สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (16 ตุลาคม 2561) 

GULF ลั่นรายได้ปี 62 แตะ 3.2 หมื่นลบ. - เตรียม COD โรงไฟฟ้า SPP เพิ่ม 4 โรง - เผยมองหาโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้า CLMV - ในประเทศ ต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ปีนี้ เข้าเป้า 2 หมื่นลบ. หลัง COD โรงไฟฟ้าเพิ่ม 4 โรง กำลังการผลิตรวม 480 MW

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ในปี 2562 มีแนวโน้มเติบโตแตะ 32,000 ล้านบาทหรือเติบโตราว 60% จากปีนี้ ซึ่งคาดว่ารายได้เติบโตตามเป้าที่ 20,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯเตรียมที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ SPP ในปี 2562 เพิ่มขึ้นอีก 4 โรง กำลังการผลิตรวมมากกว่า 480 เมกกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้า จ.ระยอง 126.9 MW คาดว่าจะ COD ประมาณเดือนมกราคม 2562 โรงไฟฟ้า จ.สระบุรี 135.2 MW คาดว่าจะ COD ประมาณเดือนมีนาคม 2562 โรงไฟฟ้านครราชสีมา 2 โรง กำลังการผลิตโรงละ 128.2 MW คาดว่าจะ COD ประมาณเดือนพฤษภาคม และกรกฎาคม 2562

ขณะที่ปีนี้ บริษัทฯมีโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ SPP ที่ดำเนินการเชิงพานิชย์เพิ่มอีก 4 โรง มีกำลังการผลิตกว่า 480 ได้แก่ โรงไฟฟ้า จ.ระยอง 129.9 MW ซึ่ง COD ไปแล้วเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาโรงไฟฟ้า จ. ปราจีนบุรี 126.5 MW COD ไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โรงไฟฟ้า จ.อยุธยา 2 โรง กำลังการผลิตโรงละ 126.8 MW ซึ่ง COD ไปแล้วเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และเตรียมที่จะ COD เพิ่มในเดือนพฤศจิกายน อีก 1 โรง ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าปีนี้รายได้จะสามารถเติบโตแตะ 20,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากปี 2560 มีรายได้อยู่ที่ 9,523.94 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกของปี 2561บริษัทฯมีรายได้อยู่ที่ 8,805.1 ล้านบาท

ส่วนความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ กำลังการผลิตติดตั้ง 326 เมกะวัตต์ (MW) และมีกำลังผลิตน้ำจืด 1,667 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง ใน Duqm Special Economic Zoneที่ประเทศโอมาน มูลค่าโครงการ 483 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บริษัทถือหุ้น 45% ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ประมาณ 12% โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาและคาดว่าจะทยอยก่อสร้างแล้วสร็จและรับรู้รายได้ในปี 2563 - 2565 โดยในปี 2563 จะสามารถ COD ได้ประมาณ 45 เมกกะวัตต์ และบริษัทฯคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เต็มกำลังการผลิต (Full capacity) ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป โดยจะรับรู้กำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นเข้ามาประมาณ 700 ล้านบาท / ปี

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีโครงการร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลม-โซลาฟาร์ม ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างในประเทสเวียดนาม กำลังการผลิตรวมกว่า 460 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลม 310 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าโซลาฟาร์ม 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 150 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขณะนี้อยู่ระหว่างคัดเลือกผู้รับเหมา และคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในต้นปี 2562 และจะทยอย COD ได้ตั้งแต่ปี 2563-2566

ส่วนโรงไฟฟ้าโซลาฟาร์ม 2 โครงการ คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนมีนาคม และพฤษภาคม 2562 ซึ่งทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานลม และโซลาร์ฟาร์ม บริษัทคาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 10-15% อีกทั้งบริษัทฯคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เต็มกำลังการผลิต (Full capacity) ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป โดยจะสามารถรับรู้กำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นปีละ 700-800 ล้านบาท / ปี

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังมองหาโอกาสในการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้ง green field และ brown field เพิ่มเติมต่อเนื่อง ทั้งในแถบ CLMV และในประเทศ

GULF