Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : ORI ชู 5 เดือนแรกยอดขาย 9 พันลบ.โต 18% H2/63 ปูพรมเปิด 12 โครงการ กว่า 1.67 หมื่นลบ.

2,057

HotNews : ORI ชู 5 เดือนแรกยอดขาย 9 พันลบ.โต 18% H2/63  ปูพรมเปิด 12 โครงการ กว่า 1.67 หมื่นลบ.

 

 

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (8 มิถุนายน 2563) "พีระพงศ์ จรูญเอก" บิ๊ก ORI โชว์ตัวเลขยอดขายพฤษภาคม 2563 พุ่งแรงต่อเนื่องแตะ 2,400 ล้านบาท รวมยอดสะสม 5 เดือนกวาดไป 9,000 ล้านบาท โตแกร่ง 18% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน สวนกระแสตลาดชะลอจากพิษ COVID-19 หลังปรับกลยุทธ์เดินเกมการตลาดเชิงรุก บุกแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมปั้นพนักงานสู่ Micro Influencer เพิ่มโอกาสเข้าถึงและตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุค New Normal มั่นใจทั้งปีทำได้ทะลุเป้า 21,500 ล้านบาท

 

 

 

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร บอกว่า ในเดือนพฤษภาคม 2563 บริษัทฯ สามารถทำยอดขาย (Presale) ได้ราว 2,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนกว่า 90% ซึ่งเป็นการเติบโตแรงต่อเนื่องจากเดือนเมษายนที่ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ (New High) กว่า 1,700 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นบ้านจัดสรร 29% และคอนโดมิเนียม 71% ส่งผลให้ 2 เดือนแรกของไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ มียอดขายสะสมแล้วกว่า 4,200 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 1/2563 และรวม 5 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มียอดขายสะสมกว่า 9,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนราว 18% แบ่งสัดส่วนเป็นบ้านจัดสรร 34% และคอนโดมิเนียม 66% ซึ่งเบื้องต้นบริษัทฯ คาดว่า ครึ่งแรกของปี 2563 จะสามารถปิดยอดขายได้มากกว่า 10,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นกว่า 50% ของเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 21,500 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปีมีโอกาสทำได้มากกว่าเป้าหมาย

 

 


สาเหตุสำคัญที่ผลักดันยอดขายของบริษัทฯ ให้เติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง มาจากการปรับกลยุทธ์เดินเกมการตลาดเชิงรุก ควบคู่ไปกับการเดินหน้าขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น อาทิ เปิด Official Store บนแพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada ไปพร้อมๆกับการผลักดันพนักงานให้ก้าวสู่ Micro Influencer ขายสินค้าผ่านช่องทางสื่อสารส่วนบุคคล ภายใต้โปรเจ็ค Everyone can sell

 

 


นายพีระพงศ์ บอกด้วยว่า บริษัทฯ มีแผนจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 จำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 16,700 ล้านบาท จากแผนทั้งปีมูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรรราว 10 โครงการ มูลค่ารวม 12,100 ล้านบาท เติบโตแบบก้าวกระโดดจากปีที่ผ่านมา และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ารวม 7,900 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 61:49 ตามลำดับ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ที่จะมีการเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรมากกว่าคอนโดมิเนียม โดยในช่วงครึ่งหลังของปี

 

 

 


ทั้งนี้ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย

 

1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 73 โครงการ เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ดิ ออริจิ้น (The Origin) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 114,000 ล้านบาท

 

2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร

 

 

 

 

 


บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ประเมินผลการดำเนินงานใน 2H63 จะเด่นกว่า 1H63 หลังมีแผนการโอนโครงการใหม่ที่จะแล้วเสร็จ 11 โครงการ โดยโครงการทั้งหมดมี Backlog ที่จะรับรู้ราว 10,000 ล้านบาท ในส่วนของยอด Presales เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น หลังสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับแผนการเปิด 12 โครงการในช่วง 2H63 มูลค่ารวม 16,700 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ ซึ่งยังมีกำลังซื้อจากกลุ่มลูกค้า Real Demand จะเป็นปัจจัยหนุนยอด Presales ให้ถึงเป้าที่บริษัทตั้งไว้ที่ 21,500 ล้านบาท หลัง 1Q63 บริษัทมียอด Presales แล้ว 4,850 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของเป้าหมาย

 

 


ปรับประมาณการรายได้ในปี 2563 ลง 20% เหลือ 10,956 ล้านบาท และในปี 2564 ลง 18% เหลือ 13,300 ล้านบาท หลังผลประกอบการได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 มากกว่าที่คาด ทำให้กำลังซื้อชะลอตัวลง ทั้งนี้ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2563 เหลือ 2,604 ล้านบาท (ลดลง 22% จากเดิม) และปี 2563 เหลือ 3,039 ล้านบาท (ลดลง 19% จากเดิม) อย่างไรก็ตามเราคาดว่าผลการดำเนินงานใน 2H63 จะออกมาดีกว่าใน 1H63 หนุนจากโครงการที่จะแล้วเสร็จอีก 11 โครงการ และคาดว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 จะคลี่คลาย ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อยอดขายและการโอน

 

 

แนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 6.90 บาท คงคำแนะนำ "ซื้อ" แม้ว่าเราจะปรับประมาณการกำไรสุทธิลง แต่จาก Backlog ที่บริษัทมี ซึ่ง Secure ยอดโอนทั้งหมดของเป้าที่เราประมาณการไว้ (รวมโครงการ JVs) ทาให้เราเชื่อว่ากำไรสุทธิที่เราคาดไว้ที่ 2,604 ล้านบาท มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง ประกอบกับแนวโน้มสถานการณ์ COVID-19 ที่เริ่มคลี่คลาย และการปลดล็อคเฟส 2 ทำให้เราคาดว่ายอด Presales และยอดโอนจะฟื้นตัว นอกจากนี้เราเห็นศักยภาพในการปรับตัวให้สอดคล้องตามสถานการณ์ ซึ่งได้เพิ่มสัดส่วนโครงการแนวราบ เนื่องจากยังเป็นกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อ ทั้งนี้ ณ ราคาปัจจุบันมี Upside จากมูลค่าพื้นฐานที่เราให้ไว้ที่ 6.90 บาท อิง PER 6.5 เท่า (เดิม 9.00 บาท) อยู่ 43% ทำให้แนะนำ "ซื้อ" และคาดอัตราเงินปันผลปี 2563 ที่ 0.42 บาท

 

ORI

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้