HotNews : GULF ขยายอาณาเขตโรงไฟฟ้า / AGE เตรียมผงาดครึ่งหลังปี 63

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(7 กรกฎาคม 2563)  AGE ส่งซิกครึ่งปีหลังสดใส ลูกค้ารายใหญ่สั่งซื้อถ่านหินล็อตใหญ่ 7 แสนตัน ส่วนโลจิสติกส์ไม่น้อยหน้า เซ็นสัญญาขนส่งสินค้า 2 ล้านตัน พร้อมทยอยรับมอบเรือลำเลียงครบ 36 ลำ และมีรถบรรทุกครบ 51 คัน ด้านผู้บริหาร "พนม ควรสถาพร" คาดว่าปริมาณการขายถ่านหินแตะ 3.5 ล้านตัน ระบุเติบโตตามแผนเดิมที่ตั้งเป้า พร้อมเล็งปักธงตลาดต่างประเทศ เร่งขยายฐานลูกค้าต่อเนื่อง

 

 

 

นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดหาและจัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2563 โดยคาดว่าภาคอุตสาหกรรมจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่กลางไตรมาส 3/2563 ภายหลังการเริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการการควบคุมกิจการ และกิจกรรมต่างๆ ให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้ปกติมากขึ้น บวกกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

 

สำหรับในส่วนของ AGE ในช่วงที่ผ่านมามีการปรับกลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการเพิ่มมากขึ้นโดยมุ่งเน้นถึงผลประโยชน์และความมั่นคงด้านอัตราการเติบโตของธุรกิจเป็นสำคัญ ทั้งในส่วนของธุรกิจถ่านหิน และธุรกิจโลจิสติกส์ ได้แก่ การขนส่งทางน้ำ - ทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือและคลังสินค้าเต็มรูปแบบ

 

ปัจจุบันธุรกิจโลจิสติกส์ได้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ล่าสุดได้มีการทำสัญญาการให้บริการโลจิสติกส์กับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ โดยมีปริมาณรวม 2 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่า 340 ล้านบาท ซึ่งจากปริมาณการขนส่งดังกล่าวถือว่าเป็นไปตามนโยบายการเพิ่มจำนวนเรือลำเลียงในปี 2563 ซึ่งจะส่งมอบช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ครบ 36 ลำ และมีรถบรรทุกครบทั้งหมด 51 คัน พร้อมทั้งเตรียมขยายท่าเรือที่ 4

 

 

 

ส่วนแนวโน้มธุรกิจถ่านหิน ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ได้มีคำสั่งซื้อบิ๊กล็อต (Big Lot) จำนวน 7 แสนตันเข้ามา ซึ่งจะทยอยส่งมอบในครึ่งปีหลังของปีนี้ ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการทำการตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม จีน และกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจนอกเหนือจากตลาดในประเทศ

 

นอกจากนี้บริษัทร่วมทุนของบริษัทฯ คือบริษัท แอท เอนเนอจี โซลูชั่น จำกัด ซึ่งช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดว่าโครงการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าโซล่าร์ขนาด 5 เมกะวัตต์สำเร็จและจะสามารถรับรู้รายได้ นอกจากนี้ธุรกิจจำหน่ายไอน้ำที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโครงการและติดตั้ง Boiler ขนาด 6 ตัน เพื่อผลิตไอน้ำในกระบวนการผลิตนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จและรับรู้รายได้ในช่วงปลายปีนี้ จึงเชื่อว่าเป้ารายได้ที่ตั้งไว้และปริมาณการขายถ่านหินที่ระดับ 3.5 ล้านตันสามารถทำได้ตามเป้าที่วางไว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

GULF ทุ่ม 1.92-1.95หมื่นลบ. ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมทะเล ขนาด 464.8 MWที่ประเทศเยอรมนี

 

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) GULF เปิดเผยว่า Gulf International Holding Pte. Ltd. (GIH”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้เข้าทําสัญญาซื้อขายหุ้น (Share Purchase Agreement) กับกลุ่ม Global Infrastructure Partners (“GIP”) เพื่อซื้อหุ้นทั้งหมดของ Borkum Riffgrund 2 Investor Holding GmbH, Frankfurt am Main, Germany (“BKR2 Holding”) ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 50 ในโครงการ Borkum Riffgrund 2 offshore Wind Farm GmbH & Co. oHG (“โครงการ BKR2") ด้วยมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 548 - 558 ล้านยูโร หรือประมาณ 19,219 - 19,570 ล้านบาท โดยส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 50 ถือหุ้นโดยบริษัทในกลุ่ม grated A/S ("Ersted") (เดิมชื่อ DONG Energy) โดยสัญญามีผลใช้บังคับในวันที่ 3 กรกฎาคม 2563

 

โครงการ BKR2 เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล (Offshore Wind Farm) ขนาดกําลังการผลิตติดตั้ง 464.8 เมกะวัตต์ (ขนาดกําลังการผลิตส่งออก 450.0 เมกะวัตต์) ตั้งอยู่ในทะเลเหนือ (North Sea) ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของประเทศเยอรมนี ซึ่งโครงการดังกล่าวได้เริ่มเปิดดําเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement: PPA) และสัญญาบํารุงรักษา (Operation & Maintenance Agreement O&M Agreement) กับกลุ่มบริษัท Ersted เป็นระยะเวลา 20 ปี จากวันที่เปิดดําเนินการ นอกจากนี้ โครงการ BKR2 ยังมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ feed-in tariff (FiT) ที่รับประกันโดยรัฐบาลประเทศเยอรมนี เป็นระยะเวลา 9.5 ปี หลังจากเปิดดําเนินการเชิงพาณิชย์ และจะ ได้รับค่าไฟฟ้าตาม merchant price โดยมีการรับประกันราคาขั้นต่ํา สําหรับปีที่ 9.5 - 20 จึงส่งผลให้โครงการดังกล่าวมี เสถียรภาพทางรายได้ในระยะยาว

 

บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของโครงการ BKR2 ที่สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ ในการขยายธุรกิจไปยัง พลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ โดยพิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการ BKR2 มีผู้ร่วมทุนที่แข็งแกร่งอย่าง Ersted ซึ่งเป็นบริษัท ชั้นนําที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจพลังงานลมในทะเล โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเลติดตั้งทั่วโลกรวม 6.8 กิกะ วัตต์ และอีก 3.1 กิกะวัตต์ ที่จะสร้างเสร็จภายในปี 2565 ในหลายประเทศ อาทิ สหราชอาณาจักร ประเทศเยอรมนี ประเทศ เดนมาร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นต้น

 

 

นอกจากนี้ Ersted ยังมีประสบการณ์ในการดําเนินธุรกิจดังกล่าวกว่า 25 ปี และเป็นผู้ดําเนิน โครงการ BKR2 ซึ่งจะทําให้สามารถร่วมงานด้วยกันต่อไปเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนของบริษัท ฯ อีกทั้งเป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในระดับสากลอีกด้วย นอกจากนี้ เนื่องจากเป็นโครงการที่ เปิดดําเนินการแล้ว บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้และกําไรได้ทันทีหลังจากการโอนหุ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มฐานรายได้และกําไรของ บริษัทฯ ให้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ

 

 

 

 

บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เชียร์ "ซื้อ" GULF เป้า 38.5 บ.

 

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า GULF ได้เข้าลงทุนสัดส่วน 50% ในโครงการพลังงานลมที่เยอรมนีขนาด 464.8 MW (232.4 MWe) ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 19,219-19,570 ลบ. (84 ลบ./MW) โครงการนี้เป็น Offshore Wind Farm ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเยอรมนี โดยมี PPA กับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ระยะเวลา 20 ปี ด้วยอัตรา FiT ที่รับประกันโดยรัฐบาลเยอรมนีในช่วง 9.5 ปีแรก หลังจากนั้นเป็นแบบ Merchant Price โดยมีการรับประกันราคาขั้นต่ำ โดยปัจจุบันได้เริ่ม COD แล้วตั้งแต่ เม.ย. 62

 

เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการเข้าลงทุนครั้งนี้ เนื่องจาก 1) ขนาดการลงทุนค่อนข้างใหญ่ ซึ่งสามารถเพิ่ม Capacity ได้ 3% ของฐานเดิม; 2) เป็นโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้ว ทำให้สามารถสร้างส่วนแบ่งกำไรได้ทันที : 3) ผู้ร่วมทุนเป็น บ. ขนาดใหญ่ ที่มีความชำนาญในโครงการพลังงานลมในทะเลทั่วโลก โดยมีโครงการในมือจำนวนมาก (9.9 GW) ซึ่งจะเพิ่มโอกาสการขยายธุรกิจให้กับ GULF ได้ต่อเนื่อง

 

เรามองว่าความเคลื่อนไหวทางธุรกิจของ GULF ในระยะหลังทั้งการเข้าซื้อหุ้น INTUCH สัดส่วน 5%, การลงทุนโครงการพลังงานลมที่เวียดนาม 100 MW, การขยายธุรกิจสาธารณูปโภคที่โอมานและล่าสุดในครั้งนี้ สะท้อนถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจเชิงรุกที่มุ่งสร้างการเติบโตให้กับ GULF อย่างต่อเนื่อง เรายังคงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ด้วยราคาเป้าหมาย 38.5 บ. (อิง IAA Consensus) แม้ราคาหุ้นจะแพงมากด้วย FY63 P/E 82x ก็ตาม

 

 

 

 

 

บล.ทิสโก้ แนะนำ "ถือ" GULF ราคาพื้นฐาน ที่ 25 บ. 

 

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า GULF ได้มีการทำสัญญาซื้อหุ้น 100% ในโรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 แห่ง กำลังการผลิตที่ละ 50 MW รวม 100 MW และขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าเวียดนามอายุสัญญา 20 ปีที่มูลค่าประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ แต่อย่างไรก็ตาม GULF ไม่ได้มีการเผยข้อมูลในรายงาน และโครงการนี้จะเริ่มก่อสร้างในปี 2021 ก่อนจะดำเนินงานเชิงพาณิชย์ใน 4Q22

 

กระทบอย่างไม่มีนัยสำคัญ แม้ว่าตลาดจะมองข่าวนี้เป็นปัจจัยบวก แต่เรามองว่าด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพียง 1% ทำให้ผลกระทบต่อราคาหุ้นไม่ถึง 0.28 บาท โดยเราใช้ IRR ที่ 20% และมีสัดส่วนของหนี้สินที่ 75% เราแนะนำให้ “ถือ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 25.00 บาท (DCF) โดยมีความเสี่ยงคือ การปิดปรับปรุงนอกกำหนดการ และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการก่อสร้าง