ทีมข่าวหุ้นอินไซด์ มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ ผู้บริหารหนุ่มวิสัยทัศน์ไกล "เชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล" กรรมการผู้จัดการใหญ่ แห่ง บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH หลังนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ประเดิมเทรดเป็นตัวแรกของปี 2558 จังหวะก้าวเดินหลังจากนี้ TPCH ชัดเจนขอพุ่งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 150 MW ใน 3-4 ปีจากนี้เร็วกว่าเดิมที่คาดว่าจะใช้เวลา5 ปี หลังเดินหน้าพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลรวมทั้งการเข้าซื้อกิจการพลังงาน เพื่อก้าวขึ้นสู่ King of South ด้านชีวมวล ด้วยมาร์เก็ปแคปแตะ 1 หมื่นลบ. ขอเชิญพบกับเนื้อหาที่น่าสนใจดังนี้....
***ฉายภาพธุรกิจปี 2558 ***
"ปี58 เราจะมีโรงไฟ้เพิ่มอีก 3 แห่ง จากปี 57 ตอนนี้กำลังก่อสร้างอยู่อยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช นครสวรรค์ และที่สมุทรสาคร และขนาดกำลังการผลิตก็จะเพิ่มขึ้น โดยเราคงจะมองเรื่องของโรงไฟฟ้าทั้งรูปแบบการเข้าซื้อกิจการหรือการพัฒนา เพิ่มเติม ส่วนในปี 2559 จากแผนเราในปีนี้ที่เราจะมีกำลังการผลิตทั้งหมด 40 MW ไม่รวมที่เราจะเข้าไปซื้อ และในปี 2559 เราจะมีเพิ่มอีกประมาณ 60 MW เพราะฉะนั้นจากเดิมที่บริษัทฯ วางแผนไว้ว่าประมาณ 3-5 ปี เราจะมี 150 MW เราคิดว่าเราน่าจะทำได้ค่อนข้างจะเร็ว จากเดิมที่เมื่อก่อนเคยวางเป้าไว้ 5 ปี 150 MW มาตอนนี้ผมคิดว่า 3-4 ปี 150 MW เราน่าจะไปถึง
***จะขยายไปที่ไหนบ้าง***
จริงๆก่อนที่เราเข้าตลาดฯ เราได้ทำแผนที่จะเป็น King of South ทางด้านไบโอแมส และเราจะไปทั้งหมด 14 จังหวัดในภาคใต้ซึ่งเป็นฐานใหญ่ของเรา ตอนนี้สภาพเศรษฐกิจก็ดี หรือว่านโยบายต่างๆ ของภาครัฐฯ ก็ดีก็เข้ามามีบทบาททำให้อัตราการเติบโตของเราเพิ่มขึ้น หลังจากมีการกำหนดอัตราคิดค่าไฟใหม่เป็น Feed in Tariff (FiT) ซึ่งจะทำให้โครงการใหม่ๆ ของบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น จาก30% ที่บริษัทฯ ทำได้ในระบบ ADDER เป็นประมาณ 40-45%ในระบบ Feed in Tariff โดยเฉพาะใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ตอนนี้กำลังพัฒนาอยู่ที่เราปักธงลงไป ตรงนี้อัตรากำไรสุทธิก็ค่อนข้างจะสูงมาก คิดว่าอัตราการคืนทุนก็ไม่น่าจะเกิน 4 ปี
***กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะผลักดันรายได้ให้โตไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่***
แน่น่อน ผมคิดว่ารายได้ก็น่าจะปรับตัวล้อไปกับอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นด้วย เพราะว่ากำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 3 ปี 1000% คือ 3 ปี 10 เท่า จาก 10 MW ในปี 57 เป็น100 MW ในปี 60 เพราะฉะนั้น10 เท่าตามกำลังการผลิตในส่วนของรายได้และกำไรสุทธิ ต้องเติบโตในทิศทางเดียวกันแน่นอน
***แผนการซื้อกิจการ ***
ถ้าในต่างประเทศเราคงเข้าไปพัฒนาต่อคือโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ลาว ถัดมาคือในประเทศตอนนี้ก็มีดีลที่เรากำลังศึกษาอยู่ ถ้ามีความชัดเจนเมื่อไหร่ก็จะประกาศอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งดีลนี้จะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ....ปีนี้น่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้สัก 2-3 ดีล
***เงินที่ระดมทุนตอนขาย IPO นำไปใช้อะไรบ้าง***
เงินที่ระดมทุมมาได้ 1.1 พันล้านบาท จำนวน 600-700 ล้านบาท เราจะนำไปลงทุนในโครงการที่เราพัฒนาขึ้นมาแล้ว คือโครงการพัทลุงกรีน สตูลกรีน และปัตตานีกรีนที่เหลืออีก 300-400 ล้านบาท ก็จะใช้เป็นทุนหมุนเวียนและพัฒนาโครงการใหม่ รวมถึงการเข้าไปซื้อกิจการ
***นอกจากโรงไฟฟ้าชีวมวล สนใจพลังงานด้านอื่นด้วยหรือไม่***
ตอนนี้เราก็ศึกษาพลังงานทางเลือกอย่างอื่น น่าจะให้ความชัดเจนในQ2/58 อีกอย่างหนึ่ง เป็นพลังงานที่ภาครัฐให้การสนับสนุน ซึ่งใกล้เคียงกับ Know How ของเรา คือพลังงานขยะ ที่เมื่อสักครู่ พูดถึงไบโอแมส 2-3 ดีล ส่วนขยะมีอยู่ประมาณ 3 ดีลที่เราศึกษาอยู่ว่าสนใจจะไปร่วมลงทุนหรือไม่ ตอนนี้มีหลายรูปแบบมากความชัดเจนน่าจะมีในไตรมาส2/58 ช่วงตอนออก Oppertunity Day น่าจะได้แจ้งข่าวให้ทราบกันครับ
***หลังเข้าตลาดหุ้นมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง***
หลังเข้าตลาดหุ้นมาเราก็ได้รับความสนใจมากขึ้นจากนักลงทุน ก่อนนี้ทุกคนจะบอกว่าหุ้น TPCH มี P/E ที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้าเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตที่เราบอกว่า 3 ปี เติบโต 10 เท่า แล้วก็ 5 ปี 150 MW เราน่าจะทำได้เร็วขึ้น อีกทั้งถ้าเข้าใจในเรื่องของธุรกิจไบโอแมส ก็ถือว่าสูสีและก็ไม่แพ้กับพลังงานทางเลือกประเภคอื่นๆ เลย
***รายได้ปีนี้จะเติบโตกี่% ****
รายได้ปี 58 เมื่อเทียบกับปี 57 น่าจะเติบโตมากขึ้น30-40% อัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า30% แต่อย่างที่เรียนไปว่าเรากำลังรอความชัดเจน แม้ว่าในเรื่องของ Feed in Tariff ออกมาแล้ว แต่ความชัดเจนในโครงการของเราตอนนี้เรามีใบอนุญาติอยู่ 5 ใบคือโครงการที่นครศรีธรรมราช และที่สมุทรสาคร 2 โครงการนี้กำลังทำเรื่องเข้าไปสอบถามว่าเราสามารถเปลี่ยนเป็น Feed in Tariff ได้หรือไม่ ถ้าเปลี่ยนได้ตรงนี้ก็จะทำอัตรากำไรสุทธิเพิ่มเป็น 40-50% จาก 30%เพราะ Feed in Tariff โดยฉลี่ยที่ได้เราเราขายไฟในโครงการช้างแรก อัตราขายไปอยู่ที่ 3.40 บาท ตัว Feed in Tariff ใหม่ได้เพิ่มอีก 1 บาท ซึ่งค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับกำไรที่จะกลับเข้ามา เพราะให้ดูเป็นตัวเลขง่ายๆ ว่ากำลังการผลิตประมาณ 10 MW ขายไฟที่9 MW จะมีกำลังการผลิตสักประมาณ 70 ล้านหน่วย ถ้าเราได้เพิ่มอีก 1 บาท ก็ได้เพิ่มมาอีก 70 ล้านบาทตรงนี้จะเป็น Growth ที่แฝงอยู่
***ฝากทิ้งท้ายถึงผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ***
ผมคิดว่าหุ้น TPCH เป็นหุ้นที่เติบโตเร็ว และแผนธุรกิจของเราชัดเจน เราวางPositionของเราว่าจะเป็น King of South ทางด้านไบโอแมส ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้เราก็เป็นกลุ่มโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่เข้าจด ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เราวางเอาไว้ว่ามาร์เก็ตแคปจะขึ้นไปอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ไม่เกิน 2ปี จากตอนนี่มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 5 พันล้านบาท อันนี้เป็นธงที่เราตั้งไว้เลยว่า ต้องขึ้นไปแตะ 1 หมื่นล้านบาท ตรงจุดนี้เราแสดงให้เห็นว่าแผนธุรกิจเราชัดเจน และจากนโยบายของภาครัฐที่ออกมา ผมมองว่ามาร์เก็ตแคปหมื่นล้านไม่ไกล
---จบ---
By: สุกัญญา ศิริรวง/ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์
แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....
NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68