HotNews : NDR ส่งซิกโค้ง 3 สดใส

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (30 ตุลาคม 2563) "ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา " แม่ทัพ NDR แย้มประชุมบอร์ด 12 พ.ย. นี้ เคาะงบ Q3/63 ส่งซิกผลงานโตสวยหลังออเดอร์เริ่มกลับมา ขณะที่คาดรายได้ปี 63 หด15% จากปีก่อน 861.87 ลบ. เหตุโควิด-19 กระทบ แต่กำไรโต รับผลดีต้นทุนวัตถุดิบลดลง

นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า สำหรับผลประกอบการไตรมาส3/2563 ต่อเนื่องไปถึงไตรมาส4/2563 มีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่ดี หลังปัจจุบันคำสั่งซื้อสินค้าเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มดีขึ้น ซึ่งบริษัทฯจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ(บอร์ด) วันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 เพื่อสรุปผลประกอบการไตรมาส3/2563 และแจ้งงบงบต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

สำหรับภาพรวมผลประกอบการทั้งปี 2563 บริษัทฯ ยอมรับว่ารายได้ปี 2563 จะปรับตัวลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ทำได้ 861.87 ล้านบาท เนื่องจาก ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังมีการล็อคดาวน์ประเทศทำให้ไม่สามารถส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศได้ ซึ่งส่งผลให้ยอดขายของบริษัทฯช่วง 3 เดือน (เมษายน-มิถุนายน) หายไปค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ กำไรสุทธิปี 2563 มีแนวโน้มเติบโตดี เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ผลขาดทุนสุทธิ 19.54 ล้านบาท หลังได้รับอานิสงค์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากดีมานด์ทั่วโลกที่หายไปส่งผลให้ราคายาง และราคาน้ำมันปรับลดลง ดังนั้นบริษัทฯจึงใช้โอกาสนี้ในการเข้าซื้อวัตถุดิบเพื่อสำรองไว้เป็นจำนวนมาก

"ต้องบอกก่อนโควิด-19เป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีต่อส่วนใหญ่ แต่ในมุมของเราก็มองว่ามีโอกาสดีบ้างในส่วนของต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง ซึ่งเราก็ใช้จังหวะนี้ในการเข้าซื้อเก็บและนำมาบริหารเพื่อสร้างผลกำไรให้แก่เรา เพราะตอนนี้หลังโควิดคลี่คลายบางประเทศเริ่มเปิดล็อคดาวน์แล้วดีมานด์กลับมาปกติ " นายชัยสิทธิ์ กล่าว

ขณะที่ภาพรวมของ Fung Keong Rubber Manufactory (M) Sdn. Bhd. (“FKRMM”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯในประเทศมาเลเซียปัจจุบันได้กลับมาเปิดทำการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังถูกสั่งปิดชั่วคราว18 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 28 เมษายน 2563 แต่ทั้งนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19ในมาเลเซียเริ่มรุนแรงมากขึ้นและมีการระบาดระลอก2 รุนแรงกว่าช่วงแรกส่งผลให้ยอดขายของ “FKRMM” ในเดือนตุลาคมนี้ต่ำกว่าปกติ

สำหรับปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนยอดขายในประเทศคิดเป็น 45% ส่วนต่างประเทศคิดเป็น 55% โดยมี มาเลเซีย, ลาว ,กัมพูชา เมียนมาร์ และฟิลิปปินส์ แต่ทั้งนี้บริษัทฯยังมองหาโอกาสในการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศอื่นๆเพิ่มเติม ซึ่งจะเน้นในแถบเอเซียเป็นหลัก พร้อมกันนี้ยังมองหาโอกาสในการแตกไลน์ธุรกิจอื่นเพื่อเป็นการขยายธุรกิจในอนาคตด้วยเช่นกัน ซึ่งรูปแบบการลงทุนจะมีทั้งการร่วมทุน (Joint venture) และการเข้าซื้อกิจการ(M&A) หากมีความชัดเจนจะแจ้งให้ทราบทันที

อนึ่ง NDR รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2563 พลิกมีกำไรสุทธิ 8.85 ล้านบาท จากไตรมาส 1/2563 ขาดทุนสุทธิ 2.41 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้ 157.53 ล้านบาท เทียบจากไตรมาส 1/2563 มีรายได้ 167.85 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ผลประกอบการในไตรมาส 2/2563 พลิกเป็นกำไร เนื่องจากบริษัทฯได้มีการปรับลดค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2563 ที่ผ่านมา ประกอบกับสถานการณ์ COVID-19 ทำให้เกิดการชะลอตัวของการผลิตยางล้อทั่วโลก จึงส่งผลให้ราคาวัตถุดิบตกลงอย่างมาก ส่งผลให้ต้นทุนของบริษัทฯต่ำลง และมีกำไรขั้นต้นสูงขึ้น โดยในไตรมาส 2/2563 มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23.92% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2563 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 18% และสูงกว่าในไตรมาส 2/2562 ที่ 15.40%

ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี2563 บริษัทฯมีกำไรอยู่ที่ 6.44 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนประมาณ 5 ล้านบาท