายแรกของประเทศไทย ที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้ถึง 80% และยังมีสินค้าสินหม้อแปลงคุณภาพอื่นๆ อีกมากมายตั้งแต่รุ่นกำลังไฟฟ้า 30 – 30,000 กิโลโวลต์แอมแปร์ (kVA) โดยปีนี้เตรียมแผนงานการเข้าประมูลงานของหน่วยงานราชการ อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มูลค่ารวม 2,500 – 3,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่ามีโอกาสได้งานดังกล่าว ประมาณ 250-300 ล้านบาท หรือประมาณ 10 % ของมูลค่างานโดยรวม และยังมีการส่งออกไปยังต่างประเทศ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศออสเตรเลีย และประเทศเพื่อนบ้าน โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้าประมาณ 300 ล้านบาท

ขณะที่งานในส่วนของภาคเอกชน อาทิ โครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่เตรียมเปิดโครงการ ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้จากส่วนนี้เข้ามาประมาณ 300 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดมูลค่างานในมือ (Backlog) จำนวน 350 ล้านบาท

2.ธุรกิจเทรดดิ้ง ภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ให้กับ LONGI Solar, Trina Solar, การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter ซึ่งในปีนี้มีการทำการตลาดเชิงรุกมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับการให้บริการที่ครบวงจร เนื่องจากเล็งเห็นว่าผู้ประกอบการขนาดกลางให้ความสำคัญในการติดตั้งแผงโซลาร์ บนหลังคา เพิ่มขึ้นถึง 60 -70 % และในส่วนของผู้ประกอบการรายใหญ่ก็ให้ความสนใจเพิ่มขึ้น 10-20 % จึงคาดว่าปีนี้ จะมีรายได้จากธุรกิจการจำหน่ายโซลาร์เซลล์ และ Solar Inverter ประมาณ 300 ล้านบาท

3.ธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) เฟสแรก จำนวน 4 สถานี หรือ 12 หัวจ่าย โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท โดยบริษัทฯ เตรียมดำเนินการให้บริการสถานีน้ำมันแห่งแรกในพื้นที่กรุงเทพมหานครฯ ย่านแสมดำ และหลังจากนั้นจะขยายเส้นทางสถานีติดตั้งไปสู่เส้นทางเหนือและภาคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดนครราชสีมา โดยคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาในช่วงกลางปี 2565

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "QTC" กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกจากยุทธศาสตร์ที่จะกลายเป็นคีย์หลักในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทฯในข้างต้นแล้ว เรายังศึกษาเพื่อต่อยอดการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของบริษัทฯ เพื่อตอกย้ำสู่การก้าวเป็นผู้นำ "ด้านพลังงาน" ซึ่งมีการให้บริการที่ครบวงจรทั้งหม้อแปลงไฟฟ้า Super low loss Transformer - โซลาร์เซลล์ - Inverter - EV Charging Station โดยมีนวัตกรรมระบบหม้อแปลงไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Transformer Monitoring System) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการเติบโตแบบยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับผลประกอบงวดปี2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 นั้น บริษัทฯมีรายได้รวม เท่ากับ 1,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.94 แบ่งเป็นรายได้ธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า 741 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้ง ภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ให้กับ LONGI Solar การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter 246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 197 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของบริษัท คิวโซลาร์ 1 จำกัด ขนาด 8.6 MW จำนวน 134 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 127 ล้านบาท

ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 12 เมษายน 2565 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 11 เมษายน 2565 เพื่อดำเนินการจ่ายปันผลในวันที่ 27 เมษายน 2565

 

---จบ---