Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : WHA ลั่นพื้นฐานแกร่ง ปี 63 ปั้นผลงานโต 2 หลัก

5,048

HotNews : WHA ลั่นพื้นฐานแกร่ง ปี 63 ปั้นผลงานโต 2 หลัก

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (21 มกราคม 2563) "จรีพร จารุกรสกุล" แม่ทัพหญิง WHA มั่นใจปี 63 ผลงานโตเป็นเลขสองหลัก ตามทุกกลุ่มธุรกิจขยายตัว พร้อมปัดทุกข่าวลือทุบหุ้นร่วง ยันพื้นฐานสุดแกร่ง - ผลประกอบการโตต่อเนื่องทุกปี  วอนนลท. ใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสาร  อย่าเชื่อข่าวลือ 

 

 

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า บริษัทฯ คาดว่าผลประกอบการปี 2563 จะเติบโตเป็นเลข 2 หลัก เป็นผลจากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจประกอบด้วยธุรกิจโลจิสติกส์, นิคมอุตสาหกรรม, บริการสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลแพลตฟอร์ม ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 


ทั้งนี้นิคมอุตสาหกรรม บริษัทฯได้มีการปรับราคาขายที่ดินในนิคมฯทุกปี และในปี 2563 ถึงแม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะไม่ดีแต่มากนัก ประเมินว่าธุรกิจที่โตได้ โดยในปีนี้บริษัทฯมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้แบบสองดิจิตแน่นอนซึ่งมาจากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจสำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา มองว่าเกิดจากข่าวลือในตลาดฯที่ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้หากดูผลประกอบการของบริษัทฯในช่วงที่ผ่านมาถือว่าดีมาโดยตลอด โดยยืนยันว่าบริษัทฯ มีพื้นฐานการดำเนินธุรกิจยังคงเหมือนเดิม

 

 


" ตอนนี้บริษัทฯก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาผลประกอบการของบริษัทฯก็ค่อนข้างดีมาโดยตลอด และก็มีข่าวดีต่อเนื่องมาโดยตลอดอย่างล่าสุด เมื่อปลายปีที่ผ่านมาบริษัทฯก็มีการเปิดโรงไฟฟ้าเวสทูเอนจี่ พาวเวอร์แพลน เราก็งงมากๆว่าเกิดอะไรขึ้น พอเช็คข่าวไปในตลาด ก็พบว่าค่อนข้างจะลือกันหนักไปหน่อยค่ะ ก็เลยคิดว่าลองตั้งสติกันนิดนึงไหมค่ะเวลาฟังข่าวอะไรต่างๆ ซึ่งเราก็ยืนยันว่าพื้นฐานยังเหมือนเดิม อย่างเช่นเค้าลือกันมาว่าโครงการ EEC so far so good ก็เนี่ยได้ประมูลรถไฟฟ้าความเร็วสูงเข้าไปแล้ว ส่วนอู่ตะเภาก็ได้ข้อยุติแล้ว ส่วนมาบตาพุดก็เซ็นกันไปแล้ว แหลมฉะบังก็จะไฟนอลไม่มีการฟ้องร้องอะไรกันแแล้ว ซึ่งเรื่องดูโครงสร้างพื้นฐานของ EEC ยังคงไปต่อ" นางสาวจรีพร กล่าว

 


ส่วนเรื่องสงครามการค้า (เทรดวอร์) ล่าสุดจีนกับสหรัฐฯตกลงทางการค้าเฟสแรกกันได้แล้ว ทำให้อาจจะมีการมองว่าจีนจะไม่มีการย้ายฐานการผลิตมาที่ประเทศอื่นๆ แล้ว ซึ่งมองว่าประเด็นดังกล่าวไม่ค่อยถูดต้องนัก เนื่องจากภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน เป็นปัญหาที่มีความยืดเยื้อ คงไม่ได้จบลงในระยะสั้น อีกยังส่งให้เกิดความเชื่อมั่นในการลงทุน ดังนั้นการย้ายฐานการผลิตจึงยังคงมีอยู่ ยิ่งภาครัฐมีการส่งเสริมการลงทุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC เชื่อว่าจะเป็นแรงผลักดันต่อภาพรวมการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

 

 


"ส่วนเรื่องเทรดวอร์ ที่เค้าก็บอกว่าจีนกับสหรัฐฯตกลงทางการค้าได้แล้วไม่น่าจะมีย้ายฐานการผลิตของจีนแล้วซึ่งมันไม่ใช่ เรามองว่าเป็นเรื่องที่ยาวไม่น่าจะจบลงได้ในระยะอันสั้น อย่างที่เคยบอกไปตลอดเวลามันเกิดความไม่เชื่อมั่นแล้ว การที่จะอยู่ต่อในประเทศนั้นๆเนี่ย เค้าค่อนข้างที่จะมีประเด็น แล้วก็เรียนมาตลอดว่าเทรดวอร์เป็นเพียง Catalyst กระตุ้นให้ออกเร็วขึ้น เพราะว่าโดยส่วนใหญ่แล้วทางด้านตัวจากจีนเองสิบปีที่ผ่านมาเค้าโตเร็วมาก และก็มีการขยายการลงทุนไปทั่วโลก รวมถึงมองการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เค้าก็มองไทยกับเวียดนามรวมทั้งอินโดนีเซีย พอไทยมี EEC ก็จะดึงดูดการลงทุนมากขึ้น พอมีเทรดวอร์ทั้งจีนและไม่ใช่จีนก็มาค่ะ กระทั่งล่าสุดเกาหลี จากเดิมที่เค้าจะไปลงทุนที่ทางเวียดนามเป็นหลัก ซึ่งเค้าจะย้ายการผลิตอิเล็กทรอนิกส์มาลงในประเทศไทยบ้าง รวมถึงกลุ่มไต้หวันก็จะมามากขึ้น " นางสาวจรีพร กล่าว

 

 



ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)

ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า คงคำแนะนำ ซื้อ WHA ราคาพื้นฐานใหม่ปรับลงตาม NAV และใช้ส่วนลด 20% คาดว่าภาครัฐจะมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนตามมาในไม่ช้า เพื่อกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ และผลักดัน EEC ยอดขายนิคมฯปี 62 เบื้องต้นเป็น 980 ไร่ คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 5% y-o-y หลังจาก 9M62 ทำได้ 565 ไร่ เฉพาะ 4Q62 สามารถเร่งยอดขายขึ้นมาได้อีก 415 ไร่ หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 42% จากยอดขายทั้งหมดในปี 62 แต่ต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีเฉพาะไทยที่ 1,400 ไร่ คาดว่าจะมีลูกค้าบางส่วนเลื่อนมาลงนามในสัญญาซื้อขายเป็นปีนี้หรือปี 63 แทน เดิมทีได้ตั้งเป้ายอดขายที่เวียดนาม 200 ไร่ แต่ปี 62 เป็นการเปิดขายปีแรก จึงยังมียอดขายที่ไม่มีนัยสำคัญ

 



ปรับกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 62 ลง 8% เพื่อสะท้อน 1) ยอดขายนิคมฯปี 62 ทำได้ต่ำกว่าสมมุติฐานที่ให้ไว้ก่อนหน้าเป็น 1,000 ไร่ และ 2) รายได้จากการขายสินทรัพย์ 4.8 พันล้านบาท ใน 4Q62 นั้น แบ่งเป็นส่วนของ WHA เองประมาณ 2.0 พันล้านบาท และในนามบริษัทร่วมทุน (JV) ที่ 2.8 พันล้านบาท ซึ่ง WHA ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 40% จากเดิมที่ให้เป็นรายได้ของ WHA ทั้งก้อน จึงทำให้ประมาณการกำไรปรับลดลงบ้าง แต่ยังดีที่จำนวนหุ้นสามัญที่แปลงมาจาก WHA-W1 ในช่วงปลายปี 62 ต่ำกว่าคาดรวมเป็น 14,946.6 ล้านหน่วย จากที่คาดไว้เดิมที่ 15,120 ล้านหน่วย อย่างไรก็ตามหากเทียบ y-o-y EPS ปี 62/63 โตดีเป็น +17%/+15% ตามลำดับ

 



ติดตามดีลการขายโรงงานให้เช่ากับอาลีบาบา ว่าจะทันเส้นตาย ม.ค.63 นี้หรือไม่ ความจริงแล้วลูกค้าต้องการซื้ออาคารคลังสินค้าเฟส 1 ที่ปัจจุบันเป็นเช่าอยู่ แต่รอให้มีการประกาศราชกิจจานุเบกษาให้พื้นที่เป็นเขตส่งเสริมพิเศษเพื่อกลุ่มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ก่อน ทั้งนี้ปัจจุบันลูกค้าอาลีบาบามีการเช่าอาคารคลังสินค้าเฟส 1 พื้นที่ 130,000 ตรม. ตั้งอยู่ที่ E-Commerce Park บนพื้นที่ 232 ไร่ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา บริษัทให้ข้อมูลเบื้องต้นไว้ว่ามูลค่าขายจะอยู่ที่ราว 3,000 ล้านบาท หากเราสมมุติให้อัตรากำไรสุทธิเป็น 20% ก็จะได้กำไรเพิ่มขึ้น 600 ล้านบาท และคิดเป็นส่วนเพิ่มถึง 14% จากคาดการณ์กำไรสุทธิปี 63 ที่ 4,217 ล้านบาท

 



รองนายกสมคิดฯสั่ง BOI หารือก.คลังออกมาตรการกระตุ้นการลงทุน ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า และให้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ BOI ในช่วงต้นเดือน ก.พ.นี้ เพราะอยากจะให้มีการลงทุนในประเทศไทยจริง หลังจากรองนายกรัฐมนตรี เผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนบีโอไอปี 2562 มีมูลค่าเงินลงทุน 756,100 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ระดับ 750,000 ล้านบาท และเป็นการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ร้อยละ 59

 

 

คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานใหม่ปรับลงตามมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) เดิมทีเป็น 5.46 บาท ล่าสุดปรับลงเป็น 5.17 บาท เพราะมูลค่าเงินลงทุน WHAUP ที่บริษัทถืออยู่ 69% ปรับลงมากใน SET เราจึงใช้ราคาเป้าหมายปรับลงเป็น 6.50 บาท (P/BV อุตสาหกรรมที่ 1.8 เท่า) จากเดิมที่ 8.00 บาท และมูลค่าพื้นฐานใช้ส่วนลด 20% จาก NAV ใหม่สะท้อนความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น แต่ราคาหุ้นปรับลงมากไปจนมีส่วนเพิ่มได้ 26% คาดว่าภาครัฐจะมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนตามมาในไม่ช้านี้ เพื่อกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ เช่น เร่งผลักดันให้มีการนำเข้าเครื่องจักรใหม่ในยามที่บาทแข็ง และผลักดันนโยบายระเบียงเศรษฐกิจ (EEC) ดันโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ส่วนประเด็นความกังวลว่าจีน-สหรัฐจะลดแรงกดดันสงครามการค้าได้ ทำให้ย้ายฐานการผลิตมาไทยน้อย เราคาดว่าจะยังมีความยืดเยื้อ เช่น เฟส 2 กว่าจะทราบผลเป็นปลายปีนี้ และปัจจุบันจีนกลับมีค่าแรงขั้นต่ำที่สูง จึงจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิต

 

 

 


บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด 

ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า คงคำแนะนำ "ถือ" WHA ที่ราคาเป้าหมาย 4.20 บาท อิง 2020E PBV ที่ 2.2x (5-yr average PBV) วานนี้ (14 ม.ค.) Alibaba ไม่ได้ Exercise สิทธิการซื้อที่ดินในวันใช้สิทธิวันสุดท้ายของ Option to buy จากความล่าช้าด้านข้อกฏหมาย และเอกสารการขายที่ดินให้แก่ Alibaba เราคาดว่าบริษัทจะมีการทำสัญญาซื้อขายใหม่กับ Alibaba และคาดการซื้อขายที่ดินนี้จะแล้วเสร็จภายในปี 2020E อย่างไรก็ตามในกรณีที่แย่ที่สุดเราคาดว่าบริษัทจะยังสามารถรับรู้รายได้ค่าเช่าจากสัญญาได้ ทั้งนี้เรายังไม่ได้รวมผลจากการขายที่ดินให้ Alibaba นี้เข้าในประมาณการกำไรสุทธิปี 2020E เราจึงยังคงกำไรสุทธิปี 2020E ที่ 3.6 พันล้านบาท (+6.5%) จากยอดโอนที่ดินปี 2020E ที่ 914 ไร่ และคาดว่ายอด presale ปี 2020E จะยังไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงอย่างเด่นชัด เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และค่าเงินบาทที่แข็งค่าเป็นหลัก

 


ราคาหุ้นปรับตัวลง และ underperform SET -11%/-21% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมาจากยอด presale ที่ต่ำ และความเสี่ยงด้านต้นทุนทางการเงินที่มีโอกาสเพิ่มขึ้น ภายหลัง TRIS Rating ให้ negative outlook อย่างไรก็ตามยอด presale อาจจะมีการปรับตัวเข้าสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ภายหลังการผ่านร่างงบประมาณปี 2020 ที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในประเทศ เราจึงคงคำแนะนำเพียง "ถือ"

 

 

รายได้จากการขายที่ดินให้ Alibaba จะยังล่าช้าออกไป Alibaba ไม่ได้ Exercise สิทธิ Option to buy วานนี้ (14 ม.ค.) ซึ่งถือเป็นวันสุดท้ายของการใช้สิทธิภายหลังที่ Alibaba ได้ส่งหนังสือลงนามการใช้สิทธิที่จะซื้อเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2019 จากความล่าช้าด้านข้อกฏหมาย และเอกสารการขายที่ดินให้แก่ Alibaba ส่งผลให้บริษัทจะมีการเข้าทำสัญญาเพื่อที่จะขายที่ดินให้ Alibaba ใหม่ ซึ่งเราคาดว่าจะสามารถซื้อขายที่ดินแล้วเสร็จภายในปี 2020 อย่างไรก็ตามในกรณีที่แย่ที่สุด Alibaba ไม่สามารถซื้อที่ดินได้ เราคาดว่าบริษัทจะยังสามารถรับรู้รายได้ค่าเช่าได้ เนื่องจากบริษัทได้ส่งมอบที่ดิน และโรงงานให้เช่าแล้วเสร็จ พร้อมให้ Alibaba เข้าดำเนินงานตั้งแต่เดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้เรายังไม่ได้รวมผลจากการขายที่ดินให้ Alibaba เข้าในประมาณการกำไรสุทธิปี 2020E

 



คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2020E ขยายตัว +6.5% เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2020E ที่ 3.6 พันล้านบาท (+6.5%) จากยอดโอนที่ดินปี 2020E ที่ 914 ไร่ โดยเป็นผลของ 1) ฐาน Backlog ณ สิ้นปี 2019E ประมาณ 510 ไร่ และ 2) ยอด presale ปี 2020E ที่ 1.1 พันไร่ ทั้งนี้เราคาดว่ายอด presale ปี 2020E จะยังไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงอย่างเด่นชัด เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลต่อความน่าสนใจในการลงทุนในนิคมฯในประเทศไทยที่ลดลง นอกจากนี้เราคาดว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้น คิดเป็น SG&A/Sale ที่ 21.0% จากค่าใช้จ่ายภาษีที่ดินที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา

 

 

ราคาเป้าหมาย 4.20 บาท อิง 2020E PBV 2.2x (5- yr average PBV) โดยคาดว่าบริษัทจะมีความเสี่ยงด้านยอด presale ที่จะทรงตัว และยอดโอนที่ดินที่จะลดลงตามฐาน Backlog ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในระยะยาวจะลดลง คิดเป็น 2019E - 2021E Net profit CAGR ที่ -9.8% รวมทั้งความเสี่ยงจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น จาก Interest bearing debt / EBITDA (excl. equity income) จะยังอยู่ในระดับสูงคาดปี 2019E-2021E ที่ประมาณ 9.0x ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่ออันดับ Credit rating ที่อาจปรับลงภายหลังที่บริษัทได้รับ Negative outlook จาก TRIS Rating ในช่วงเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา

 

 

WHA

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หยั่งเชิง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ หุ้นไทยเช้าวันจันทร์ขยับลง คนเล่นหุ้น ชาวหุ้น หยั่งเชิง ตลาดคาบเกี่ยวตลาดหยุดทำการเนื่อง....

มัลติมีเดีย

มารู้จักหุ้น SNPS ก่อน IPO - สายตรงอินไซด์

มารู้จักหุ้น SNPS ก่อน IPO - สายตรงอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้