HotNews : เจาะกลยุทธ์ TACC ยุค New Normal

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (16 มิถุนายน 2563) TACC เตรียมปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ สอดคล้องพฤติกรรมผู้บริโภค หวังกระตุ้นยอดขายรับกระแส New Normal พร้อมส่งสินค้าใหม่วางขายในเซเว่นฯมากขึ้น ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ด้าน 2 เซียนหุ้น แนะซื้อ TACC เคาะเป้า 6.50 บาท/หุ้น

 

นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC)  เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าส่งสินค้าใหม่ วางขายใน ร้าน "เซเว่น อีเลฟเว่น" เพื่อกระตุ้นยอดขาย และรายได้ ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างเตรียมปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่จะเปลี่ยนไป รองรับกระแส New Normal หรือ วิถีปกติใหม่ โดยเฉพาะการวางแผนการจับจ่ายใช้สอยก่อนออกจากบ้านมากขึ้น

 

"สิ่งที่บริษัทฯจะทำต่อไปคือ ทำอย่างไรให้สินค้าของ TACC ไปอยู่ในแผนการซื้อสินค้าของผู้บริโภค รวมถึงเข้าไปอยู่ในระบบเดลิเวอรี่ เช่น การออกแบบแพ็คเกจที่เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มยอดขาย ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต"

 

 

 

ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1/63 มีกำไรสุทธิ 42.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.80 ล้านบาท หรือ 18.99% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 35.83 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายและบริการในไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 328.16 ล้านบาท ลดลง 7.04% จากผลกระทบโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงมียอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน All Cafe ที่มากขึ้นตามจำนวนสาขาและเพิ่มเมนูใหม่ตามฤดูกาล และกลุ่มสินค้าที่ร่วมพัฒนากับ B2B ประธานกรรมการบริหาร TACC กล่าวอีกว่า กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 1/63 มาจากอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น โดยมาจากการเพิ่มยอดขายในส่วนสินค้าที่มีกำไรสูงจากการพัฒนาต้นทุนอย่างต่อเนื่องและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยการเน้นกลยุทธ์การออกสินค้าใหม่มากขึ้นในกลุ่มธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูง และร่วมพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้าที่จำหน่าย

 

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์ แนะนำ "ซื้อ" TACC ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท/หุ้น มองสถานการณ์ดีขึ้นหลังคลายLockdown จากคนกลับเข้าทำงานออฟฟิศมากขึ้น ,ชั่วโมง Curfew ลดลง รวมถึงสาขา 7-11 ปั้มน้ำมันดีขึ้นจากคนเดินทางข้ามจังหวัดได้มากขึ้น ซึ่งแม้รับรู้รายได้ Character Business ลดลงจากยืดอายุสัญญาให้กับลูกค้าแต่ไม่ได้กระทบอย่างมีนัย ทำให้แม้ 2Q63 ยอดขายชะลอตัว แต่บริหารจัดการต้นทุนได้ดีทำให้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น หนุนกำไรเติบโต y-y, q-q

 

 

มองบวกต่อช่วงที่เหลือของปี : มองบวกต่อช่วงที่เหลือของปีจากแนวโน้มยอดขายที่ดีขึ้นจากเพิ่ม Upsize เครื่องดื่ม Non-Coffee เป็น 22oz. ได้การตอบรับดี, เพิ่ม Topping ให้หลากหลายมากขึ้น ,ออกเมนูใหม่ๆ กอปรกับได้ลูกค้าใหม่ "พันธุ์ไทย" มาเสริมรายได้นอก 7-11 และ Character business ที่ทยอยดีขึ้นหลังลูกค้าเริ่มกลับมาดำเนินกิจกรรมตามปกติ ทางฝ่ายคาดกำไรทั้งปี +13.4% y-y (กำไรปกติ +4.0%)

 

 

 

ปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ": ราคาพื้นฐานที่ 6.50 บ. โดยยังไม่รวมตาม 7-11 ไปกัมพูชา, ดีล Tesco และรายได้ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ San-X แนะนำ "ซื้อ"

 

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดกำไร 2Q63 ของ TACC เบื้องต้นในช่วง 42 - 45 ลบ. ทรงตัวถึงเติบโตเล็กน้อย YoY แต่เติบโตราว 15%+/- YoY แม้ว่ารายได้จะได้รับผลกระทบในช่วงครึ่งแรกของไตรมาสจากการ Lockdown และการ WFH ทำให้สาขาในแหล่งสำนักงาน โรงเรียน และสถานที่ท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ รวมถึงการ Curfew ทำให้สินค้าใน 7-Eleven จำหน่ายได้ไม่ถึง 24 ชม. ส่วนธุรกิจคาแร็คเตอร์การ์ตูนได้รับผลกระทบจากการเลื่อนเวลาออกไปของลูกค้าแต่ยังไม่มีการยกเลิก ทำให้ TACC ยืดระยะเวลาสัญญาให้ลูกค้า การรับรู้รายได้เฉลี่ยต่อเดือนอาจน้อยลงบ้างจากเดิม แต่ได้รายได้ชดเชยบางส่วนจากการขายลิขสิทธิ์ให้กลุ่มผู้ผลิตหน้ากากผ้า และกลุ่มของใช้ในครัวเรือนเช่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม

 

 

นอกจากนี้บริษัทหันมาเน้นที่การลดต้นทุนด้วยการต่อรองกับ Supplier และลูกค้า และการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ทำให้คาดว่าอัตรากำไรขึ้นต้น และอัตรากำไรสุทธิจะดีขึ้นอีกใน 2Q63 จากที่อัตรากำไรขั้นต้นทำ New high ไปแล้วใน 1Q63 นอกจากนี้ในช่วงที่มีการคลาย Lockdown และ WFH ลดลงทำให้ยอดขายในโถกด และ All caf? กลับมาได้ค่อนข้างดี เราจึงคาดว่ากำไร 2Q63 จะยังโตได้ QoQ และ YoY จากเดิมที่เราคาดว่าจะลดลงทั้ง QoQ และ YoY

 

 

 

2H63 ฟื้นตัวทำให้รายได้ทั้งปีทรงตัวได้ YoY เนื่องจากการกลับมาใช้ชีวิตปกติมากขึ้น การท่องเที่ยวในประเทศเริ่มทยอยปลดล๊อค โรงเรียนเริ่มกลับมาเปิด กิจกรรมทางการตลาดเริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่มีการปลดล๊อคเรื่อง Curfew ก็ตาม เชื่อว่าจะทำให้การบริโภคในประเทศฟื้นตัวมากกว่า 1H63 รวมถึงลูกค้าในธุรกิจ คาแร็คเตอร์เริ่มกลับมาเดินหน้าเจรจากันอีกครั้ง ในช่วง 2H63 คาดมีงานใหญ่ที่เลื่อนไปกลับมาเดินหน้าใหม่ ส่วนธุรกิจเครื่องดื่ม All cafe มีการเพิ่มตัวเลือกขนาดแก้วของเครื่องดื่มจาก 16 ออนซ์ เพิ่ม 22 ออนซ์อีก 1 ประเภท หลังจากที่วางขายไป 2 สัปดาห์พบว่ามีจำนวนปริมาณแก้วเพิ่มขึ้นราว 30% จากแก้วขนาด 22ออนซ์ ทำให้ TACC มีรายได้มากขึ้นเพราะแก้วที่ใหญ่ขึ้นใช้วัตถุดิบมากขึ้น ทำให้รายได้ทั้งปี 2563 บริษัทคาดว่าจะทรงตัวได้ YoY แต่กำไรเราคาดว่าจะเติบโต 7.6% YoY ทั้งนี้การปลดล๊อค Curfew จะเป็น Catalyst ช่วงสั้นให้กับราคาหุ้น

 

 

 

 

CPALL ไปไหน TACC ไปด้วย ... คงคำแนะนำ ซื้อ

 

การขยายธุรกิจแฟรนไชส์ 7-Eleven ในกัมพูชาเป็นระยะเวลา 30 ปีของ CPALL จะเป็นการเติบโตอีกครั้งที่สำคัญของ TACC จากความเป็น Strategic partner ที่มีความสัมพันธ์กันมายาวนาน ทำให้บริษัทยังคงมั่นใจว่าจะยังมีโอกาสได้เป็นพันธมิตรกันต่อไปในทุกประเทศที่ CPALL ขยายสาขาออกไป ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยหนุนรายได้ในธุรกิจโถกดน้ำ และ All cafe เท่านั้น แต่ยังรวมถึงธุรกิจคาแร็คเตอร์ และชาเขียวเซนย่าอีกด้วย

 

 

ซึ่งประเด็นเหล่านี้ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ คาดเริ่มเห็นความชัดเจนของแผนได้ในช่วง 4Q63 แม้ว่าที่ประมาณการรายได้ปี 2563 ของเราที่ 1,798 ลบ. ยังเติบโต 18.2% มากกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ทรงตัว แต่กำไรสุทธิคาดว่าจะยังอยู่ในกรอบประมาณการของเราที่ 179 ลบ. (+7.6% YoY) เพราะเรายังคาด GPM ต่ำเพียง 30.6% ขณะที่ 1Q63 สูงถึง 33.6% และคาดว่าจะดีขึ้นได้อีกใน 2Q63 จึงยังคงประมาณการ และคงราคาเป้าหมายที่ 6.50 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER63 ต่ำเพียง 16.1 เท่า

 

 

TACC