HotNews : PTG คาด H2/63 ปริมาณขายกลับมาโต 15-17% ทั้งปี EBITDA พุ่ง 10-12%

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (28 พฤษภาคม 2563) "พิทักษ์ รัชกิจประการ" แม่ทัพ PTG   คาด H2/63 ปริมาณจำหน่ายน้ำมันจะกลับมาโต 15-17% หลังมองเห็นยอดขายเดือน พ.ค.กลับมาไกล้เคียงปกติ ทั้งปีจะมีปริมาณการเติบโตของปริมาณการจําหน่ายน้ำมันที่ 10 - 12%  พร้อมคาดหวัง  Net Profit อยู่ในระดับไกล้เคียงปีที่แล้ว จากยอดขายที่เติบโตเป็นปกติในครึ่งปีหลังของปี 63 

 

 

 

 

 

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าในครึ่งปีหลังของปี 2563 ปริมาณการจําหน่ายน้ำมันของบริษัท จะสามารถกลับมาเติบโตได้ที่ 15 - 17% และคาดทั้งปีจะมีปริมาณการเติบโตของปริมาณการจําหน่ายน้ำมันที่ 10 - 12% เนื่องจากบริษัทฯ เริ่มมองเห็นการเติบโตของการจําหน่ายน้ำมันในประเทศที่ค่อยๆ กลับมาเติบโตตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่เห็นการจ่ายน้ำมันเริ่มกลับมาไกล้เคียงกับช่วงสถานการณ์ปกติแล้ว หลังจากที่สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงแล้ว จากไตรมาสแรกที่โควิด-19 มีการระบาด ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลงในช่วงที่ผ่านมา

 

 

ขณะที่ บริษัทฯ ได้มีแผนการขยายสาขา ในปี2563 ผ่านการบริหารค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับภาวะตลาด ไม่ให้กระทบกับรักษากระแสเงินสดในมือด้วย โดยได้พิจารณาปรับลดการลงทุนในปีนี้จาก 4,500 - 5,000 ล้านบาท คงเหลือ 2,000 - 2,500 ล้านบาท โดยจะลดการขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันจาก 150 - 200 สาขา เป็น 50 - 100 สาขา และปรับลดการขยายสาขาธุรกิจ Non-Oil จากประมาณ 200 สาขา เป็น 100 สาขา ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าจากการขยายสาขาดังกล่าวจะทำให้ภายใน 5 ปี (2563-2567)

 

 

 

 

พร้อมกันนี้ คาดว่าบริษัทฯ จะมีส่วนแบ่งการตลาด ( Market Share) ในตลาดเติบโตเป็นอันดับที่3 ของกลุ่ม จากปัจจุบันมีอัตราเติบโตในสัดส่วนตลาดอยู่ที่ 17% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนอยู่ที่15.3% และในอนาคตคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตในส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง จากการขยายสาขา และการประชาสัมพันธ์และทำการตลาดให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์สินค้าของบริษัทมากยิ่งขึ้น

 

 

นายพิทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ได้มีการวางแผนเพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ที่จะกระทบต่อการเติบโตของปริมาณการจําหน่ายน้ำมันของบริษัท และการเติบโตของธุรกิจ Non-Oil ทั้งธุรกิจอาหารแลเครื่องดื่ม และธุรกิจร้าน สะดวกซื้อของบริษัท โดยการเพิ่มช่องทางการ ให้บริการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มทั้งในส่วนของกาแฟพันธุ์ไทย และ Coffee World ผ่านแอปพลิเคชั่นสั่งอาหารออนไลน์ ต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้ารวมถึงการรักษามาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ทั้งในส่วนของถังแก๊สหุงต้มที่จะมีความใหม่และมีปริมาณแก๊สบรรจุเต็มถังให้กับลูกค้า

 

 

สำหรับประมาณการผลการดําเนินงานในปี 2563 จากเป้าหมายเรื่องการขยายสถานีบริการน้ำมัน ที่ลดลงจากผลกระทบของการ แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทําให้คาดการณ์ปริมาณการเติบโตของการจําหน่ายน้ำมันของบริษัทอยู่ที่ 10 - 12% จากเดิม ที่คาดว่าจะเติบโต 15 - 20% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ปรับประมาณการผลประกอบการของบริษัท โดยคาดว่าจากผลกระทบของโรคระบาด โควิด-19 ที่ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดต่ำไปมาก บริษัทฯ จึงคาดว่าจะมี EBITDA เติบโตอยู่ที่ 10 - 12% จากปีที่แล้ว และคาดหวังว่าNet Profit ของบริษัทจะยังอยู่ในระดับไกล้เคียงปีที่แล้ว จากยอดขายที่คาดว่าจะเติบโตเป็นปกติในครึ่งปีหลังของปี 2563

 

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคาดว่าโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ยังสามารถดำเนินงานได้เต็มกำลังการผลิตและสร้างผลกำไรในปี 2563 อยู่ที่ 500 – 600 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะรับรู้ ส่วนแบ่งกำไรตามการถือหุ้นในสัดส่วน 40%

 

 

 

 

กูรูทิสโก้ เคาะเป้า PTG 15 บาท/หุ้น คาดแนวโน้มดีขึ้น QoQ ในไตรมาส 2

 

สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า คาดบมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี PTG ผ่านกำไรที่ต่ำสุดของปีไปแล้ว PTG รายงานผลประกอบการ 1Q20 ที่อ่อนตัว QoQ และ YoY สาเหตุหลักมาจากค่าการตลาดที่ต่ำในไตรมาส แต่สำหรับไตรมาส 2 เราเห็นการฟื้นตัวทั้งปริมาณขาย (จากการเดินทางมากยิ่งขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายนเป็นต้นมา) และค่าการตลาด (จากระดับราคาน้ำมันในตลาดที่มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น) ซึ่งเป็นส่วนหลักของของธุรกิจน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น QoQ และ YoY ดังนั้น เราคาดกำไรใน 2Q20F จะเติบโต QoQ อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาส่งผล upside จำกัดต่อราคาเป้าหมายของเรา ดังนั้น เราปรับคำแนะนำเป็น "ถือ" จากเดิม "ซื้อ"

 

 

ทั้งนี้มีมุมมองที่เป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์

 

1) แนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงปลายเดือนเม.ย.-พ.ค. โดยปริมาณขายหดตัวในช่วงต้นเดือนเม.ย. เริ่มปรับตัวดีขึ้นและในปลายเดือนทำให้เดือนเม.ย. ติดลบเพียง -5% YoY เท่านั้น และปัจจุบันปริมาณขายเติบโตระดับ 2 หลักในเดือน พ.ค. และจากการผ่อนคลายมาตรการภาครัฐ เราคาดจะเห็นปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นในช่วงนี้เป็นต้นไป

 

2) ราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้น QoQ

 

3) ค่าการตลาดน้ำมันมีทิศทางที่ดีขึ้นมาที่ 1.80-1.90 บาทต่อลิตรใกล้เคียงกับ 2Q19 ซึ่งดีขึ้นจาก 1Q20 ที่เพียง 1.60 บาท/ลิตร

 

4) การเข้าสู่ธุรกิจ LPG ครัวเรือนที่เพิ่มจำนวนสาขาขึ้นจาก 25 เป็น 105 สาขา ซึ่งมีอัตรากำไรที่ดีกว่าจำหน่ายน้ำมัน อย่างไรก็ตาม

 

5) ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนปาล์มคอมเพล็กที่รับรู้ถึง 170 ล้านบาทใน 1Q20 มีทิศทางลดลง QoQ ตามความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลงแต่ยังเติบโตสูง YoY โดยบริษัทยังคงเป้าหมายส่วนแบ่งกำไรจากปาล์มคอมเพล็กซ์ที่ 260-280 ล้านบาท

 

 

จากแนวโน้มในปัจจุบัน มองว่า PTG ได้ผ่านผลประกอบการที่ต่ำสุดของปีไปใน 1Q20 แล้ว เราคาดจะเห็นกำไรสุทธิใน 2Q20F เติบโต QoQ แต่ยังมีแนวโน้มลดลง YoY จากปีที่แล้วค่าการตลาดสูงถึง 1.88 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองที่ค่อนข้างเข้มงวดของเรา จากคาดค่าการตลาดทยอยเพิ่มขึ้น โดยเรามีสมมติฐานค่าการตลาด 1.68 บาทต่อลิตรในปี 2020F โดยคาดกำไรสุทธิที่ 1,253 ล้านบาท จากการทำ Sensitivities ของเรา หากค่าการตลาดน้ำมันอยู่ที่ระดับ 1.80 บาทต่อลิตรเท่ากับระดับปัจจุบันกำไรสุทธิของ PTG อยู่ที่ 1,735 ล้านบาท

 

คงมุมมองระมัดระวัง ปรับคำแนะนำเป็น "ถือ" จาก upside ที่จำกัดต่อมูลค่าที่เหมาะสมของเรา 15 บาท (PER 20x ปี 2020F) ปัจจุบัน PTG ซื้อขายอยู่ที่ PBV 3.3 เท่าและ PER 20 เท่า ปัจจัยเสี่ยงสำหรับ PTG ได้แก่ 1) ค่าการตลาดที่อ่อนตัวกว่าที่เราคาดไว้ 2) ปริมาณขายน้ำมันที่ต่ำกว่าคาด และความล่าช้าของธุรกิจ non-oil 3) ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานบัญชีที่สูงกว่าคาด

 

PTG