Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: NDR ยกระดับสู่ภูมิภาค

4,847

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (26 มีนาคม 2564)---บมจ. เอ็น.ดี.รับเบอร์ หรือ NDR ปักธงรายได้ปีนี้โต 15-20% เร่งบุกตลาด Mass Market และ Niche Market พร้อมตั้งเป้าหมายยกระดับสู่ภูมิภาค มุ่งเน้นเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายให้บริษัทย่อยในมาเลฯ ติดปีกขยายตลาดต่างประเทศ รุกอินโดนิเซีย-เวียดนาม เล็งปรับกระบวนผลิตเป็น Automation มากขึ้น พร้อมมองหาโอกาสขยายธุรกิจอื่นเพิ่มเติม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

 

นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR กล่าวว่า บริษัทฯวางเป้าหมายรายได้ในปี 2564 เติบโต 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 781.42 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการบุกตลาดในประเทศ ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ตลาดมวลชน (Mass Market) และ2. ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) โดยกลุ่ม Mass Market เน้นที่ตัวแทนการจัดจำหน่าย เพื่อกระจายสินค้าทั่วถึงทั้งประเทศ ขณะที่กลุ่ม Niche Market จะสร้างตลาดเฉพาะกลุ่มขึ้นมา และเน้นสร้างแบรนด์ สร้างดีมานด์ รวมถึงเพิ่มประสบการณ์ในการได้ใช้ยางรถจักรยานยนต์ของบริษัทฯ

 

ทั้งนี้ ประเมินภาพรวมของอุตสาหกรรมยางรถจักรยานยนต์ในปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อน จากปัจจัยที่เอื้อประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เข้ามาช่วยกระตุ้นการบริโภค ประกอบกับ แรงสนับสนุนการสั่งสินค้าออนไลน์ และการสั่งเดลิเวอรี่จะเป็นปัจจัยเสริมทำให้มีการใช้รถจักรยานยนต์มากขึ้น และส่งผลต่อความต้องการของยางรถจักรยานยนต์ในตลาดเพิ่มขึ้น

 

กรรมการผู้จัดการ NDR กล่าวอีกว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายเป็นบริษัทฯระดับภูมิภาค โดยมุ่งเน้นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้กับบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซีย ขณะเดียวกันมองการขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศอินโดนิเซีย และ ประเทศเวียดนาม จากปัจจุบันบริษัทฯ เข้าสู่ตลาดประเทศเมียนมา ประเทศกัมพูชา ประเทศลาว ประเทศมาเลเซียเรียบร้อยแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีการปรับกลยุทธ์ระยะสั้นตามสถานการณ์ปี 2564 โดยเพิ่มประเภทสินค้าเพื่อขยายกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มช่องทางการขายเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น รวมถึงปรับกลยุทธ์การขายให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้น เพื่อรักษาผลกำไรของบริษัทฯ อีกทั้งจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนและเลือกลงทุนกับโครงการที่มีผลต่อผลประกอบการเป็นอันดับแรก

 

สำหรับด้านกระบวนการผลิตนั้น บริษัทฯ มีการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้เป็นระบบ Automation โดยการพัฒนาการออกแบบเครื่องจักรใหม่ และปรับปรุงเครื่องจักรเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และสามารถลดจำนวนพนักงานลงได้

 

"ปีนี้เรามุ่งเน้นการตั้งเป้าหมายเป็นบริษัทฯ ระดับภูมิภาค โดยจะขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศอินโดนิเซีย และ ประเทศเวียดนาม รวมถึงปรับกลยุทธ์ระยะสั้นตามสถานการณ์ปี 2564 และปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้เป็นระบบ Automation และท้ายสุดก็คือ มองหาโอกาสขยายไปยังธุรกิจอื่นเพิ่มเติม เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น" นายชัยสิทธิ์ กล่าว


"บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายผลการดำเนินงานในปี2564 คาดว่าจะมีรายได้ปี64 เติบโตจากปีก่อน 15-20% หรือแตะที่ระดับ 850-900 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงปี2562 หรือช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมองแนวโน้มธุรกิจในปีนี้ คาดว่าเศรษฐกิจจะมีการฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อนเช่นเดียวกับกำลังซื้อของประชาชนที่จะกลับมา จากการคมนาคมภายในประเทศที่เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว" นายชัยสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนการดำเนินงานในปี2564 โดยมุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนการผลิตให้ดีขึ้น เนื่องจากปีนี้ที่เริ่มมองเห็นการฟื้นตัวแล้วก็จะทำให้ซัพพลายมีราคาปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งยังระมัดระวังการใช้กลยุทธ์การลดราคาหรือจัดโปรโมชั่นมากขึ้น โดยมองว่าปีนี้เริ่มเห็นกำลังซื้อของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องจัดโปรโมชั่น หรือลดราคามากเท่าปี63 ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนการบริหารได้มาก และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะเข้ามาช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ดีกว่าปีก่อน

“เรามีการมองหาตลาดส่งออกใหม่ๆในหลายๆประเทศตลอดเวลา แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังมีการแพร่ระบาดอยู่ ทำให้ไม่สามารถบินข้ามประเทศไปเจรจาได้ โดยปัจจุบันบริษัทได้ทำการติดต่อกับคู่ค้าในประเทศใหม่ๆผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งก็มีผลทางด้านการเจรจาหรือพูดคุยรวมถึงการดูกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆที่ยังไม่ค่อยสะดวกนัก แต่อย่างไรก็ตามประเทศอินโดนีเชีย และเวียดนาม มีอัตรากำลังซื้อและประชากรที่มีดีมานด์ความต้องใช้สินค้าของเราเป็นอย่างมาก ถือเป็น2ประเทศใหม่ที่บริษัทตั้งใจที่จะเข้าไปขยายตลาดในปีนี้อย่างแน่นอน ” นายชัยสิทธิ์ กล่าว


นายชัยสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์ระยะสั้นตามสถานการณ์ของปี 2564 ประกอบด้วย การเพิ่มประเภทสินค้าเพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มช่องทางการขายเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น รวมถึงปรับกลยุทธ์การขายให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นเพื่อรักษาผลกำไรของบริษัท อีพทั้งยังจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนและเลือกลงทุนกับโครงการที่มีผลต่อผลประกอบการเป็นลำดับต้น

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มองหาโอกาสการขยายธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อดำเนินกิจการใหม่ๆนอกเหนือธุรกิจเดิม และพร้อมที่จะเข้าซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งได้มุ่งเน้นและให้ความสนใจกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหลัก เพื่อให้สอดคล้องกับความชำนาญ และความสามารถที่จะนำไปต่อยอดกับธุรกิจเดิมของบริษัทได้ นอกจากนี้ยังมีความสนใจใน ธุรกิจ S-Curve หรือธุรกิจที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆซึ่งจะมีการเติบโตได้ดีในอนาคต

 

นายชัยสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ผลการดำเนินงานปี 2563 สะท้อนว่าบริษัทฯ มีการบริหารจัดการที่ดี และทันท่วงทีภายใต้สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทั้งการบริหารจัดการเรื่องวัตถุดิบและการลดต้นทุนในการผลิต ส่งผลให้ทั้งปี 2563 ผลการดำเนินงาน เทิร์นอะราวด์ โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 45.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 327.41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 19.88 ล้านบาท

---จบ---

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

TMILL ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผู้ถือหุ้นโหวตรับปันผลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น

TMILL ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผู้ถือหุ้นโหวตรับปันผลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น

ไปไม่ไกล By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ ภาพรวมหุ้นไทย คงวิ่งไม่ไกล ไม่แรง ด้วยทั่วโลก จับตา ประธานเฟด แถลงผลประชุม 1พ.ค.67 ...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้