Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

สัมภาษณ์พิเศษ: TPCH ปักธงเป็น King of South

4,018




 

                ทีมข่าวหุ้นอินไซด์  มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ ผู้บริหารหนุ่มวิสัยทัศน์ไกล "เชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล"  กรรมการผู้จัดการใหญ่  แห่ง บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ  TPCH  หลังนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ประเดิมเทรดเป็นตัวแรกของปี 2558  จังหวะก้าวเดินหลังจากนี้  TPCH   ชัดเจนขอพุ่งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 150  MW ใน 3-4 ปีจากนี้เร็วกว่าเดิมที่คาดว่าจะใช้เวลา5 ปี  หลังเดินหน้าพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลรวมทั้งการเข้าซื้อกิจการพลังงาน เพื่อก้าวขึ้นสู่ King of South  ด้านชีวมวล ด้วยมาร์เก็ปแคปแตะ 1 หมื่นลบ.  ขอเชิญพบกับเนื้อหาที่น่าสนใจดังนี้....

              

 

***ฉายภาพธุรกิจปี 2558 ***

                "ปี58 เราจะมีโรงไฟ้เพิ่มอีก 3 แห่ง จากปี 57 ตอนนี้กำลังก่อสร้างอยู่อยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช  นครสวรรค์  และที่สมุทรสาคร และขนาดกำลังการผลิตก็จะเพิ่มขึ้น โดยเราคงจะมองเรื่องของโรงไฟฟ้าทั้งรูปแบบการเข้าซื้อกิจการหรือการพัฒนา เพิ่มเติม ส่วนในปี 2559  จากแผนเราในปีนี้ที่เราจะมีกำลังการผลิตทั้งหมด 40  MW  ไม่รวมที่เราจะเข้าไปซื้อ และในปี 2559  เราจะมีเพิ่มอีกประมาณ 60  MW   เพราะฉะนั้นจากเดิมที่บริษัทฯ วางแผนไว้ว่าประมาณ 3-5 ปี เราจะมี 150  MW  เราคิดว่าเราน่าจะทำได้ค่อนข้างจะเร็ว จากเดิมที่เมื่อก่อนเคยวางเป้าไว้ 5 ปี 150  MW  มาตอนนี้ผมคิดว่า 3-4   ปี 150  MW   เราน่าจะไปถึง

 

***จะขยายไปที่ไหนบ้าง***

                จริงๆก่อนที่เราเข้าตลาดฯ เราได้ทำแผนที่จะเป็น King of  South  ทางด้านไบโอแมส และเราจะไปทั้งหมด 14 จังหวัดในภาคใต้ซึ่งเป็นฐานใหญ่ของเรา ตอนนี้สภาพเศรษฐกิจก็ดี หรือว่านโยบายต่างๆ ของภาครัฐฯ ก็ดีก็เข้ามามีบทบาททำให้อัตราการเติบโตของเราเพิ่มขึ้น   หลังจากมีการกำหนดอัตราคิดค่าไฟใหม่เป็น  Feed in Tariff (FiT)  ซึ่งจะทำให้โครงการใหม่ๆ ของบริษัทฯ  มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น จาก30%  ที่บริษัทฯ  ทำได้ในระบบ ADDER เป็นประมาณ 40-45%ในระบบ  Feed in Tariff   โดยเฉพาะใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ตอนนี้กำลังพัฒนาอยู่ที่เราปักธงลงไป ตรงนี้อัตรากำไรสุทธิก็ค่อนข้างจะสูงมาก คิดว่าอัตราการคืนทุนก็ไม่น่าจะเกิน 4 ปี

 

 

***กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะผลักดันรายได้ให้โตไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่***
                แน่น่อน ผมคิดว่ารายได้ก็น่าจะปรับตัวล้อไปกับอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นด้วย เพราะว่ากำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 3 ปี  1000%   คือ 3  ปี 10  เท่า จาก 10  MW  ในปี 57 เป็น100  MW  ในปี 60   เพราะฉะนั้น10 เท่าตามกำลังการผลิตในส่วนของรายได้และกำไรสุทธิ ต้องเติบโตในทิศทางเดียวกันแน่นอน

 

***แผนการซื้อกิจการ ***

                ถ้าในต่างประเทศเราคงเข้าไปพัฒนาต่อคือโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ลาว ถัดมาคือในประเทศตอนนี้ก็มีดีลที่เรากำลังศึกษาอยู่ ถ้ามีความชัดเจนเมื่อไหร่ก็จะประกาศอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งดีลนี้จะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น  ....ปีนี้น่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้สัก 2-3 ดีล

 

 

***เงินที่ระดมทุนตอนขาย IPO นำไปใช้อะไรบ้าง***
               เงินที่ระดมทุมมาได้ 1.1 พันล้านบาท  จำนวน 600-700  ล้านบาท เราจะนำไปลงทุนในโครงการที่เราพัฒนาขึ้นมาแล้ว คือโครงการพัทลุงกรีน สตูลกรีน  และปัตตานีกรีนที่เหลืออีก 300-400 ล้านบาท ก็จะใช้เป็นทุนหมุนเวียนและพัฒนาโครงการใหม่ รวมถึงการเข้าไปซื้อกิจการ

 

***นอกจากโรงไฟฟ้าชีวมวล สนใจพลังงานด้านอื่นด้วยหรือไม่***

                ตอนนี้เราก็ศึกษาพลังงานทางเลือกอย่างอื่น น่าจะให้ความชัดเจนในQ2/58  อีกอย่างหนึ่ง เป็นพลังงานที่ภาครัฐให้การสนับสนุน  ซึ่งใกล้เคียงกับ Know How  ของเรา คือพลังงานขยะ ที่เมื่อสักครู่ พูดถึงไบโอแมส 2-3 ดีล  ส่วนขยะมีอยู่ประมาณ 3 ดีลที่เราศึกษาอยู่ว่าสนใจจะไปร่วมลงทุนหรือไม่  ตอนนี้มีหลายรูปแบบมากความชัดเจนน่าจะมีในไตรมาส2/58 ช่วงตอนออก Oppertunity Day   น่าจะได้แจ้งข่าวให้ทราบกันครับ

 

***หลังเข้าตลาดหุ้นมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง***

                หลังเข้าตลาดหุ้นมาเราก็ได้รับความสนใจมากขึ้นจากนักลงทุน  ก่อนนี้ทุกคนจะบอกว่าหุ้น  TPCH   มี P/E  ที่ค่อนข้างสูง  แต่ถ้าเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตที่เราบอกว่า 3 ปี เติบโต 10 เท่า แล้วก็ 5 ปี 150  MW  เราน่าจะทำได้เร็วขึ้น อีกทั้งถ้าเข้าใจในเรื่องของธุรกิจไบโอแมส ก็ถือว่าสูสีและก็ไม่แพ้กับพลังงานทางเลือกประเภคอื่นๆ เลย

 

 

***รายได้ปีนี้จะเติบโตกี่% ****

 

                รายได้ปี 58 เมื่อเทียบกับปี 57 น่าจะเติบโตมากขึ้น30-40%  อัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า30%  แต่อย่างที่เรียนไปว่าเรากำลังรอความชัดเจน แม้ว่าในเรื่องของ  Feed in Tariff  ออกมาแล้ว  แต่ความชัดเจนในโครงการของเราตอนนี้เรามีใบอนุญาติอยู่ 5 ใบคือโครงการที่นครศรีธรรมราช และที่สมุทรสาคร  2 โครงการนี้กำลังทำเรื่องเข้าไปสอบถามว่าเราสามารถเปลี่ยนเป็น Feed in Tariff  ได้หรือไม่ ถ้าเปลี่ยนได้ตรงนี้ก็จะทำอัตรากำไรสุทธิเพิ่มเป็น 40-50% จาก 30%เพราะ Feed in Tariff  โดยฉลี่ยที่ได้เราเราขายไฟในโครงการช้างแรก อัตราขายไปอยู่ที่ 3.40 บาท ตัว Feed in Tariff  ใหม่ได้เพิ่มอีก 1 บาท  ซึ่งค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับกำไรที่จะกลับเข้ามา เพราะให้ดูเป็นตัวเลขง่ายๆ ว่ากำลังการผลิตประมาณ 10  MW  ขายไฟที่9  MW   จะมีกำลังการผลิตสักประมาณ 70  ล้านหน่วย ถ้าเราได้เพิ่มอีก 1 บาท ก็ได้เพิ่มมาอีก 70 ล้านบาทตรงนี้จะเป็น  Growth  ที่แฝงอยู่

 

***ฝากทิ้งท้ายถึงผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ***

                ผมคิดว่าหุ้น  TPCH  เป็นหุ้นที่เติบโตเร็ว และแผนธุรกิจของเราชัดเจน เราวางPositionของเราว่าจะเป็น King of South  ทางด้านไบโอแมส ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้เราก็เป็นกลุ่มโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่เข้าจด ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เราวางเอาไว้ว่ามาร์เก็ตแคปจะขึ้นไปอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ไม่เกิน 2ปี  จากตอนนี่มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 5 พันล้านบาท  อันนี้เป็นธงที่เราตั้งไว้เลยว่า ต้องขึ้นไปแตะ 1 หมื่นล้านบาท  ตรงจุดนี้เราแสดงให้เห็นว่าแผนธุรกิจเราชัดเจน และจากนโยบายของภาครัฐที่ออกมา ผมมองว่ามาร์เก็ตแคปหมื่นล้านไม่ไกล

 

---จบ---

 By: สุกัญญา ศิริรวง/ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์ 

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้